ในยุคที่เราต่างใช้ชีวิตในโลกออนไลน์และออฟไลน์กันแบบครึ่งๆ หรือสำหรับบางคนอาจเป็นชีวิตที่แยกออกจากกันไม่ได้ไปเสียแล้ว ทิศทางแบบนี้เองที่เปิดโอกาสให้ร้านขายของบนโลกออนไลน์ก่อร่างสร้างตัวและเติบโตกันแบบฉุดไม่อยู่
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเปิดร้านขายของออนไลน์คือทางเลือกอันดับต้นๆ ของคนที่อยากมีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง สมมติว่าเราอยากขายอะไรสักอย่าง เราก็แค่เปิดเพจเฟซบุ๊ก โพสต์ขายแบบง่ายๆ เสียเงินซื้อโฆษณาเพื่อให้คนเห็นและกดเข้ามาซื้อของ
ภาพของการลงทุนน้อยๆ แต่ได้กลับคืนมามากคงเป็นภาพที่หอมหวานไม่ใช่เล่น แต่ถ้าสังเกตดูดีๆ คงมีไม่กี่แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและไม่ง่ายเลยที่จะทำให้แบรนด์ยืนหยัดอยู่ในโลกออนไลน์ที่มาไวไปไวได้อย่างมั่นคง
คำถามง่ายๆ ที่ว่า ‘ทำไมถึงขายของไม่ได้เลย’ อาจผิดตั้งแต่จุดเริ่มต้นอย่างการเลือกสินค้าที่ไม่เหมาะกับตัวคนขาย หรือ ‘ซื้อโฆษณาไปเท่าไหร่ก็ไม่เห็นมีคนมาซื้อของสักที’ เรามั่นใจแล้วหรือยังว่าโฆษณาของเราส่งไปถึงกลุ่มลูกค้าของเราแล้วจริงๆ
‘คลิกเป็นเห็นเงินล้าน’ คือคอร์สเรียนทำธุรกิจออนไลน์ที่ วี-สืบศักดิ์ ลิ่วลักษณ์ หัวเรือใหญ่ของ Vcommerce บริษัทให้คำปรึกษาและเปิดคอร์สสอนธุรกิจออนไลน์อยากแนะนำให้กับทั้งนักอยากขายมือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากขายอะไร และนักขายที่มีธุรกิจเดิมของตัวเองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ เครื่องสำอาง อุปกรณ์ไอที ครูสอนภาษา หรือแม้แต่ร้านขายต้นไม้ กิจการทุกรูปแบบที่อยากพัฒนาร้านของตัวเองให้ไปได้ไกลกว่าเดิม
บรรยากาศการเรียนที่เน้นให้ทุกคนลงมือทำ
“เราเป็นคอร์สที่ไม่เน้นการสอนด้วยสไลด์ แต่เป็นการเรียนแบบเวิร์กช็อป เราเชื่อว่าลูกศิษย์ของเราจะเก่งได้ก็ต่อเมื่อลงมือทำ เช่น การให้ทุกคนลองออกแบบแพ็คเกจจิ้งสินค้าที่ตัวเองอยากขายแบบไม่มีผิดไม่มีถูก ตั้งแต่การเลือกภาพ การเลือกรูปแบบตัวอักษร และสิ่งสำคัญคือต้องมีเหตุผลที่เลือกแบบนั้นด้วย แล้วก็ให้ทุกคนนั่งปรึกษากันกับเพื่อน” ผู้ก่อตั้งบริษัท Vcommerce ที่นักเรียนเรียกกันติดปากว่าอาจารย์วี เล่าถึงบรรยากาศการเรียน
สิ่งสำคัญในการทำธุรกิจออนไลน์ไม่ใช่แค่ทฤษฏีเท่านั้น ในโลกออนไลน์มักมีกระแสต่างๆ เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นกระแสของ E-commerce คือสิ่งที่เจ้าของธุรกิจจะต้องอัพเดตกันอย่างต่อเนื่อง ระหว่างการเรียนก็จะมีการวิเคราะห์แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จต่างๆ ว่าใช้กลยุทธ์รูปแบบไหนที่ดีที่สุด ณ เวลานั้นๆ ศิษย์เก่าหลายคนจึงตัดสินใจกลับมาเรียนเพราะเนื้อหาการเรียนการสอนในแต่ละครั้งเรียกได้ว่าไม่มีซ้ำกันเลย
เนื้อหาหลักของ ‘คลิกเป็นเห็นเงินล้าน’
“จุดเริ่มต้นของคอร์สนี้คือเรามองหาเส้นทางความสำเร็จในการทำธุรกิจออนไลน์ที่ทุกคนจะสามารถเอาไปเป็นแบบอย่างให้กับตัวเองได้ หลายๆ คนที่เราเจอไม่ได้มีปัญหาว่าจะเริ่มขายยังไงหรือทำการตลาดยังไง แต่เขามีปัญหาว่าเขาควรจะทำยังไงให้ธุรกิจตัวเองกลับมายืนได้ เราเลยอยากวางให้คอร์สนี้เป็นคอร์สที่ไม่ว่าคุณจะอยู่จุดไหนก็สามารถเดินตามเส้นทางนี้ได้ และต้องสอนให้สุด เราจะไม่สอนแล้วกั๊กให้เขาต้องลงเรียนคอร์สอื่นๆ ต่อ” อาจารย์วีอธิบายเพิ่มว่าเนื้อหาของวิชานี้จึงถูกจัดออกเป็น 6P ว่าด้วยสเต็ปของการทำ E-commerce ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง
1. Personal Need
“อย่างแรกเลยก่อนที่คุณจะทำอะไร คุณต้องหาตัวเองให้เจอก่อน คิดแบบคณิตศาสตร์ง่ายๆ เลยคือเทียบกราฟ แกนนอนเป็นสิ่งที่ชอบ แกนตั้งเป็นระดับความสนใจและความรู้ที่คุณมี เช่น สมมติคุณชอบกล้อง เครื่องสำอาง ต้นไม้ แนวตั้งเราก็ให้คะแนนว่าเราอินแค่ไหน เรามีความรู้มากแค่ไหน สิ่งไหนที่คุณบวกคะแนนแล้วได้เยอะสุด แปลว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่คุณควรเริ่มทำก่อน”
สมมติเราชอบสินค้าความงามน้อย ให้คะแนนเท่ากับ 1 และมีความรู้เรื่องความงามประมาณ 3 คะแนน พอนำทั้งตัวเลขมาบวกกันก็จะได้ 4 คะแนน
อีกมุมหนึ่ง เราค่อนข้างชอบสินค้าไอทีเลยให้คะแนนไป 5 คะแนน และยังมีความรู้กับเรื่องนี้มากถึง 9 คะแนน พอนำตัวเลขมารวมกันก็จะได้ 14 คะแนน
แปลว่าชนิดของสินค้าที่เราควรเลือกมาขายก่อนก็คือสินค้าไอทีนั่นเอง
ถ้ายังสงสัยและลังเลว่าจะหยิบอะไรมาขายดี อาจารย์วีบอกกับเราว่าให้ลองคิดถึงปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งจาก 3 ปัจจัยนี้
- สินค้าที่สามารถควบคุมราคาต้นทุนให้ต่ำได้
- สินค้าที่เราเข้าใจมากที่สุด
- สินค้าที่เรารู้รสนิยม หรือความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
เมื่อรู้แล้วว่าควรขายอะไร เราก็พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
2. Preparation
“เราเจอคนทำธุรกิจหลายคนมากๆ ที่ส่วนใหญ่เน้นเรื่องเดียวคือจะขายของยังไงแต่ไม่ได้เตรียมตัวก่อนการขาย ไม่เคยศึกษาตัวเองเลยว่ามีงบเท่าไหร่ สินค้ามีจุดเด่น-จุดด้อยยังไง ไม่ศึกษาความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงว่าเป็นยังไง หรือแม้แต่การศึกษาวิธีการขายสินค้าของคู่แข่ง”
ถ้าให้อธิบายขั้นตอนนี้ง่ายๆ ก็คือเป็นขั้นตอนของการหาข้อมูลทั้งตัวเอง ตลาด กลุ่มลูกค้า และคู่แข่ง เพื่อหาช่องทางที่จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ของเราแตกต่างจากคู่แข่ง การเตรียมความพร้อมที่ดีย่อมส่งผลให้ก้าวแรกของเราเป็นก้าวที่มั่นคงแข็งแรง
3. Planning
“ถ้าคุณมีการวางแผนที่ดีแปลว่าคุณชนะตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่ง เราสอนการวางแผนการขายตั้งแต่การคำนวณราคาต้นทุน ราคาคู่แข่ง การตั้งราคาครอบคลุมต้นทุนการผลิตด้วยวิธีการเทียบค่าในตารางแบบง่ายๆ จริงๆ แก่นของการบริหารธุรกิจใช้แค่การวางแผน การคาดการณ์บางอย่าง และการตลาดผสมกัน”
อาจารย์วีย้ำว่าเจ้าของธุรกิจควรจะวางแผนและทำทุกอย่างบนต้นทุนและศักยภาพที่ตัวเองมี เช่น ถ้าเรามีทุนน้อยก็ควรเริ่มจากการขายน้อยๆ ก่อนแล้วค่อยหาหุ้นส่วน หรือลองใช้กลยุทธ์การขายแบบ 1 แถม 1 เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย หรือถ้าสินค้าเราไม่ต่างจากแบรนด์อื่นเลย เราก็ขายลด 50 เปอร์เซ็นต์ เก็บเกี่ยวกำไรจากการขายจำนวนเยอะๆ แทน
4. Pre-sale
ในส่วนการใช้เครื่องมือที่ช่วยเสริมการขายโดยเน้นไปที่การโปรโมตแบรนด์และสินค้า ในคอร์สจะมีการสอนเรื่องการยิงโฆษณาในเฟซบุ๊กและกูเกิล การสร้างแบรนด์คอนเทนต์ให้น่าสนใจ และการทำการตลาดแบบ push & pull คือการนำเสนอตัวเอง สร้างกระแสให้คนเห็น และการดึงคนให้เข้ามาสนใจแบรนด์เราผ่านการสงสัยและลงมือหาแบรนด์ผ่านเครื่องมือค้นหาต่างๆ
“ถ้าอยากรู้ว่าการทำโฆษณาแบบไหนดีไม่ดี คุณควรทำสองรูปแบบขึ้นไปเพื่อทดลองดูก่อน เช่น คุณมีเนื้อหาเรื่องเดียวกัน เลือกใช้ทั้งสองรูปแบบเพื่อดูว่าแบบไหนมีผลตอบรับมากที่สุด พอเจอรูปแบบที่ตรงกับเป้าหมายก็ลองใช้เนื้อหาหลายๆ แบบเพื่อพิสูจน์ว่ากลุ่มเป้าหมายชอบเนื้อหาแนวไหน ถ้าชอบการสัมภาษณ์เราก็ใช้รูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็ควรลองวิธีการสัมภาษณ์แบบใหม่ๆ ไปด้วย”
5. Post-sale
หลังจากการขาย จะสอนการใช้ LINE@ ที่เป็นวิธีการเก็บฐานข้อมูลลูกค้าหลักของแบรนด์ สื่อสารและทำการขายกับกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง ติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง และยังช่วยประหยัดต้นทุนค่าโฆษณาเพราะค่าโฆษณาในช่องทางนี้ถูกกว่าเฟซบุ๊กมากถึง 30 เท่า
6. Pursuit
“เราอยากรู้ว่าลูกศิษย์บางคนที่เรียนกับเราแล้วไม่ประสบความสำเร็จมีสาเหตุมาจากอะไร เราค้นพบว่าพวกเขามาเรียนแล้วเอากลับไปเล่าให้คนอื่นฟังแต่ไม่เอากลับไปทำต่อ หรืออย่างน้อยทำแค่ไม่กี่วันพอเห็นว่ายังไม่ได้ผลก็ตัดสินใจเลิกแบบง่ายๆ โดยที่ยังไม่พยายาม เพราะฉะนั้นเนื้อหาสุดท้ายจะเป็นการสอนในเชิง mind set เรื่องการแสวงหาความสำเร็จ ไม่อยากให้ทุกคนคิดว่าการทำธุรกิจออนไลน์เป็นเรื่องฉาบฉวย” อาจารย์วีกล่าวถึงความตั้งใจของเนื้อหาสุดท้ายในคอร์สนี้
เรียนแล้วได้อะไร?
1. รู้จักเลือกสินค้าที่เหมาะกับตัวเอง
เม-พิชญ์นรี ตันติวิทย์ เจ้าของธุรกิจอาหารเสริม PRIMAYA ที่มีกำไรแตะหลักร้อยล้านตั้งแต่ 9 เดือนแรกเล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นแบรนด์ว่า “ตอนนั้นเราเป็นแค่นักศึกษาที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง พอเรามีเงินทุนก้อนหนึ่งเลยตัดสินใจมาเรียนและปรึกษากับอาจารย์วี ประกอบกับช่วงนั้นเราค่อนข้างอ้วนค่ะ (หัวเราะ) เลยคิดว่าทำเป็นอาหารเสริมลดความอ้วนดีกว่า ถ้าเรากินเองแล้วผอมเอง เราก็จะมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ต้องขายได้แน่นอน ตอนนี้แบรนด์เราก็พัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีก ตอบโจทย์ผู้หญิงที่รักสวยรักงามเหมือนๆ กับเรา”
2. เข้าใจเรื่องการตลาดออนไลน์ง่ายเหมือนดีดนิ้ว
“เราเป็นคนชอบทานขนมไทยมาก วันหนึ่งก็อยากมีธุรกิจขนมเป็นของตัวเองเลยเกิดไอเดียว่าอยากลองทำวุ้นรูปดอกไม้สอดไส้ดู ก็คิดสูตรแล้วลองผิดลองถูกกับคุณแม่ พอสินค้าเราเริ่มลงตัวแล้วเราก็อยากลองขายในเฟซบุ๊ก เราเริ่มจากจุดเล็กๆ แค่นี้ก่อน พอมาจุดหนึ่งที่เราอยากทำธุรกิจนี้จริงจังมากขึ้นแต่ยอมรับว่าเราอ่อนเรื่องการใช้เทคโนโลยีมากๆ เลยพยายามหาความรู้ด้านนี้มากขึ้น” ภัค เรืองกิจรัตนกุล เจ้าของร้านพฤกษ์ ขนมวุ้นสอดไส้แสนอร่อยที่ใส่ใจเรื่องกลิ่นและรสชาติแบบไทยๆ ที่ตอนนี้ขยายกลุ่มลูกค้ามาเปิดหน้าร้านและงานจัดเลี้ยงต่างๆ เล่าให้ฟัง
“เราเข้าใจมาตลอดว่าโซเชียลมีเดียคือเครื่องมือที่ซับซ้อน แต่วิธีสอนของอาจารย์วีทำให้เรารู้สึกว่าการตลาดเป็นเรื่องสนุกและไม่ยากอย่างที่คิด ทำให้เรารู้จักการคิดวางแผนก่อนที่จะลงมือทำ”
3. โพสต์คอนเทนต์ที่ตรงใจและยิงโฆษณาได้อย่างตรงจุด
“บทเรียนที่เราประทับใจที่สุดคือการโพสต์เนื้อหา เมื่อก่อนเราโพสต์ขายของกันไปเรื่อย ไม่มีจุดขาย ทุกแบรนด์พูดเหมือนกันหมดจนไม่มีใครสนใจซื้อของ จ่ายค่าโฆษณาไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา สิ่งที่เราเอามาใช้ได้ทุกวันจริงๆ คือการคิดเนื้อหาให้น่าสนใจและวิธีการยิงโฆษณาที่ทำให้ได้ผลดีต่อแบรนด์จริงๆ” หญิงสาวเจ้าของแบรนด์ PRIMAYA เล่าสิ่งที่เธอประทับใจจากการเรียน
เตย-ณัฐกานต์ บุราณรมย์ หญิงสาวเจ้าของแบรนด์สกินแคร์ Jellys เล่าเสริมว่า “แต่ก่อนเราโพสต์เพื่อนำเสนอสินค้าโดยไม่เคยวิเคราะห์เลยว่าลูกค้าอยากรู้อะไร ซึ่งจริงๆ เราควรโพสต์อะไรที่ตอบโจทย์ความต้องการพวกเขา สุดท้ายเราโพสต์อะไรไปเขาก็ไม่สนใจค่ะ พอมาเรียนทำให้เราได้รู้จักการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าว่าเป็นเพศไหน สนใจอะไรบ้าง ทีนี้เราก็เลือกทำเนื้อหาให้ถูกกลุ่ม ประหยัดต้นทุนในการลงโฆษณาไปได้เยอะ”
“พอเราใส่ใจกับการสื่อสารมากขึ้น ทำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนจริงๆ ไม่ได้เป็นการขายตรงเหมือนที่เคยทำ มันก็ทำให้เราได้รับผลตอบรับจากลูกค้าดีขึ้น มีการพูดคุยกันในเฟซบุ๊กมากขึ้นก็ยิ่งส่งผลดีกับยอดขายของเราด้วยค่ะ”
เราไม่สามารถการันตีได้ว่าหากคุณทำตามขั้นตอนทั้ง 6P ตามข้างต้นจะทำให้คุณได้ยืนอยู่ในสูตรสำเร็จของการทำธุรกิจออนไลน์แบบมืออาชีพเหมือนกับสามสาวที่เราได้นั่งพูดคุยด้วย เพราะแท้จริงแล้วในร้อยเปอร์เซ็นแห่งความสำเร็จของพวกเธอนั้น ต่างอาศัยวันเวลาและความเพียรพยายามของตัวเองเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยพิสูจน์
ภาพ Vcommerce, สัญญา ธาดาธนวงศ์
หากใครสนใจอยากลองเรียนคอร์ส ‘คลิกเป็นเห็นเงินล้าน’ และคอร์สอื่นๆ ที่สอนเกี่ยวกับเทคนิคในการทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จกับ Vcommerce สามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ www.vcommerce.co.th, www.facebook.com/Vcommerce.co.th/ หรือโทรสอบถามได้ที่ 093-140-0565