เมื่อ 10 ปีที่แล้ว Red Velvet อาจเป็นแค่ชื่อของเค้กแดงตามร้านคาเฟ่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นชื่อเกิร์ลกรุ๊ปราชนิกุลจาก SM Entertainment วงของ 5 สาวอย่างไอรีน ซึลกิ เวนดี้ จอย และเยริ ผู้ที่ขอแหวกกฎปิตาธิปไตยในเกาหลีใต้ นำเสนอมุมมอง Women’s Empowerment ว่า ผู้หญิงไม่ได้หวานแหววไร้เดียงสาเสมอไป
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นสีสันในเฉดที่หลากหลาย ทั้งด้านความสดใสร่าเริง ของฝั่ง Red ที่นำเสนอผ่านเพลงจังหวะสนุก และท่อนฮุกติดหู อย่าง Red Flavor, Rookie หรือ Power Up เป็นต้น รวมไปถึงด้านความนุ่มนวล ที่แฝงไปด้วยความอันตรายของฝั่ง Velvet ที่มีเพลงชาติประจำตัวอย่าง Bad Boy และ Psycho ทั้งหมดหลอมรวมเป็นเฉดสีเฉพาะตัวที่แฟนคลับอย่างเหล่าลัฟวี่หลงรัก แต่นอกจากสีแดงประจำวงแล้ว พวกเธอยังมีสีเฉพาะตัวที่ติดตัวมาตั้งแต่ตอนเดบิวต์ และเพื่อนำเสนอ ‘ตัวตน’ ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการออกโซโล่เป็นศิลปินเดี่ยว
เริ่มตั้งแต่เวนดี้ จอย ซึลกิ ไปจนถึงผลงานล่าสุดของลีดเดอร์คนเก่งอย่าง ไอรีน ที่เพิ่งออกมินิอัลบัมแรก Like A Flower ไปเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกผลงานที่ออกมาคือ Masterpiece ที่นำเสนอตัวตนของเมมเบอร์ได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งหมดคือเฉดของสีสันที่แตกต่าง แต่เมื่อมารวมกันแล้ว กลับลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ในฐานะลัฟวี่ยุคบุกเบิก เราเลยอยากชวนทุกคนไปดูเบื้องหลังคอนเซปต์สุดล้ำ ภายใต้เฉดสีประจำตัวของเมมเบอร์ ว่าพวกเธอขอระบายสีตัวตนของตัวเองยังไงบ้าง แต่ละเพลงจะสวยงามน่าหลงใหลขนาดไหน ตามมาอ่านกันได้เลย
Wendy : Like Water สายน้ำสีฟ้าที่เยียวยาจิตใจ
New chapter of our lives has begun
Like Water คือโซโล่อัลบัมแรกของทั้งเวนดี้ และ Red Velvet จึงไม่แปลกที่คอนเซปต์ของอัลบัมนี้คือ ‘การเริ่มต้นใหม่’ โดยในเนื้อเพลงไตเติ้ล ได้หยิบเอาจุดเด่นของสายน้ำที่คอยช่วยปลอบประโลม รวมถึงเป็นแรงผลักดันให้เธอกล้าที่จะลุกขึ้นเพื่อก้าวเดินต่อไปในจุดหมายปลายทางข้างหน้า และแน่นอนสายน้ำเหล่านั้น ก็เปรียบได้กับเหล่าแฟนคลับนั่นเอง
“My love is like water
ปกปิดบาดแผลแห่งความล้มเหลว
ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และโอบกอดมันไว้”
– Like Water, Wendy
นอกจากสีฟ้าจะสื่อถึงน้ำแล้ว มันยังเป็นตัวแทนของความผ่อนคลายและสงบ ซึ่งสะท้อนออกมาผ่าน Mood & Tone ของรูปในอัลบัม ที่ถ่ายนอกสถานที่และเล่นกับความสวยงามของธรรมชาติเป็นหลัก ยังไม่รวมถึงปกอัลบัมเวอร์ชันพิเศษ ที่นำกลีบดอกไม้จริงสีฟ้ามาตกแต่งเพื่อให้ล้อไปกับคอนเซปต์นี้อีกด้วย
ในมุมของเพลง แม้จะมีแค่ 5 เพลงตามสไตล์มินิอัลบัม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวนดี้ถ่ายทอดออกมาได้สมมงเมนโวคอลมากๆ โดยทุกเพลงยังคงอยู่ภายใต้ความตั้งใจที่อยากจะเยียวยาจิตใจของผู้ฟัง โดยเฉพาะเพลง When This Rain Stops อีกหนึ่งเพลงไตเติ้ล ที่ให้กำลังใจคนที่กำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบากในชีวิต ให้พวกเขารู้ว่า เมื่อไหร่ที่ฝนหยุดตก จะต้องมีสายรุ้งที่สวยงามรออยู่อย่างแน่นอน
“แม้ฝนจะตกอยู่ข้างในใจ
When this rain stops
ก็แค่ยิ้มรับมันอีกครั้ง”
– When This Rain Stops, Wendy
ถ้านึกถึงสีฟ้า นอกจากความผ่อนคลายแล้ว ยังตีความได้ถึงความเศร้าในจิตใจเราได้อีกด้วย เช่น วลีฮิตอย่าง ‘Feel Blue’ ซึ่งแทนอารมณ์หม่นเศร้า เหมือนน้องเศร้าซึมใน Inside Out ซึ่งเวนดี้ได้ถ่ายทอดความรู้สึก Blue ที่ผู้หญิงมักเจอบ่อยๆ จนบางครั้งก็ถูกสังคมตราหน้าว่าเพศแห่งความอ่อนไหว เจ้าน้ำตา และใช้อารมณ์นำ แต่เวนดี้ทำให้เรารู้ว่า ‘ไม่เป็นไรเลยที่จะอ่อนแอ’ เพราะเธอพร้อมจะโอบกอดความไม่สมบูรณ์เหล่านั้น และเยียวยาเราด้วยสายน้ำสีฟ้าที่แสนอ่อนโยน
JOY: Hello ทุ่งหญ้าสีเขียวที่เต็มไปด้วยความสดใส
I love every moment with you
JOY แปลว่า ความร่าเริง และเธอก็ได้นำความสดใสเหล่านี้ มาเคาะประตูทักทายคนฟังกับมินิอัลบัม HELLO ที่อบอวลไปด้วยมวลแห่งความสุขที่จะพาให้เราตกหลุมรักทุกๆ โมเมนต์ แม้จะนั่งฟังอยู่ในห้องสีขาวธรรมดา แต่กลับรู้สึกเหมือนได้วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งหญ้าสีเขียวที่แสนสดชื่น ไปพร้อมๆ กับสาวน้อยรอยยิ้มทรงเสน่ห์คนนี้ โดยในเพลงไตเติ้ล ได้เล่าเรื่องราวถึงการโบกมือลาความเจ็บปวดในวันวาน และออกเดินทางเพื่อเริ่มต้นใหม่
“วันที่เปล่าเปลี่ยวใจ บอกลาไปให้หมด
น้ำตาในหัวใจของฉันเอง จากนี้ขอลาก่อน
เธอจากไปไกลพร้อมกับสายลมเมื่อวันวาน
ล่องลอยไปโดยไม่เสียดาย และไม่ค้างคาใจ”
– Hello, JOY
สิ่งที่โดดเด่นในอัลบัมนี้ คือกลิ่นอายสไตล์เรโทรที่แฝงอยู่ในทุกๆ ส่วน ตั้งแต่งานอาร์ตเวิร์กที่เล่นกับภาพตัดแปะเหมือนนิตยสารสมัยก่อน ไปถึงการหยิบเอาไอเทมยุค 90s มาถ่ายแบบคู่ เพิ่มความชิคคูลให้สมมงนักแสดงสาว ยังไม่รวมถึงการหยิบเอาเพลงเก่ามารีเมกใหม่ให้สดชื่นขึ้นด้วยเสียงหวานๆ ของจอย ซึ่งทุกเพลงในอัลบัมนี้ เป็นเพลงในยุค 90s ทั้งหมด นี่คือความตั้งใจของอีซูมาน ประธานของ SM (ในปี 2011) ที่อยากสร้างเพลงที่เด็กอายุน้อย และพ่อแม่ของพวกเขาสามารถฟังด้วยกันได้ ผ่านความสดใสของจอยที่เชื่อมทุกช่วงวัยเข้าหากัน
สีเขียวคือความสดชื่น เหมือนเวลาเรามองไปที่ต้นไม้แล้วได้รับเอเนอร์จีดีๆ เหล่านั้นกลับคืนมา นี่คือสิ่งที่จอยต้องการนำเสนอในอัลบัมนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถมีความสุขและแฮปปี้กับตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอคอยหรือขอความรักจากใคร
“ดอกไม้ย่อมผลิบานหลังฝนที่โรยริน
น้ำตาของเธอจะเบ่งบานเป็นความรัก
เริ่มต้นวันใหม่ ขออย่าได้มีน้ำตา
เตรียมตัวพร้อมรับมือดีกว่า”
– Hello, JOY
Seulgi: 28 Reasons แอปเปิลสีทองที่ซ่อนยาพิษเอาไว้
Good & evil coexist within one person
‘สีเหลือง’ ของซึลกิ อาจสื่อถึงพลังงานและความสดใส แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็คือเฉดของ ‘สีทอง’ สีแห่งพลังอำนาจที่ใครก็ต้องการครอบครอง นี่คือการตีความสีเหลืองมุมใหม่ผ่านมินิอัลบัม 28 Reasons ที่ดาร์กได้ใจ สมการรอคอยของลัฟวี่สุด ๆ
คอนเซปต์ของอัลบัมนี้ เล่าผ่านความเชื่อที่ว่า ‘ความดีและความชั่ว ล้วนรวมอยู่ในคนๆ เดียวกัน’ โดยเธอได้หยิบเอานิทานปรัมปราอย่าง สโนว์ไวต์ มาเล่าในมุมใหม่ ว่าแม้แต่เจ้าหญิงที่ดูไร้เดียงสาอย่างสโนว์ไวต์ ก็ซ่อนมุมดำมืดของตัวเองไว้ข้างใน จะเห็นได้ว่าเซตการถ่ายแบบของอัลบัมนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน คือเซตของซึลกิในชุดขาวผมยาว ตัวแทนของสโนว์ไวต์ และซึลกิในชุดดำฉากหลังแดง ที่สื่อถึงราชินีใจร้ายในเรื่องนั่นเอง
“ฉันกำลังเล่นกับคุณเหมือนเด็ก
ลอยอยู่เหนือเงาคุณ และกระซิบกับคุณ
ฉันคือแสงสว่างและความมืดมิดของคุณ”
– 28 Reasons, Seulgi
สำหรับเพลงก็ให้อารมณ์และความรู้สึกที่ลึกลับไม่ต่างกัน แทบทุกเพลงเล่าเรื่องราวด้านมืดในจิตใจ ตั้งแต่เพลงไตเติ้ลอย่าง 28 Reasons ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ที่ Toxic แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือออกจากกัน หรืออีกหนึ่งเพลงไฮไลต์ที่ซึลกิลงมือแต่งเองอย่าง Dead Man Runnin’ ที่ขอไล่ผู้ชายเฮงซวยที่เป็นดังร่างไร้ลมหายใจให้ออกไปจากชีวิต
“คุณรู้เหตุผลทั้ง 28 ข้อ ว่าทำไมถึงควรหนี
แต่ทำไมคุณถึงมาพิงฉันอีก”
– 28 Reasons, Seulgi
การต้องแบกรับคำว่า ‘ไอดอล’ นำหน้า โดยเฉพาะเกิร์ลกรุ๊ป นั่นหมายถึงการนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อให้คนดูหลงรัก แต่ซึลกิกลับกล้าที่จะหยิบเอามุมมืดที่มนุษย์ทุกคนมี ออกมานำเสนอ ผ่านการตีความสีเหลืองในมุมใหม่ ที่ไม่ได้สดใส แต่เป็นสีแห่งอำนาจและความกระหายอย่างสีทองแทน นี่จึงเป็นอัลบัมที่นำเสนอความเป็นมนุษย์ได้อย่างตรงไปตรงมาที่สุดอัลบัมหนึ่ง
Irene: Like A Flower ดอกไม้สีชมพูที่เบ่งบานอย่างกล้าหาญ
In the depths of uncertainty,
we find the strength to bloom
ไม่มีสิ่งใดจะบรรยายความสวยของไอรีน เจ้าของประโยคฮิต “I’m original visual” ได้เท่ากับดอกไม้ นี่จึงกลายเป็นคอนเซปต์หลักของมินิอัลบัม Like A Flower ที่เธอเพิ่งปล่อยออกมาให้เราได้ฟังแบบสดๆ ร้อนๆ แต่นอกจากในมุมของความสวยงามที่สะกดให้คนต้องหยุดมองแล้ว อีกหนึ่งนัยที่ซ่อนอยู่ในดอกไม้ คือความพยายามในการเบ่งบานท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยนั่นเอง
เพลงไตเติ้ลอย่าง Like A Flower ได้นำเสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งของดอกไม้ ที่สามารถเบ่งบานอย่างกล้าหาญได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแสงอาทิตย์ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือเหล่าคุณผู้ชาย เนื้อหาใน MV เปิดฉากด้วยซีนที่ไอรีนเฝ้ามองผู้คนภายนอกในรถที่เต็มไปด้วยเทป เปรียบเหมือนเธอเป็นแค่ดอกไม้ตูมที่กำลังรอวันเบ่งบานไปเจอโลกข้างนอก
“It’s more than just a visual
กล้าหาญที่จะอ่อนโยนกว่าเดิม
ตัวฉันที่โอบกอดตัวเองไว้
I’m gon’ be alright”
– Like A Flower, Irene
จุดพลิกผันคือเมื่อเธอได้เจอกับเทปสีส้มที่เขียนข้อความว่า ‘See the Sun’ และทันทีที่เธอสัมผัสมัน ก็ทำให้เธอหลุดเข้าไปโลกอีกใบและเจอกับหนุ่มผมยาวที่เธอถูกใจ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการตาม ‘ล่า’ แสงอาทิตย์ของดอกไม้ ที่เราใช้คำว่าล่า เพราะ Mood & Tone ใน MV แฝงไปด้วยความทริลเลอร์เหมือนหนังสยองขวัญ ตรงตามคอนเซปต์สวยอันตรายของไอรีนที่มักปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งในเพลงเก่าๆ ของ Red Velvet ซึ่งจุดจบจะเป็นยังไงนั้น เพื่อนๆ ต้องลองไปดูกันเอง
ความตั้งใจของอัลบัม Like A Flower คือการส่งกำลังใจไปถึงคนฟังทุกคนว่า เราสามารถ ‘ผลิบานได้เหมือนกับดอกไม้’ ซึ่งเหมือนการเริ่มต้นโซโล่เดบิวต์ของไอรีน ที่หลังจากฝ่าฟันในเส้นทางการเป็นศิลปินมากว่า 10 ปี เธอก็ได้เบ่งบานอย่างสวยงามในอัลบัมนี้ พร้อมลบข้อครหาที่คนนอกมองว่าเธอเป็นแค่ดอกไม้ที่สวย แต่ไม่มีความสามารถ ด้วยเพลงคุณภาพถึง 8 เพลง ในมินิอัลบัม โชว์สกิลการร้องที่หลากหลายทั้ง ป๊อปแดนซ์ บัลลาด อาร์แอนด์บี และอะคูสติก รวมไปถึงการร่วมงานกับนักออกแบบท่าเต้นระดับตำนาน ‘ชิมแจวอน’ อีกด้วย
สีชมพู คือสีที่ติดตัวไอรีนมาตั้งแต่วันเดบิวต์ รวมถึงเป็นสีที่ติดตัวผู้หญิงทุกคนในสังคมด้วย มันคือตัวแทนของความอ่อนหวานและอ่อนแอ ในขณะเดียวกัน สิ่งนี้คือสิ่งที่สังคมกำลังพยายาม ‘แปะป้าย’ ให้กับผู้หญิงว่า ถ้าคุณไม่สวยงามและอ่อนหวาน ก็จะไม่ใช่คนในอุดมคติ ไอรีนอยู่ในกรงขังสีชมพูเหล่านั้นมาตั้งแต่วันแรก เธอต้องพยายามสร้างภาพลักษณ์ให้เหมาะสมกับสีที่ค่ายตั้งไว้ และเมื่อเธอแสดงตัวตนของตัวเองที่แท้จริง กลับโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมากตอกกลับมา เช่นเหตุการณ์ที่แฟนเพลงผู้ชายเผารูปไอรีนหลังจากที่รู้ว่าเธออ่าน ‘คิมจียอง เกิดปี 82’ ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนังสือเฟมินิสต์
เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่กรงขังเหล่านั้นกัดกินตัวตนของไอรีน แต่ในวันนี้เธอขอหยิบเอาสีชมพูมาตีความใหม่ในเพลง Like A Flower เปลี่ยนภาพจำและทัศนคติของสังคมต่อผู้หญิงว่า พวกเธอไม่จำเป็นต้องอ่อนแอเสมอไป พร้อมกลายเป็นดอกไม้ที่พร้อมจะเบ่งบานอย่างสวยงามได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้แสงอาทิตย์สาดลงมา เพราะเธอจะเป็นคนตาม ‘ล่า’ หามันเอง
เค้กเรดเวลเวตอาจใช้รสชาติหวานเพื่อตรึงใจให้คนชิม แต่สำหรับสาวๆ Red Velvet พวกเธอพิสูจน์แล้วว่า ไม่จำเป็นต้องอ่อนหวานเหมือนผู้หญิงในอุดมคติ ก็สามารถทำให้คนหลงเสน่ห์ได้ด้วย ‘ตัวตน’ ที่แตกต่างกันไป ทุกๆ เฉดสีในแต่ละโซโล่ได้หลอมรวมกลายเป็นสาวๆ ที่เราหลงรัก
และแม้มักเน่อย่าง ‘เยริ’ จะยังคงมีแพสชันในการแสดง และไม่ได้ออกอัลบัมโซโล่ในตอนนี้ แต่เราเชื่อเหลือเกินว่า ‘สีม่วง’ ในแบบของเยริจะต้องสวยงามและน่าค้นหาไม่แพ้พี่ๆ สมาชิกในวง อย่างแน่นอน ยังไงก็อย่าลืมเอาใจช่วยน้องคนเล็กของราชวงศ์เค้กแดงกันด้วยนะ