Bookartbookshop : ร้านหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือทำมือจากศิลปินทั่วโลก

‘Only buy this book if you are in love’ นี่คือข้อความที่เขียนบนป้ายแนะนำหนังสือชื่อ I LOVE YOU หนังสือทำมือสีขาวเล่มจิ๋วในร้าน Bookartbookshop ในย่าน Hoxton ทางตะวันออกของกรุงลอนดอน

“กฎประหลาดอะไรกันเนี่ย! แบบนี้คนที่ซวยด้านความรักตลอดชาติอย่างฉันก็หมดสิทธิ์อ่านกันพอดี” ฉันคิดในใจพร้อมผละจากกองหนังสือนั้นมาอย่างเศร้าๆ

วันนี้ฉันตั้งใจมาสำรวจจักรวาลหนังสือสุดอาร์ตในร้าน Bookartbookshop และสัมภาษณ์ Tanya Peixoto ผู้ร่วมก่อตั้งและเจ้าของร้านหนังสือแห่งนี้ มองจากภายนอก ที่นี่เป็นเพียงร้านหนังสือสีแดงขนาดไม่ใหญ่ เขยิบเข้ามาใกล้อีกหน่อย เราจะเห็นดิสเพลย์ของร้านที่ไม่ได้โชว์แค่หนังสือ แต่ยังมีนิทรรศการศิลปะขนาดย่อมที่แสดงงานเต็มหน้าต่าง และเมื่อก้าวเข้ามาข้างใน ส่ิงที่เราเห็นก็คือหนังสือหลากรูปแบบละลานตาที่แหกทุกข้อจำกัดการทำหนังสือที่เราคุ้นเคยไปโดยสิ้นเชิง

Bookartbookshop ขายหนังสือทุกรูปแบบที่ผลิตโดยศิลปินและสำนักพิมพ์อิสระทั่วโลก (ส่วนใหญ่อยู่ในอังกฤษ) บางเล่มเป็นหนังสือทำมือ บางเล่มเป็นผลงาน Limited Edition ที่วางขายเฉพาะร้านนี้เท่านั้น พอได้เห็นหนังสือน่าสนุกเรียงรายเต็มร้าน ฉันคล้ายกลับไปเป็นเด็กน้อยตาลุกวาวที่พร้อมกระโจนใส่ของเล่นทุกชิ้นตรงหน้า ที่นี่มีหนังสือเล่มจิ๋วเท่ากล่องไม้ขีด แต่พอคลี่ออกมากลับใหญ่เท่าโปสเตอร์แผ่นยักษ์ มีหนังสือที่ทำจากผ้าทั้งเล่ม หนังสือที่เป็นการ์ดเกมส์ หรือหนังสือที่เล่าเรื่องหนวดแมว

ทันย่า เจ้าของร้านสาวมั่นท่าทางใจดีเล่าให้ฉันฟังว่า Book Art คือหนังสือที่ทำโดยศิลปิน ถือเป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรกในยุค 60s ศิลปินในยุคนั้นอยากสร้างงานศิลปะที่เข้าถึงคนทุกกลุ่มทุกชนชั้น จึงคิดสร้างงานศิลป์ในรูปแบบของหนังสือที่มีราคาถูกกว่างานศิลปะทั่วไป

“มันคือการทำงานศิลปะให้เป็นประชาธิปไตย พวกเขาอยากบอกว่าลืมแกลเลอรี่สุดหรูไปซะ คุณซื้องานศิลปะดีๆ ได้ที่ซูเปอร์มาเก็ต” ทันย่าอธิบาย พร้อมเล่าให้ฉันฟังว่าเธอได้รู้จักความเจ๋งของ Book Art ครั้งแรกในช่วงวัย 20 ต้นๆ สมัยที่เธอเรียนประติมากรรม นักเรียนอย่างเธอมักเขินอายทุกครั้งที่มีคนจับจ้องตอนเธอสลักเสลาผลงาน พอกลับมาบ้าน เธอเลยมักทำหนังสือทำมือของตัวเองเพราะให้ความรู้สึกส่วนตัวมากกว่า

“ฉันเริ่มคิดว่าหนังสือเป็นส่ิงที่มหัศจรรย์มากเลย มันบอกเล่าเรื่องราวส่วนตัว ในขณะเดียวกันก็พูดสิ่งนั้นให้สาธารณชนได้รับรู้ มันช่วยพาให้โลกส่วนตัวและโลกภายนอกได้มาเจอกัน”

จากวันนั้นทันย่าก็เดินทางไปนิวยอร์กและได้เห็นโลกของสิ่งพิมพ์ทางเลือกที่นั่น เธอพบว่าหนังสือส่วนใหญ่เป็นงานของศิลปินหญิง ซึ่งในเวลานั้นสิ่งพิมพ์กระแสหลักเต็มไปด้วยงานของผู้ชาย Book Art จึงเป็นเหมือนเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้มีพื้นที่เล่าเรื่อง ในวันนั้นทำให้ทันย่าคิดว่า Book Art อาจเป็นเวทีสำหรับเธอเองด้วยเช่นกัน

แต่แทนที่จะทำหนังสือด้วยตัวเอง ทันย่ากลับคิดว่าเธอสนุกกับการได้สำรวจงานของศิลปินคนอื่นมากกว่า เธอจึงเริ่มต้นทำ Artist’s Book Yearbook หนังสือที่รวบรวมรายชื่อสำนักพิมพ์เล็กๆ และศิลปิน เวลาผ่านไปไม่นาน คำถามหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นในใจเธอว่า “จะดีกว่านี้สักแค่ไหนนะถ้าเราจะมีพื้นที่เล็กๆ ที่รวบรวมงานน่าตื่นตาของศิลปินเหล่านี้ และเปิดให้คนทั่วไปได้มาดูตลอดปี ไม่ใช่แค่ในงานหนังสือที่จัดขึ้นปีละครั้ง?”

Bookartbookshop จึงเกิดขึ้นเมื่อ 17 ปีก่อนด้วยความคิดที่ว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านหนังสือ แต่เป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะและสนับสนุนหนังสือของศิลปิน ทันย่าเร่ิมต้นทำร้านด้วยงบประมาณเพียงแค่ 500 ปอนด์ (เทียบเป็นเงินไทยราวๆ 22,000 บาท) และได้ความช่วยเหลือทั้งพื้นที่ร้านและการตกแต่งร้านทั้งหมดจาก Alastair Brotchie คู่รักหนุ่มที่เปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ อยู่ชั้นบน

“การเปิดร้านนี้คงเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตคุณเลยสินะคะ” ฉันถาม

“เป็นการตัดสินใจที่จะไม่ได้กำไรตลอดชีวิตเลยล่ะ” เธอตอบพร้อมหัวเราะลั่น “ธุรกิจนี้ให้กำไรน้อยมาก เราต้องขายหนังสือให้ได้จำนวนมากเพื่อจะได้มีกำไรและมีชีวิตที่ดี จนวันนึงฉันเลยเอาเรื่องเงินออกจากสมการเพราะฉันตัดสินใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำเพื่อหวังผลกำไร แต่เป็นโปรเจกต์เกี่ยวกับการโปรโมตและสนับสนุนหนังสือของศิลปินมากกว่า และเพื่อให้มีชีวิตรอด ฉันเลยต้องทำงานอื่นด้วยไม่งั้นฉันไม่มีชีวิตรอดแน่” ทันย่าตอบ

“ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมคุณถึงยอมลำบากเพื่อร้านหนังสือขนาดนี้ล่ะ?” ฉันโพล่งถามด้วยความสงสัย

“อย่างแรกเลยคือฉันรักหนังสือมาก และฉันอยากแบ่งปันสิ่งนี้ให้ทุกคนได้เห็นว่ามันมหัศจรรย์ขนาดไหน ตอนที่ฉันยังทำงานเป็นครูในโรงเรียนฉันจะมีกระเป๋าใบนึงที่เต็มไปด้วยหนังสือแปลกๆ ที่เด็กๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งหนังสือที่ทำจากนิตติ้ง หนังสือที่มีกรงนกอยู่ข้างใน และหนังสือทุกรูปแบบที่ตั้งคำถามกับเราว่าหนังสือคืออะไร เด็กๆ มักทึ่งกับหนังสือเหล่านั้นมาก และนั่นเป็นความรู้สึกแสนพิเศษเหมือนฉันได้ครอบครองหีบสมบัติเลยล่ะ” ทันย่าตอบ

ตอนเปิดร้าน ทันย่าคิดว่าคงมีศิลปินอยากร่วมงานกับเธอไม่เกินร้อยคน เวลาผ่านไปจนถึงตอนนี้มีทั้งศิลปินและสำนักพิมพ์ผ่านเข้ามาในร้านแล้วกว่า 2,000 คนจากทั่วมุมโลก (เสียดายที่ยังไม่มีประเทศไทย) Bookartbookshop กลายเป็นที่รู้จักของคนทุกกลุ่มที่สนใจศิลปะ นอกจากขายหนังสือ ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดนิทรรศการศิลปะจากศิลปินรุ่นใหม่หรือศิลปินในชุมชนเป็นประจำ

ด้วยความที่เธอรักงานฝีมือและโลกแอนะล็อก ทันย่าจึงตั้งกฎเหล็กไว้ว่าศิลปินที่จะมาเสนอหนังสือวางขายในร้านต้องนำของมาเจอเธอต่อหน้าเท่านั้น ห้ามส่งผลงานผ่านอีเมล “มันจำเป็นมากที่ฉันต้องเห็นผลงานจริง ได้สัมผัส ได้พูดคุยกับศิลปินตัวต่อตัว ถ้าเขาชอบฉันและฉันชอบงานของเขา เราถึงจะเอางานของเขาเข้ามาวางในร้าน” ทันย่าอธิบาย

“ถ้าอย่างนั้น หนังสือแบบไหนที่คุณอยากได้มาวางในร้านเหรอคะ?” ฉันถาม

“(คิดนาน) ฉันคิดว่าคุณค่าของหนังสืออยู่ที่เรื่องเล่าข้างใน เคยมียุคหนึ่งที่ศิลปินคิดถึงแต่ความสวยงาม พวกเขาตกแต่งหนังสือมากเกินไปจนหนังสือกลายเป็นแค่ของขวัญ ฉันรักหนังสือที่สะท้อนตัวตนของศิลปิน หนังสือที่พูดถึงประสบการณ์ในการพลิกหน้ากระดาษ หนังสือที่มีคอนเซปต์ดี คล้ายกับว่าเหล่าศิลปินสร้างโลกใบหนึ่งขึ้นมาซึ่งเต็มไปด้วยชีวิต และการอ่านหนังสือก็เหมือนการได้เข้าไปทำความรู้จักโลกอีกใบ โลกใบนั้นเล่าเรื่องความสัมพันธ์ สิ่งที่พวกเขาค้นพบ ส่ิงที่ทำปฎิกิริยากับใจพวกเขา เมื่อคุณเห็นงานสักชิ้นที่ดีจริงๆ คุณจะไม่สงสัยเลยว่ามันดีรึเปล่า เวทย์มนตร์ของมันจะทำให้คุณรักมันโดยไม่มีคำถามเลยล่ะ”

หลังคุยกับทันย่าจบ ฉันเดินสำรวจหนังสือในร้านต่ออย่างเงียบเชียบ ทั้งๆ ที่เป็นร้านเล็กๆ แต่ฉันกลับถูกหนังสือในร้านดึงดูดจนลืมเวลา จริงอย่างที่เธอว่า ปึกกระดาษแสนธรรมดาเหล่านี้บรรจุโลก บรรจุชีวิตไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ฉันจมอยู่ในกองหนังสืออยู่นานจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า หลังบอกลาทันย่าฉันเดินออกจากร้าน ในกระเป๋ามีหนังสือเล่มจิ๋วสีขาวที่บนปกเขียนว่า I LOVE YOU

ตอนนี้ฉันมีเหตุผลเพียงพอที่จะซื้อมันแล้ว เพราะฉันตกหลุมรักบรรดาชีวิตทั้งหลายในโลกหนังสือของทันย่าเข้าแล้วนี่นา

“ฉันคิดว่าคุณค่าของหนังสืออยู่ที่เรื่องเล่าข้างใน คล้ายกับว่าเหล่าศิลปินสร้างโลกใบหนึ่งขึ้นมาซึ่งเต็มไปด้วยชีวิต มันเล่าเรื่องความสัมพันธ์ สิ่งที่พวกเขาค้นพบ สิ่งที่ทำปฎิกิริยากับใจพวกเขา เมื่อคุณเห็นงานสักชิ้นที่ดีจริงๆ คุณจะรักมันโดยไม่มีคำถามเลยล่ะ”

– Tanya Peixoto –


Bookartbookshop’s Best Seller

I LOVE YOU โดย Stephanie Holm

หนังสือทำมือเล่มเล็กที่มีข้อความน่ารัก ภาพประกอบลายเส้นเรียบง่าย และพื้นที่ว่างให้เราวาดภาพและระบายสีแต่งเติม ยิ่งมีป้ายกำกับว่า ‘Only buy this book if you are in love’ ทำให้ลูกค้าทั้งหลายพากันประทับใจไอเดีย ลูกค้าบางคนที่เข้ามาในร้านเป็นคู่จะแอบซื้อเล่มนี้ตอนที่แฟนมองไม่เห็นเพื่อเอาไปเซอร์ไพรส์คู่รักทีหลัง และด้วยความที่หนังสือเล่มนี้ราคาแค่ 1 ปอนด์ (ประมาณ 42 บาท ซึ่งถือว่าถูกมากกกก) ทำให้หนังสือเล่มนี้ยิ่งขายดีเป็นเทน้ำท่ามานานถึง 10 ปี

Bookartbookshop’s Recommend

Alfred Jarry : A Pataphysical Life โดย Alastair Brotchie

หนังสือที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ของคู่รักทันย่า เล่าถึงชีวิตของนักเขียนทรงอิทธิพลของฝรั่งเศสนาม Alfred Jarry ถึงนี่จะไม่ใช่หนังสือที่ทำโดยศิลปิน แต่คนเขียนก็ตั้งใจสร้างวรรณกรรมชิ้นนี้ให้เป็นงานศิลปะ ภาพใบหน้าของ Alfred Jarry สะดุดตาและทรงพลังมากจนแฟนคุณทันย่าวาดภาพของเขาไว้ใหญ่เต็มกำแพงหน้าร้าน งานนี้นอกจากจะได้โปรโมตหนังสือ ยังช่วยดึงดูดคนให้เขามาถามว่าคนในภาพคือใคร ภาพนี้เลยกลายเป็นแม่สื่อแม่ชักที่ทำให้คนภายนอกได้รู้จักร้านและไอเดียของร้านนี้มากขึ้น

Bookartbookshop

address : 17 Pitfield St, Hoxton, London N1 6HB
hours : พุธ (นัดล่วงหน้าเท่านั้น), พฤหัสบดี – เสาร์ 12:00 – 18:00 น.
how to get there : นั่งรถใต้ดินสาย Northern Line มาที่สถานี Old Street จากนั้นเดินไปตามถนน Old Street ราวๆ 5 นาที ร้านจะอยู่ตรงหัวมุมถนน
facebook | www.facebook.com/Bookartbookshop17
twitter | @Bookartbookshop
website l http://www.bookartbookshop.com

ภาพประกอบ ฟาน.ปีติ

AUTHOR