ความรู้สึกของมนุษย์เป็นเรื่องช่างน่าฉงนสนเท่ห์ ในบางครั้งเราไม่อาจรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองไม่อาจเข้าใจได้ว่า ณ ขณะนี้สภาวะภายในเกิดอะไรขึ้น แต่การถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกออกมา ไม่ว่าจะเป็นไปด้วยกระบวนการใด เปรียบเสมือนการเข้าไปแคะ แกะ เกา สภาวะภายในออกมาแผ่หลา ให้เห็นเป็นก้อน เป็นมวล เพื่อทำความเข้าใจว่ามีอะไรขาดหรือล้นอยู่ภายในตัวเรา
colorlesscrowd หรือ มินธานนท์ ชัยรัตน์ อดีตนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันมีธุรกิจของตัวเองทางด้าน E-Commerce Marketing Agency แต่ในอีกด้านหนึ่งเธอคือศิลปินผู้มีกระดาษว่างและสีชอล์กน้ำมันเป็นเพื่อนผู้รับฟัง เธอใช้การวาดรูประบายอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่ภายในให้ออกมาปรากฏบนพื้นที่สีขาว แต่งเเต้มสีสัน รูปทรงของความรู้สึกภายในออกมา งานวาดของ colorlesscrowd จึงอัดแน่นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เธอเริ่มต้นสร้างงานจากการวนลูป คิดถึงชั่วขณะที่เธออินและมีอารมณ์ร่วม ในหลายๆ ครั้งจุดเริ่มของงานมาจากการที่เธอมูฟออน จากบางสิ่งบางอย่างไม่ได้

“จริงๆ เราใช้การขีดๆ เขียนๆ อยู่เป็นเพื่อนตั้งแต่ยังเด็ก แต่พอโตขึ้นเราออกห่างจากมันเพราะมีภาระหน้าที่อย่างอื่นที่ต้องทำ จนมาช่วงโควิดที่ทุกคนกักตัวอยู่บ้าน เราเลยมีเวลาเยอะขึ้น ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง เราได้ดูซีรีส์ที่มีฉากจูบกันแล้วรู้สึกว่าสิ่งนี้ส่งผลต่อความรู้สึกมากๆ เราวนคิดถึงฉากนั้นและกลับไปดูซ้ำๆ เหมือนเป็นความรู้สึกใหม่ที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“เราจึงตัดสินใจว่างั้นกลับมาวาดรูปดีกว่า หลังจากนั้นงานส่วนใหญ่ของเรามักจะมาจากเรื่องราวหรือเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่เราหมกมุ่นคิดถึงมัน จนต้องหาวิธีการระบายออกมา เราจึงได้กลับไปหาเพื่อนคนเดิมที่เคยสนิทตอนเด็กอีกครั้ง เพื่อนคนนี้คือกระดาษและการขีดเขียน กลับไปหาเขาด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ซับซ้อนมากขึ้น”

สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานที่เเข็งแรงให้กับงานศิลปะของเธอ รูปวาดของเธอเเบ่งออกเป็น 2 ประเภท หนึ่งคือเรื่องของ Intimacy (ความใกล้ชิด) เธอมักจะวาดรูปร่างกาย สัมผัสของผู้คน ซึ่งคนที่เสพงานของเธอมักจะบอกว่าภาพเหล่านี้คืองานอีโรติก แต่ในมุมของคนสร้างกลับรู้สึกเพียงว่าอยากวาดสิ่งเหล่านี้โดยไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่ามันคือภาพประเภทไหน เพียงแต่เล่าช่วงเวลาที่มีเพียงเรากับคนอีกคนหนึ่งอยู่บนโลกใบนี้เพียง 2 คน
และประเภทที่ 2 เป็นภาพธรรมชาติกึ่ง Impression Art สะท้อนความรู้สึกของการที่เราเป็นจุดที่เล็กกระจิริดท่ามกลางธรรมชาติอันกว้างใหญ่ เมื่อถอยออกมามองภาพรวม เธอเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า
Frozen Moments หรือเป็นช่วงเวลาที่อยากจะกลับไปสัมผัสอีกครั้ง เป็นสภาวะที่ทุกอย่างรอบๆ ตัวหยุดนิ่งจนสามารถเห็นภาพตรงหน้าอย่างละเอียดเเละชัดมากๆ

“มีภาพหนึ่งที่เราวาดขึ้นมาชื่อว่า ‘Where every piece of my body really belongs’ ซึ่งเป็นภาพคลื่นขนาดใหญ่สีฟ้ากำลังซัดสาดเข้ามา เป็นโมเมนต์ที่มาจากตอนที่ไปเล่นเซิร์ฟอยู่ และตอนที่เรากำลังว่ายออกไปและอยู่คนเดียวกลางทะเล อยู่ๆ เราก็รู้สึกว่าทะเลมันกว้างใหญ่มากเลย ตัวเราเหมือนเหลือตัวเล็กนิดเดียวเลย ณ ช่วงเวลานั้นเรารู้สึกดีมากๆ
“หากถามว่ารู้สึกกลัวไหมในชั่วขณะนั้น ก็รู้สึกว่าน่ากลัวนะ แต่สิ่งที่แปลกคือ เรารู้สึกว่าถ้าจะต้องตายตรงนั้นเราก็โอเคเพราะเรารู้สึกสบายใจในสถานการณ์นั้นมากๆ มันค่อนข้างซับซ้อนนิดหนึ่ง
“หลังจากวันนั้นหากได้เห็นท้องฟ้าหรือธรรมชาติกว้างๆ เราก็จะนึกถึงความรู้สึกที่ว่ามนุษย์ช่างเล็กจ้อย เป็นเพียงฝุ่นผงของจักรวาล พอคิดได้แบบนั้น ความเครียดที่มีอยู่ หายไปหมดเลย เราวาดรูปนี้ด้วยความรู้สึกโหยหาช่วงเวลานั้นมากๆ ตอนวาดคือน้ำตาไหลเลย”
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือร่างกายมนุษย์มันต่างก็กำลังโอบกอด ห่อหุ้มตัวเธอไว้อยู่

แน่นอนว่าการทำงานโดยพึ่งพาอารมณ์ส่วนตัวมีข้อจำกัดในการสร้างงานอยู่สูงมากๆ เพราะการจะจัดการระบบให้ลงตัวเพียงพอที่จะผลิตงานอย่างต่อเนื่องเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย แต่การรู้เท่าทันสภาวะอารมณ์ของตัวเองมากเพียงพอทำให้ศิลปินจัดการอารมณ์เพื่อสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบระเบียบได้
“ช่วงแรกที่วาดรูปจากอารมณ์ความรู้สึก เราทำงานตามอารมณ์มากๆ แต่ตอนนี้พอเริ่มจำเป็นต้องผลิตชิ้นงานเพราะมีคนรอที่จะซื้อภาพของเราอยู่ ก็เลยเริ่มหาวิธีการบริหารจัดการใช้อารมณ์ให้เป็นตาราง อย่างช่วงครึ่งเช้าที่อารมณ์มักจะพรั่งพรูเราจะรีบวาดรูปในช่วงเวลานี้ แต่พอครึ่งบ่ายเราจะนิ่งมากขึ้น จึงเก็บงานที่จำเป็นต้องใช้ลอจิกไปเลยทำในช่วงนี้ เรียกง่ายๆ คือการตั้งใจเป็นไบโพลาร์แต่ยังควบคุมตัวเองได้อยู่”

“งานศิลปะทำให้เราเปิดโลกมากๆ มันพาเราไปเจอผู้คนที่หลากหลาย พองานเราเชื่อมต่อกับผู้คน ทำให้เราสามารถคุยกับพวกเขาได้อย่างสนิทใจ เราได้เพื่อนมาจากการทำงานศิลปะเยอะเลย ศิลปะเป็นได้หลายอย่างสำหรับเรา และเราก็คิดว่างานศิลปะพาเราเดินทางไปได้หลากหลายเกินกว่าที่เคยจินตนาการไว้อีก สิ่งเหล่านี้คือเหตุผลที่ทำให้เรายังคงทำงานต่อไป เพราะมีคนที่รอดูงานเราอีกเยอะเลย”
colorlesscrowd มีความฝันว่าอยากไปเที่ยวในธรรมชาติที่กว้างใหญ่ เพื่อรู้ว่าในแต่ละพื้นที่จะสร้างความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง จะได้นำเอาความรู้สึกเหล่านั้นกลับมาวาดรูปเพื่อส่งต่อความรู้สึกเหล่านี้ไปให้ผู้ที่เชื่อมโยงกับมัน
.
ติดตามศิลปินได้ที่ Instagram : @colorlesscrowd