ความสุขเล็กๆ ที่ได้เห็นต้นไม้เติบโต และทำให้ฉันเบ่งบานไปพร้อมกับมัน

บรรยากาศในห้องทำงานบางครั้งก็เต็มไปด้วยความเร่งรีบและเคร่งเครียด ทุกวันนี้คนเราแทบจะไม่ได้สัมผัสธรรมชาติต่อวัน แต่การที่ได้เห็นต้นไม้ ดอกไม้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่สิ่งเล็กๆ แต่กลับส่งผลต่อจิตใจให้กับฉันได้มากทีเดียว

การมีความสุขในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี้สอดคล้องเกี่ยวกับ ฮุกกะ (Hygge) หนึ่งในแนวความคิดให้ชีวิตมีสุขของชาวเดนมาร์ก ความรู้สึกขอบคุณสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวที่เกิดขึ้นได้ง่ายจากเรื่องธรรมดาๆ ก็สามารถมีความสุขในการใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง

ความรู้สึกนี้มันทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์ในออฟฟิศกับห้องสี่เหลี่ยมสีขาวเล็กๆ ที่ต้องนั่งทำงานทุกวัน มีน้องคนหนึ่งในออฟฟิศที่เอาต้นไม้มาตั้งไว้ที่ชั้นวางของ อาทิตย์ละหนึ่งต้น ช่วงแรกคนในออฟฟิศก็ไม่ได้สนใจมากนัก แต่เมื่อเห็นจำนวนกระถางต้นไม้เริ่มงอกมาทีละอัน สองอันจนเต็มชั้น มันก็เริ่มดึงดูดให้คนหันมามองและเริ่มมีคำถามบ่อยขึ้นว่าต้นไม้พันธุ์อะไร ซื้อจากที่ไหน หรือบางคนยืนหยุดมองตรงชั้นวางของนานมากขึ้น

บางครั้งน้องก็ชอบซื้อดอกไม้สีสันสดใสจากปากคลองตลาดมาวางใกล้ๆ กระถางต้นไม้สีเขียว มาจัดวางไว้เต็มโต๊ะ และเริ่มจัดแจกันให้คนรอบข้าง จากคนในออฟฟิศที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องสีเขียวในหัวเลยสักนิด เมื่อเห็นสีสันของต้นไม้ ดอกไม้และกลิ่นหอมๆ ของมัน สีหน้าและรอยยิ้มของพวกเขาก็ดูมีความสุขที่ได้เห็นสิ่งเหล่านี้รอบตัวมากกว่าเคย

ไม่น่าเชื่อว่าแค่กระถางต้นไม้แค่ใบเดียวจะเป็นจุดเริ่มต้นทำให้คนสนใจธรรมชาติรอบตัวมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงขั้นเป็นห่วงแทนต้นไม้ว่าอยู่ในห้องสีขาวจะสุขภาพดีไหม จากการที่คนในออฟฟิศขยันเปิดหน้าต่างและปรับองศามูลี่ให้แสงแดดเข้ามาในห้องอย่างเหมาะสมในทุกเช้า บ่าย เย็นให้ต้นไม้มีชีวิตที่ดี ในทางเดียวกันคนทำงานก็ได้รับแสงสว่างไปในตัว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ทุกคนแทบจะไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำ

ว่ากันแล้วมันก็ตรงตามกับแนวคิดของฮุกกะ การที่คนในออฟฟิศมีความสุขกับสิ่งเล็กๆ รอบตัว นอกจากธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยทำให้บรรยากาศพื้นที่ทำงานผ่อนคลายและอบอุ่นขึ้น อีกนัยหนึ่งก็อาจช่วยบำบัดอาการเครียดอันเกิดจากการทำงาน และช่วยสร้างบรรยากาศอันรื่นรมย์ ส่งผลกับความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพในการทำงานได้ด้วย

สอดคล้องกับข้อมูลในหนังสือ ‘วางใจให้ไร้กังวล (Don’t Worry)’ เขียนโดย พระชุนเมียว มาซึโนะ เจ้าอาวาสวัดเซนเก่าแก่ในประเทศญี่ปุ่น โดยแนะนำว่าให้ใช้เวลาในการสัมผัสธรรมชาติอย่างน้อยสิบนาทีต่อวัน จะช่วยเปิดโอกาสให้สมองส่วนคิดวิเคราะห์ได้พักและปล่อยให้สัญญาณและความอ่อนไหวของเราได้ทำงาน เมื่อสมองเราหยุดคิด สารสื่อประสาทเซโรโทนินจะหลั่งออกมาช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าการไปสัมผัสธรรมชาติโดยตรงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถหาโอกาสสัมผัสธรรมชาติในระดับเล็กๆ ได้ 


นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัย พบว่าแสงธรรมชาติจะมีส่วนช่วยทำให้อาการซึมเศร้าลดลง และทำให้หายป่วยเร็วขึ้น อย่างในโรงพยาบาลก็พบว่าผู้ป่วยที่อยู่ในห้องที่แสงธรรมชาติส่องถึงนั้น มีความเครียดน้อยกว่า และมีอาการปวดน้อยกว่าผู้ป่วยที่อยู่ในห้องที่มืดๆ ทึมๆ มากไปกว่านั้นการจุดเทียนหอม หรือใช้กลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ ยังช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายและลดความเหนื่อยล้าได้เช่นกัน

สิ่งนี้เข้ามาโดยที่เราไม่ทันได้รู้ตัว เป็นธรรมชาติที่สามารถสร้างได้ด้วยตัวของเราเอง และกลายเป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง จากต้นไม้กระถางเล็กๆ หรือดอกไม้ในแจกันที่อาจจะดูเป็นสิ่งที่คงอยู่ชั่วคราว แต่มันสามารถต่อยอดความสุขของแต่ละคนได้อีกมากมาย

ใครก็ตามที่กำลังรู้สึกเหนื่อยล้า ลองเงยหน้าจากหน้าจอสีฟ้า สบตากับต้นไม้หรือดอกไม้ที่ชอบ ไม่ว่าจะด้วยกลิ่นหรือสีที่ถูกใจมาวางไว้ที่โต๊ะทำงาน ฉันเชื่อว่าสิ่งเล็กๆ เหล่านั้นจะสามารถช่วยเปลี่ยนโต๊ะทำงานของคุณให้สดชื่น รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน และมีแรงสู้กับวันที่แสนเหนื่อยล้าผ่านไปอีกวันหนึ่งได้อย่างแน่นอน 

ILLUSTRATOR

banana blah blah

นักวาดภาพประกอบ ที่ชอบกินอาหารสุกๆดิบๆ เป็นชีวิตจิตใจ ส่วนชีวิตนั้นก็สุกๆดิบๆไม่ต่างกัน