Beya นักวาดภาพประกอบผู้ใช้ภาพจากความฝันสร้างสรรค์งานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้ในชีวิตจริง

Beya หรือ เซีย-ปณิชา แสงทองอร่าม คือนักวาดภาพประกอบชาวไทยผู้เป็นเจ้าของภาพวาดที่มีสีสันสดใสสะดุดตา และเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา มองเมื่อไหร่ก็มีนัยที่ซุกซ่อนอยู่เสมอ 

เธอชื่นชอบการวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก หลังจากเรียนจบเธอทำงานประจำอยู่ที่ Happy Pomme Studio ของ Pomme Chan ได้ 2 ปี ก่อนที่จะออกมาทำฟรีแลนซ์อย่างเต็มตัว และสนุกสนานไปกับการทดลองสไตล์ของตัวเองด้วยเทคนิคใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

ด้วยผลงานที่มีเอกลักษณ์ของเธอ ทำให้ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีเธอได้วาดภาพปกหนังสือและภาพประกอบให้กับหลากหลายแบรนด์ทั้งในไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนิตยสาร บรรจุภัณฑ์สินค้าอาหารต่างๆ ไปจนถึงปกอัลบั้มเพลง นอกจากนี้เธอยังมีผลงานประกวดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานเทศกาลจัดแสดงศิลปะประจำปีของภูมิภาคเอเชียอย่าง Unknown Asia 2020 ได้รับรางวัล Judge Prize และ Sponsor Prize และงานประกวดของอเมริกาอย่าง 3×3 Illustration International Award Show ครั้งที่ 19 ได้รับรางวัล Merit นอกจากนี้การประกวดครั้งแรกในไทยอย่างงาน happening makers ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการใช้ไอแพดวาดรูป เธอก็ยังคว้ารางวัล Popular’s Vote อันดับ 1 ไปครองอีกด้วย 

ล่าสุดเธอได้รับคัดเลือกผลงานให้ไปจัดแสดงใน Bangkok Illustration Fair 2022 งานใหญ่ประจำปีที่รวบรวมศิลปินนักวาดหลายรุ่นจากหลายประเทศ งานของเธอโดดเด่นและเริ่มเป็นที่พูดถึงในไทยมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้เรามาพบเธอในวันนี้ เพื่อพูดคุยถึงเส้นทางการเป็นนักวาดภาพประกอบของผู้หญิงที่ไม่หยุดพัฒนางานของตัวเอง

เล่าที่มาที่ไปของชื่อ Beya ให้ฟังหน่อย

ถ้าทุกคนรู้ก็จะสตันท์นิดนึง (หัวเราะ) มันมาจากความต๊องๆ ของเราเอง คือตอน ม.ปลายเราอ่านหนังสือกับเพื่อนหลายคน ตอนนั้นมีประโยคที่เขียนว่า หนุ่มร็อกเขย่ารัก แต่เราอ่านผิดเป็น หนุ่มร็อกเบย่ารัก เพราะเราเห็นตัว ข มันเหมือนตัว บ หลังจากนั้นเพื่อนก็แซวว่าเราพูดผิด เรียกเราเบย่าตลอด แต่ความโชคดีคือคำว่าเบย่าดันไปเหมือนภาษาฝรั่งเศส ก็เลยทำให้เราดูเข้ากับโซนฝรั่งเศสได้ คนก็จะชอบทักว่าชื่อมาจากอะไรฟังดู international ตอน ม.ปลายไม่มีใครรู้ชื่อจริงเราเลย ขนาดคุณครูที่โรงเรียนก็ยังเรียกเราว่าเบย่า เราก็เลยเลือกใช้ชื่อนี้

คุณชื่นชอบศิลปะมานานแค่ไหนแล้ว

แม่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ เราจะไม่ค่อยออกไปเล่นข้างนอก เราจะชอบระบายสีเล่นในสมุดระบายสี พอโตมาเราเรียนสายวิทย์เพราะแม่เลือกให้ แต่เราไม่ชอบวิทย์เลย ทุกครั้งที่อยู่ในคาบวิทยาศาสตร์เราจะรู้สึกเบื่อมาก ในคาบจะมีชีตเรียนแจกเราก็เอามาวาดรูปเล่นตลอด เราได้เกรดไม่ดีเลยเพราะเรามัวแต่วาดรูปเล่นอย่างเดียว ตอนนั้นเราก็เริ่มรู้ตัวเองว่าน่าจะชอบวาดรูปมากกว่าก็เลยตัดสินใจมาเรียนนิเทศศิลป์ที่เอแบค 

แล้วตอนที่ตัดสินใจเปลี่ยนมาเรียนด้านนี้ ที่บ้านมีความคิดเห็นยังไงบ้าง

ตอนแรกพ่อแม่ก็ไม่รู้ว่าถ้าเรียนจบมาเราจะทำงานอะไร แต่พอดีเขาได้ดูรายการในทีวีแล้วเห็นว่านักวาดภาพประกอบสามารถว่าทำอะไรได้บ้าง พ่อแม่ก็เข้าใจมากขึ้นว่างานที่ลูกจะทำไม่ได้มีแค่วาดอย่างเดียว แต่มันสามารถไปอยู่บนเสื้อ บนสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ได้ กราฟิกสามารถทำโลโก้ได้ พ่อแม่ก็โอเคบอกให้เราลองดู

รู้ตัวตอนไหนว่าชอบวาดภาพประกอบ

ตอนเรียนมหาวิทยาลัย คือเขาก็จะมีให้เราเรียนครบทุกวิชาเลย ทั้งโฟโต้ โลโก้ เรารู้สึกว่าโลโก้เป็นวิชาที่เราไม่ชอบมากๆ แต่ถ้าเป็นวิชาที่เกี่ยวกับภาพประกอบเราจะชอบที่สุด ตอนว่างๆ เราชอบวาดรูปเล่นก็เลยคิดว่าตัวเองน่าจะชอบทางนี้แหละ

พอเรียนจบเราก็พยายามหางานที่เกี่ยวกับภาพประกอบ จริงๆ ตอนฝึกงานเราก็ยังไม่ได้ทำเกี่ยวกับภาพประกอบนะ เราทำเป็นกราฟิกทั่วไป แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่าตัวเองชอบภาพประกอบมากกว่าอยู่ดี เราก็เลยหาว่ามีที่ไหนเปิดรับสมัครบ้าง แล้วก็มีเพื่อนแนะนำ Happy Pomme Studio ของพี่ปอม (Pomme Chan) เพราะเห็นว่าเป็นสาย illustration เหมือนกัน ตอนนั้นสตูดิโอของพี่ปอมเปิดรับสมัคร fulltime พอดีก็เลยไปสมัคร เราทำอยู่ประมาณ 2 ปีแล้วก็ออกมา เพราะรู้สึกว่าอยากลองอะไรใหม่ๆ มากขึ้น อยากมีเวลาทดลองสไตล์ของตัวเองด้วย

หลังจากที่ออกมาแล้ว ตอนนั้นคุณทำอะไร

ระหว่างนั้นเราก็รับฟรีแลนซ์บ้างนิดๆ หน่อยๆ พอดีที่บ้านทำส่งออกเราก็มีช่วยที่บ้านบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้เต็มที่ขนาดนั้นจนเรารู้สึกว่าอยากลองมาจริงจังกับการวาดภาพ เราก็เลยทดลองวาดในไอแพดดู ตั้งแต่เราเริ่มวาดกับไอแพดก็รู้สึกชีวิตมันง่ายขึ้นมาก เพราะการทำดรอว์อิ้งทีนึงมันใช้เวลาค่อนข้างนาน คนอื่นอาจจะชอบดรอว์อิ้งกว่าก็ได้ แต่สำหรับเรารู้สึกว่ามันง่ายต่อการทดลองหลายๆ อย่าง สมมติว่าที่บ้านอยากให้ช่วยเราก็ไป แต่พอกลับมาเราก็วาดต่อ รู้สึกว่าพอเป็นฟรีแลนซ์แล้วเราสามารถจัดสรรเวลาตัวเองได้มากกว่า สามารถไปหาพ่อแม่ได้เรื่อยๆ มีเวลากับครอบครัวมากขึ้น

ปกติคุณฝึกวาดรูปยังไง

เราฝึกวาดรูปเล่นกับไอจีที่ชื่อว่า stillherestilllife คือเขาจะมีภาพมาให้คนได้ลองเอาไปเล่นสนุกๆ กัน เราสามารถเอาภาพไปวาดใหม่ในแบบของเราได้ เหมือนเป็นไอจีที่ใครอยากจะวาดของเขาก็ได้ ซึ่งเราเป็นคนที่ชอบตีโจทย์ชอบเล่นสนุกอยู่แล้ว เราก็เลยเอาตัวแบบบางรูปมาตีโจทย์ใหม่ เช่น เขาให้รูปเมล่อนกับรูปปลาซาร์ดีนในกระป๋องมา เราก็รู้สึกว่าน่าจะสนุกนะถ้าเราวาดปลาซาร์ดีนกระโดดออกมาจากกระป๋อง แล้วกระโดดเข้าไปในอ่างที่มันดันมีน้ำส้มด้วยภาพจะออกมาเป็นยังไง เอาจริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะฝึก แต่เหมือนเราทำแล้วสนุกก็เลยอยากทำ เพราะปกติเราชอบวาดรูปอยู่แล้วด้วย

ดูสนุกดีนะ คนเล่นกันเยอะไหม

คนก็เล่นกันเยอะนะ เขาจะลงรูปประมาณสองอาทิตย์ครั้ง วาดเสร็จแต่ละคนก็จะแท็กไป ถ้าเจ้าของเพจชอบรูปไหนเขาก็จะเอาไปลงให้ ซึ่งมันมีหลากหลายมาก แต่เราก็พยายามชาเลนจ์ตัวเองด้วย บางทีก็จะจับเวลาฝึกวาดให้ได้ภายในกี่ชั่วโมง บางรูปเราวาดเสร็จภายในสองชั่วโมงเลยก็มี ฝึกแบบนี้เราจะได้ทดลองสี ได้ทดลองเทคนิค ได้ทดลองความเร็ว เราสามารถทดลองได้หมดเลย

เรารู้สึกสนุกดีที่ได้ร่วมเล่นอะไรแบบนี้ เหมือนเราสามารถใช้จินตนาการของตัวเองได้เต็มที่ วาดอะไรก็ได้ที่สนองจินตนาการของเรา สมมติว่าช่วงนี้ไม่อยากวาดสไตล์นี้แต่อยากลองวาดอีกแบบก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าเพจนี้มันตอบโจทย์ เขามีอิลิเมนต์มาให้เราอยู่แล้ว เราก็ลองคิดต่อว่าสามารถตีโจทย์แบบไหนได้บ้างในแบบของเรา 

มีศิลปินคนไหนที่คุณชื่นชอบเป็นพิเศษไหม

เราชอบ Andy Dixon คือเขาเป็นศิลปินชาวแคนาเดียน ตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่อเมริกา งานของเขาน่าสนใจมาก วิธีการใช้สีของเขาจี๊ดจ๊าดมากเลย เขาจะไม่ได้ใช้สีแค่สีเดียว แต่เขาจะผสมสีที่ดูไม่น่าเชื่อว่าจะผสมกันได้ ใช้สีโทนนู้นโทนนี้ผสมออกมาแล้วดูอลังดี เราก็เลยชอบ

ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ คุณเห็นพัฒนาการลายเส้นของตัวเองยังไงบ้าง

จริงๆ งานแรกก็ยังไม่ได้เหมือนตอนนี้ สมัยก่อนเราจะถนัดการวาดดรอว์อิ้ง ชอบวาดสไตล์แบบเรียลิสติกแอบกึ่งเซอร์เรียล มีการผสมบางอย่างที่อยากตีความแต่ก็ยังไม่ได้สนุกเท่าตอนนี้ เรามองว่าวาด original มันทดลองได้ยากกว่าด้วย พอลบมันก็เป็นรอย งานก่อนหน้านี้ก็จะเป็นภาพสีไม้กับสีน้ำ อย่างงานที่มีคำว่า faith and hope ภาพนี้สามารถอ่านกลับหัวได้สองด้าน จะเห็นว่าสมัยก่อนการใช้สีหรือการตีความมันยังไม่สนุกเท่าตอนนี้ 

พอช่วงประกวดของ happening makers ตอนนั้นเราอยากลองเทคโนโลยีใหม่ๆ ดูบ้าง ก็เลยทดลองใช้ไอแพดกับโปรแกรม procreate จำได้ว่าพอซื้อมาปุ๊บเราก็ไปศึกษาในยูทูบก่อนวันนึงว่าวิธีการต้องทำยังไงบ้างแล้วก็ลองเล่นเลย พอเราเริ่มมาใช้ไอแพดในการวาด เราก็รู้สึกว่ามันง่ายต่อการทดลองสี เราสามารถลองใช้สีได้มากขึ้น สามารถเทียบกันได้เลย รู้สึกสนุกกับการใช้สีกับ texture เราก็ศึกษาแล้วก็ทดลองไปเรื่อยๆ

แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง

ตอนนี้เราเป็นฟรีแลนซ์ ในไทยก็จะมีงานเข้ามาบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะมาก งานที่เคยทำก็จะมี Vespa Thailand Story in Decade นำบทความของคุณป่าน ฉัตรรวี เกี่ยวกับปี 2016 ออกมาเป็นภาพ, งานอองตองข้าวซอยที่เป็น packaging แล้วก็มีงาน Erb Thailand กับ Prada Thailand ที่เป็นรูปแบบ giftbox 

แต่ส่วนใหญ่งานที่เข้ามาก็จะเป็น Editorial ของเมืองนอก เป็นงานตีความให้ magazine หมดเลย ที่เคยทำก็จะมีงาน Elle decoration กับ decorrespondent ของเนเธอร์แลนด์, Socialter กับ Gaze magazine ของฝรั่งเศส, Db magazine ของเยอรมัน, Noema magazine กับ Mother Jones magazine ของอเมริกา แล้วก็ยังมี Cover singer ของ Lunalatte วงอินดี้ของอเมริกาด้วย ล่าสุดที่เพิ่งทำเสร็จไปก็จะเป็นงาน puzzle กับเว็บไซต์เกี่ยวกับอาหาร Mexican ของฝรั่งเศส

คิดว่าอะไรที่ทำให้คุณเป็นที่รู้จักในแวดวงต่างประเทศและได้รับโอกาสในการทำงานภาพประกอบหลายๆ ชิ้นที่ผ่านมา

อาจจะเป็นเพราะว่าเราเล่นเพจ stillherestilllife คนต่างชาติก็ตามมาจากตรงนั้นเยอะ

คือเขาเห็นงานเราจากไอจีแล้วก็รู้สึกชอบสี ชอบการตีความของเรา พอเขาเห็นว่าเราตีความได้ก็เลยเสนอคอนเทนต์มาให้ ถ้าดูจากคนที่ตามเราในไอจีตอนนี้ มีคนต่างชาติเห็นงานเราประมาณ 80% เลย อาจจะเป็นเพราะว่าเราไม่ได้มีการโปรโมตภายในประเทศด้วย ทำให้คนไทยอาจจะไม่ได้รู้จักเรามาก ก็มีคนไทยที่เห็นงานเราบ้างแต่ต่างชาติจะเห็นเยอะกว่า

ด้วยความที่โจทย์มันเป็นภาษาอังกฤษ พอได้โจทย์มาเราต้องใช้เวลานานมากเพื่อตีความให้เข้าใจมากที่สุด เราอยากเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการให้สื่อออกมา เราก็ไปทำการบ้านว่าควรจะสื่อออกมาเป็นแบบไหนดี แล้วก็หานัยให้คนได้คิดต่อด้วยว่าสิ่งนี้มันคืออะไรต่อไปได้ เราก็ต้องหาอิลิเมนต์ที่สามารถใช้ถ่ายทอดได้

การตีความบางเรื่องเราไม่รู้ อย่างเช่นการเมืองของต่างประเทศ เขาส่งมาให้เป็นพารากราฟ เป็นคอลัมน์เลย เราก็ต้องไปถามเพื่อนที่มีความรู้ด้านนี้ ภาษาที่ใช้จะแปลธรรมดาก็ไม่ได้ เพราะเขาใช้ศัพท์เฉพาะสำหรับคนที่เรียนรัฐศาสตร์ที่ไม่เข้าใจจริงๆ เราก็ต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่เรียนรัฐศาสตร์ หรือหาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถปรึกษาได้เหมือนกัน

ในการทำงานเราซีเรียสกับการวิเคราะห์มาก รู้สึกว่าการสื่อความสำคัญที่สุด เพราะสุดท้ายแล้วจุดประสงค์หลักๆ ของภาพคือการถ่ายทอดเรื่องราว นักวาดภาพประกอบจำเป็นต้องสื่อในสิ่งที่ต้องการให้คนที่ดูงานเข้าใจให้ได้ สำหรับเราตอนคิดกับสเกตช์ใช้เวลานานกว่าขั้นตอนการลงสีกับดีเทลเยอะเลย

ในฐานะศิลปิน การทำงานแบบ commercial มีผลต่องานบ้างไหม

มีค่ะ (หัวเราะ) คือบางทีเขาก็มีกฎนะแต่เราก็เข้าใจ มันเหมือนเป็นสิ่งที่ท้าทายเราเหมือนกัน ส่วนใหญ่เราไม่ค่อยได้ทำ commercial ขนาดนั้น พอได้ทำก็รู้สึกว่าเออมันก็สนุกในแบบของมัน คือเขามีกฎมาให้ก็จริง แต่ก็ยังมีความสร้างสรรค์ของเราอยู่แบบที่ผสมผสานกับความเป็น commercial ได้

งานของคุณจะดูเคลื่อนไหวเด้งไปมาตลอดเวลา คุณได้แรงบันดาลใจมาจากไหน

เราได้แรงบันดาลใจมาจากหลายอย่างเลย เช่น ภาพเคลื่อนไหวในพวกการ์ตูนแอ็กชั่นหรือคอมมิกต่างๆ ที่จะมีฉากหรือภาพเด้งขึ้นมา เรารู้สึกว่ามันน่าสนใจดี ถ้าเรารวมมาในรูปเดียวมันก็น่าจะดูสนุก แล้วเราก็สื่อสารให้มันเคลื่อนที่ในภาพเดียวได้ 

แต่ส่วนใหญ่ก็จะมาจากประสบการณ์รอบข้าง คือเราเป็นคนที่สายตาสั้นเกือบ 400 และชอบนั่งมอเตอร์ไซค์มาก ตอนที่นั่งรถมองวิวข้างๆ มันก็จะเห็นไม่ชัดใช่มั้ย เราจะเห็นวิวรอบข้างที่แตกต่างออกไปทำให้เราจินตนาการต่อได้ ตอนกลางวันก็เห็นเป็นภาพแบบหนึ่ง แต่ตอนกลางคืนเราจะเห็นเป็นภาพดาวกระจาย เห็นความฟิ้วๆ ที่เคลื่อนไหว สีก็จะเห็นไม่เหมือนกันอีก มันก็เป็น inspire อย่างหนึ่งของเราเหมือนกัน มีงานหนึ่งที่เคยวาดเป็นรูปหมานั่งข้างๆ เราก็เอามาจากการที่เราชอบนั่งมอเตอร์ไซค์ แล้วเห็นว่าข้างๆ มันเป็นภาพอีกแบบหนึ่ง หรือบางทีเราก็วาดจากความฝันด้วย 

วาดมาจากความฝันยังไง

ฟังแล้วอาจจะรู้สึกว่าเป็นบ้ารึเปล่า (หัวเราะ) คือเราเป็นคนที่ฝันทุกวัน แล้วก็เป็นความฝันที่มีจินตนาการแบบแปลกๆ มีวันหนึ่งเราฝันเห็นห้องเยอะมาก ทุกห้องเป็นสระว่ายน้ำหมดเลย เรารู้สึกว่ามันเป็นภาพอาคิเทคที่สวยมากจนรู้สึกอยากเอามาวาด มีอีกครั้งหนึ่งคือเราฝันเห็นห้องที่มีสีแดง สีเหลือง ทุกห้องมันจะดูมีความป๊อปๆ เราก็รู้สึกว่าน่าสนใจดี บางครั้งเราก็เอาฟีลลิ่งหรือโทนสีของภาพจากความฝันมาวาด เราไม่รู้เลยว่าภาพที่เราเห็นในฝันมาจากไหน คือในชีวิตจริงเราก็ไม่เคยเห็น แต่มันดูอลังจริงๆ เราเคยฝันเห็นยุคเรเนอซองส์ด้วยนะ มีภาพเรเนอซองส์เต็มไปหมดเลย ก็ดูเพี้ยนอยู่ (หัวเราะ) 

งานของคุณดูมีความเป็นเรโทรแต่ก็มีกลิ่นอายความเป็นโมเดิร์นผสมอยู่ด้วย เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกเลยรึเปล่า

จริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจเรโทรเลยนะ มีคนบอกเราเยอะอยู่เหมือนกันว่างานเราดูเรโทร เราก็สงสัยว่างานเราเป็นสไตล์เรโทรเหรอ คือไม่รู้ตัวเลย เราคิดว่าอาจจะเป็นวิธีการหยิบเอลิเมนต์มาใช้มากกว่า เพราะเราชอบอิลิเมนต์ที่ดูวินเทจ ซึ่งมันก็จะมีดีเทลของความเรโทร เราจะวาดถ้วยที่ทันสมัยก็ได้แต่เราดันไปชอบถ้วยที่ดูวินเทจ บวกกับอยากตีความให้คนเข้าใจง่ายขึ้นเราก็เลยทำเป็นสไตล์โมเดิร์น เป็นการมิกซ์แอนด์แมตช์แบบไม่ได้ตั้งใจ มันแค่บังเอิญไปผสมความชอบส่วนตัวของเราเองมากกว่า

ตอนที่เราไปออกงานก็มีคนถามเยอะมากว่าสไตล์แบบนี้คือสไตล์อะไร เอาจริงๆ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน (หัวเราะ) เหมือนเป็นดิจิทัลอาร์ต แต่ก็มีความเป็นดิจิทัลเพนติ้งด้วย มีบางคนบอกว่าเหมือนเซอร์เรียลนะ เพราะมันมาจากภาพที่ค่อนข้างเสมือนจริงแต่ว่ามีความดัดแปลง สำหรับเราคิดว่าน่าจะเป็นกึ่งเซอร์เรียล

อยากให้คนดูเห็นอะไรจากงานเรา

เราอยากให้คนที่ดูงานเราไม่ได้ดูครั้งเดียว อยากให้เขาค่อยๆ สนุกขึ้น เพราะบางคนก็เพิ่งเข้าใจทีหลังว่าเราต้องการจะสื่ออะไร อยากให้เขาเห็นนัยที่เราแอบใส่ ครั้งแรกเขาไม่เห็นก็ไม่เป็นไร จะเห็นแค่เป็นภาพภาพหนึ่งที่มีสีสันสดใสก็ได้ แต่ถ้าได้ดูต่อไปใช้เวลากับมันหน่อยก็อาจจะเห็นว่ามีนัยอันนี้แทรกด้วย เราอยากให้คนที่เห็นงานเราสนุกกับการตีความ

อย่างงาน Alphabet rooms เป็นงานที่เราชอบมากที่สุด เราได้แรงบันดาลใจมาจากเฟอร์นิเจอร์กับอินทีเรียดีไซน์ พอดีช่วงนั้นชอบอินทีเรีย อยากลองดูว่าถ้าภาพหนึ่งต่อออกมาเป็นห้องและก็มีบางอย่างแทรกอยู่ด้วยมันจะออกมาดีมั้ยนะ คิดว่าถ้าเอามารวมกันน่าจะสนุกดีก็เลยลองทำงานนี้ขึ้นมา ดูครั้งแรกทุกคนจะเห็นว่าเป็นแค่ภาพห้องห้องหนึ่งที่มีเฟอร์นิเจอร์ พอเราเฉลยว่าภาพนี้มันมี a-z นะ ทุกคนก็สนุกในการดูภาพของเรามากขึ้น พยายามหาว่าอักษรแต่ละตัวอยู่ตรงไหน เราก็รู้สึกสนุกดีที่ได้ทำให้คนสนุกไปกับงานเราด้วย เราอยากให้ตัวเองรู้สึกรีเฟรชตลอดเวลา 

ปกติถ้าไม่วาดรูปจะทำอะไร

เราชอบออกไปหาของกิน ชอบลองกินอะไรที่แปลกๆ ถ้ามีชื่อแปลกในเมนูเราก็จะเลือกอันนั้นเลย บางอย่างเราก็เอามาวาดรูปด้วย อย่างงานล่าสุด puzzle กับเว็บของทางฝรั่งเศสเกี่ยวกับอาหาร Maxican เรารู้สึกประทับใจตรงที่มีเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่แปลกแล้วเราอยากลองมากชื่อ Michelada มันจะมีสารคดีอันหนึ่งที่พูดถึงเรื่องนี้ เขาใส่กุ้ง ใส่เยลลี่ ใส่พริกลงไปในเครื่องดื่มค็อกเทล เราดูแล้วก็รู้สึกว่าเฮ้ยยากลองกินอะ แต่ว่าในไทยมันไม่ได้มีแบบนี้ งั้นเราลองทำให้มันมามิกซ์กันดูก็เลยวาดเป็นรูปนี้ขึ้นมา

ที่ผ่านมาคุณได้ลองเทคนิคหลากหลายรูปแบบ ยังมีอะไรที่อยากลองทำอีกไหม

 ที่ผ่านมางานเราเป็น 2D ทำในดิจิทัลมาตลอด รู้สึกว่าอยากทำให้มันเป็น 3D ขึ้นมา ตอนนี้เรากำลังสนใจแอร์บรัช อยากลองพ่นให้มี texture บวกกับเทคนิคต่างๆ ก็คิดว่าน่าสนใจดี เราอยากเห็นว่ามันป๊อปอัพขึ้นมาแล้วเป็นยังไง

จากการที่คุณได้มีโอกาสทำงานกับต่างชาติหลายประเทศ มีอะไรที่อยากเห็นในวงการนักวาดภาพประกอบในไทยไหม

เราอยากเห็นงานที่มีการรวมตัวของศิลปินอีกหลายๆ งาน อย่างล่าสุดที่เราได้ออกไป Bangkok Illistation Fair 2022 ก็รู้สึกสนุกดีที่ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับศิลปินด้วยกันเอง มีคนไปจัดบูทเยอะมาก 150 บูท เราไปเดินดูตามบูทก็รู้สึกว่าน่าสนใจดี อย่างเช่นคาแรกเตอร์ดีไซน์หรือสีน้ำที่เราไม่ได้ทำ ในงานมันมีหลากหลายมาก เราก็รู้สึกว่าดีจังที่มีงานแบบนี้มาจัดทำให้คนได้เห็นงานศิลปินมากขึ้น เพราะช่วงโควิดก็ไม่ได้มีอีเวนต์ที่ได้คุยในแวดวงศิลปินหรือนักวาดภาพประกอบเลย คนที่ติดตามงานเราในไอจีเขาก็เพิ่งเคยเห็นงานแบบใกล้ๆ บางคนที่อาจจะไม่เข้าใจความหมายรูปนี้เลย แต่ถ้าได้มาพูดคุยกันเขาก็จะได้เข้าใจความหมายมากขึ้นด้วย 

สามารถติดตามผลงานของ Beya ได้ที่อินสตาแกรม beyapanicha และเว็บไซต์ beyaofficial

AUTHOR