The City of Arts and Sciences : สถาปัตยกรรมแห่งอนาคตในโลกปัจจุบันใจกลางบาเลนเซีย

เมื่อพูดถึงเมืองแห่งศิลปะและวิทยาศาสตร์ หลายคนคงนึกถึงเมืองบาเลนเซียเป็นที่แรก ขณะเดียวกันเมื่อถามถึงบาเลนเซีย หลายคนก็จะนึกถึงศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และเมืองที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสเปน และนี่คือเหตุผลที่ทำให้บาเลนเซียมีเสน่ห์แตกต่างจากเมืองอื่นๆ กลายเป็นเมืองที่มีส่วนผสมระหว่างวัฒนธรรมเก่าแก่ ศิลปะ และวิทยาศาสตร์

และเหตุผลเดียวกันนี้เองทำให้เราตัดสินใจใช้วันหยุด 2 อาทิตย์ช่วงเทศกาลคริสต์มาสหนีความหนาวเย็นจากลอนดอนไปฉลองปีใหม่ที่บาเลนเซีย ด้วยระยะทางที่ใกล้และอากาศที่อุ่นขึ้นแทบจะเท่าช่วงฤดูหนาวในไทย จึงถือว่าเกินคุ้มสำหรับค่าตั๋วจากลอนดอน และยิ่งถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลแล้วเผลอๆ จะถูกกว่าบินภายในประเทศเสียอีก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะได้ตั๋วไป-กลับในราคา 1,800 บาท

ด้วยความที่เราเป็นสถาปนิก พอถึงสนามบิน สิ่งแรกที่ทำคือพุ่งตัวไปที่ The City of Arts and Sciences สถานที่ที่เป็นความฝันตั้งแต่สมัยเรียน เพื่อมาชมความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมจากสถาปนิกและวิศวกรชาวสเปน ผู้เชื่อในเรื่องความเป็นไปได้ทางโครงสร้างสถาปัตยกรรมอย่าง ซานเตียโก กาลาตราบา (Santiago Calatrava)

ภาพแรกที่เห็นทำให้เราแทบหยุดหายใจเหมือนหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกหนึ่งในอนาคต สัดส่วนของอาคารพิพิธภัณฑ์ The City of Arts and Sciences ยิ่งใหญ่เกินจริง รายละเอียดของแผ่นกระเบื้องชิ้นเล็กๆ ที่เรียงตัวกัน เราไปถึงในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก ทำให้ได้เห็นแสงแดดอุ่นๆ ตกกระทบที่ตัวอาคาร ลมที่หยุดนิ่งทำให้ผืนน้ำรอบๆ สะท้อนตัวอาคารราวกับกระจก ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันเกินฝันจริงๆ

The City of Arts and Science ถือว่าเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางสถาปัตยกรรม ด้วยความโดดเด่นของอาคารที่เรียกได้ว่าเป็นแนว futurism ได้เลยทีเดียว ตัวพิพิธภัณฑ์ประกอบไปด้วย 5 อาคารหลักๆ คือ โรงภาพยนตร์และท้องฟ้าจำลอง (L’Hemisfèric) โดมทางเดินที่จัดแสดงพืชพื้นเมืองบาเลเซีย (L’Umbracle) พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (The Príncipe Felipe Science Museum) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป (L’Oceanográfico) และอาคารโอเปร่า (Palau de les Arts Reina Sofia)

หลายคนคงเคยเห็นที่นี่ผ่านตาจากภาพยนตร์เรื่อง Tomorrowland (2015) ของค่ายดิสนีย์ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่อาคารที่ถูกสร้างขึ้นจริงในยุคนี้แต่ไปปรากฏในหนังไซไฟแห่งโลกอนาคตจนผู้กำกับอย่าง Jeffrey Chernov ต้องเอ่ยปากว่า “You walk into that place and you never want to leave. That is the vibe we wanted for Tomorrowland.” – เหมือนคุณได้เดินไปในสถานที่ที่คุณไม่อยากจากไปไหน นี่แหละคือสถานที่ที่เราอยากให้เป็นใน Tomorrowland

ความยิ่งใหญ่ในโครงสร้างทางวิศวกรรมบวกกับความคิดสร้างสรรค์ทางสถาปัตยกรรม ทำให้ The City of Arts and Sciences ดึงดูดนักท่องเที่ยวเรื่อยมา อีกทั้งภายในอาคารเป็น interactive museum ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ถ้าเป็นคนชอบศิลปะและวิทยาศาสตร์แล้ว สามารถใช้เวลาทั้งวันเดินเล่นและทำกิจกรรมภายในอาคารได้โดยไม่รู้สึกเบื่อเลย

นอกเหนือจากความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมในตัวเมืองแล้ว แถบชานเมืองบาเลนเซียยังรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม นอกจากจะเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว แน่นอนว่าชายทะเลก็สวยไม่แพ้ท่าเรือ หรือถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินเล่นบนภูเขา ก็สามารถทำได้เพียงแค่ออกจากตัวเมืองไปไม่กี่สิบกิโลเมตร เรียกได้ว่ามาที่เดียวได้เที่ยวครบทุกบรรยากาศ

ทิ้งท้ายไว้ด้วยเสน่ห์ของท้องฟ้าที่ไร้เมฆและผืนน้ำที่นิ่งสงบของบาเลนเซีย ที่ Albufera ทะเลสาบที่ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นเลือกจะใช้เวลาช่วงหัวค่ำนั่งเรือดูพระอาทิตย์ตก แสดงให้เห็นถึงวิถีการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย สงบ แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูด บาเลนเซียจึงเป็นเมืองหนึ่งที่ทั้งเหมาะกับการมาเที่ยวในระยะเวลาสั้นๆ และใช้ชีวิตในระยะยาว


Map

http://www.cac.es/en/home.html

ใครอยากส่งเรื่องสถานที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย

AUTHOR