ตามไปดูเทศกาลศิลปะสุดคึกคัก SINGAPORE NIGHT FESTIVAL 2016

เราเป็นคนชอบมิวเซียม น่าจะมาจากการที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเป็นส่วนมาก
มิวเซียมสำหรับเราเป็นสถานที่เดียวที่เป็นดั่งสมุดบันทึกประวัติศาสตร์เล่มใหญ่ สะสมเรื่องราวผ่านกาลเวลา
เป็นดั่ง Encyclopedia หรือ Wikipedia ในสมัยนี้ที่จับต้องได้ ซึมซับเรื่องราวได้ ผ่านทางกิจกรรมต่างๆ เช่น นิทรรศการ ภาพเขียน งานปั้น
สิ่งพิมพ์ หรืองานประดิษฐ์ต่างๆ เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้างปะปนกันไป ดังนั้นเราจึงดีใจที่ได้เห็นว่างาน Singapore
Night Festival หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง และปีนี้ก็เป็นปีที่ 9
แล้วที่จัดขึ้นบนเกาะเล็กๆ แห่งนี้

จากประสบการณ์ปีที่แล้วที่ไม่ได้วางแผนอะไรเลยทำให้ไม่สามารถเก็บภาพทั้งหมดของงานได้
ปีนี้จึงตั้งใจเป็นพิเศษที่จะเก็บให้ครบทุกโชว์ ก็งานมันมีตั้ง 4 วัน 4 คืน 5 โซน เปิดกันจนถึงตี 2
จะว่าไปก็คล้ายๆ งานมหรสพบ้านเราสมัยก่อน แม้ว่างานจะมีเวลาถึง 4 วัน
แต่พอหน้างานจริงๆ บางโชว์ต้องต่อคิวกันมากกว่า 2 ชั่วโมง

อย่างโซนที่ 5 ‘#showerofthoughts’ by LiteWerkz (Singapore) ที่ National Design Centre หรือถึงแม้จะไปทันการแสดงอย่างเช่น ‘Close-Act’ (Netherland)
บริเวณหน้า
National Museum ที่โซน 1 เพื่อชมการแสดงชุด ‘Invasion’ แต่ก็ได้เพียงเขย่งเท้าซูมเลนส์เข้าไปจากระยะไกลๆ จนภาพที่ได้ออกมาเบลอดังวัตถุอยู่ระยะอนันต์ มันเป็นการแสดง 30 นาทีที่ตรึงตาและทำให้เรารู้สึกเหมือนเห็น Dragonite สยายปีกบินไปมา
โดยได้รับการช่วยเหลือจากเครนขนาดใหญ่ที่จอดอยู่ด้านหลังส่งมังกรและผู้คุมบังเหียนให้เคลื่อนไหวอยู่ในอากาศเหนือพื้นที่ลานด้านหน้าของมิวเซียม
เพื่อต่อสู้กับแม่มดขายาวที่อยู่ด้านล่าง ดังกับสงครามกลางเมืองแย่งชิงดินแดนแห่งมังกร

อย่างไรก็ตาม โชคยังเข้าข้างเราอยู่บ้างตรงที่นักแสดงทีมดังกล่าวมีการแสดงชุดต่อไปเล่นที่บริเวณหน้า Peranakan
Museum กลาง Armenian Street ที่ปิดเพื่อเทศกาลนี้โดยเฉพาะ
มีชื่อโชว์ว่า ‘Lets’
celebrate’ นักแสดงหญิงชายตีกลองเดินล้อมรอบกลุ่มผู้ชมอย่างพวกเราไปมาพร้อมแผ่สยายปีกกว้างอันเสมือนผีเสื้อส่งเสียงโห่ร้องยินดี
ดังกับว่าเป็นภาคต่อของการแสดงที่แล้ว อันบ่งบอกถึงชัยชนะในการรบ ชุดนักรบสีขาวเมื่อส่องผ่านไฟสีม่วงอ่อน
อนุญาตให้สมองส่วนจินตนาการได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่

การแสดงที่เป็นไฮไลต์ของงานนี้อีกโชว์ก็คือ ‘The Wheel House by Acrojou’ (UK) มีคนมุงมหาศาลจนไม่สามารถเก็บภาพมาได้
แสดงให้เห็นถึงชีวิตมนุษย์ในยุค Apocalypse ที่สุดท้ายต้องมาใช้ชีวิตเอาตัวรอดบนวงเวียนซึ่งมีอุปกรณ์ยังชีพครบถ้วน
หมุนไปมาในช่วงอวสานของโลก เป็นการแสดงที่ใช้พละกำลังของนักแสดง 2 คน
หมุนวงล้อเกวียนไปมาประกอบกับการแสดงอันบ่งถึงกิจวัตรต่างๆ ของมนุษย์ แม้พื้นที่ปลอดภัยจะหดเล็กลงเหลือแค่วงกลมวงเดียว

The Wheel House by Acrojou from Acrojou on Vimeo.

นอกจากการแสดงดังกล่าวแล้ว National Museum และ Singapore Art Museum (SAM) ยังเปิดให้เข้าชมด้านในฟรีตลอดงาน 4 คืน
เป็นประโยชน์มากกับชาวต่างชาติแบบเราที่โดยปกติแล้วต้องเสียค่าเข้าหากสนใจจะมาชมนอกเทศกาล มีเพียงแต่โชว์ ‘House of Curiosities’ ซึ่งเป็นการแสดงเดียวในงานนี้ที่ต้องซื้อบัตรในราคา 16$ เพื่อเข้าชมงาน

เมื่อเดินจนเหนื่อยแล้วในงานนี้ยังมีโซนที่
4 ซึ่งเป็นส่วนขายอาหารในราคาที่ไม่โกรธจนเกินไป สามารถนั่งพักขาและฟังดนตรีสดไปด้วยได้พร้อมกัน

เท่านั้นยังไม่พอ
หากใครหลงใหลในการสนทนาเชิงลึก Creative workshop ก็เปิดให้ลงทะเบียนเข้าร่วมได้ด้วย
หากแต่มนุษย์ธรรมดาอย่างเรา การเสพศิลปะที่ย่อยง่ายที่สุดของงานนี้ กลับเป็นการนั่งชมแสงสีเสียงที่มีทุกปีบริเวณด้านหน้าของตึก National Museum และ SAM ส่วนตัวแล้วปีนี้เราชอบการแสดงที่คล้ายการล้างสมองที่ SAM มากกว่าการแสดง
Keyframe ที่ National Museum ที่สร้างเรื่องราวจากการเคลื่อนไหวของไฟจากหลอดไฟอันแลดูแห้งแล้ง
คล้ายๆ กับโชว์ที่สิงค์โปรมีให้ในจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมากเกินไปหน่อย

ฟังเราเล่ามาตั้งนานแล้ว
ไหนลองมานั่งชมด้วยกัน แล้วบอกทีว่าคุณคิดยังไงกับแต่ละโชว์

nightfest.sg

AUTHOR