main course 191 : Bangkok’s 100 Hidden Places

main course 191 : Bangkok’s 100 Hidden Places
ในเมนคอร์สเล่มนี้ เราจะชวนคุณไปเที่ยวทั่วกรุงเทพฯ
แบบอันซีนชนิดที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ากรุงเทพฯ
ที่เราคุ้นเคยมีมุมแบบนี้อยู่ด้วย!

จะเจออะไรใน main course 191

  • หลากหลายสถานที่ลึกลับ-100 สถานที่ที่เราคัดสรรมา มีตั้งแต่อาคาร
    ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ จนถึงสวนสาธารณะ ที่มีจุดร่วมเหมือนกันคือเป็นขุมทรัพย์ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
    เรียกว่าอยากไปที่แบบไหน
    มาเจอได้ในเล่มนี้ (พร้อมการแบ่งหมวดหมู่เสร็จสรรพ เช่น หมวด ‘บำรุงสมอง’
    สำหรับคนที่อยากเที่ยวสนุกแถมสาระ)
  • เรื่องราวน่ารู้แน่นเอี้ยด-ถ้าคุณเป็นคนย่านนั้นหรือชอบเที่ยวที่แปลกๆ
    คุณอาจเคยเห็นที่เหล่านี้ผ่านตามาบ้าง แต่ถ้าอยากรู้จักที่ที่เคยเห็นให้ดีขึ้น
    เช่น ที่นี่เกิดขึ้นได้ยังไง เกิดขึ้นเพราะอะไร ก้าวเข้าไปแล้วจะเจออะไรสนุกบ้าง
    ต้องลองมาอ่านดูในเล่มเพราะเราค้นเรื่องราวน่ารู้ของแต่ละที่มาเล่าให้คุณฟังในหน้ากระดาษแล้ว
  • รูปสวยดูเพลิน-ก่อนออกเดินเที่ยวจริง
    มาทำความรู้จักสถานที่ลึกลับเหล่านี้ผ่านภาพดูเพลินกันก่อน หลายที่มีรูปให้ดูเกือบเต็ม
    1 หน้า a day ใหญ่กว่ารูปเล็กจิ๋วของไกด์บุ๊กหลายเล่มแน่ๆ

** ของแถมพิเศษ: ใครเจอที่ที่ชอบแต่กลัวหลงทาง
เรามีลายแทงออนไลน์ของทั้ง 100 สถานที่ให้คุณไว้ดูให้อุ่นใจที่ด้านล่างสุดของโพสต์นี้นะ

ทดลองอ่านก่อนซื้อ
ข้างล่างนี้คือตัวอย่าง
10 สถานที่ลึกลับจาก main course ที่เราเคยโพสต์รูปให้คุณลองทายในเพจ a day magazine เมื่อวันก่อน
ใครลองทายแล้ว มาดูเฉลยกันเลย!

1.

ร้านอาหารไทยสุดชิกที่ซ่อนตัวมานานกว่า
20 ปี

กลางซอยเจริญกรุง
34 มีร้านอาหารไทยร้านหนึ่งที่ทางเข้าดูแสนจะธรรมดา แต่ทว่าสังเกตดีๆ
จะเห็นความแตกต่างจนต้องร้องว้าวออกมา
เพราะแค่เดินเข้าร้านก็รู้สึกเหมือนได้เข้ามาอีกโลกหนึ่งเลย
Harmonique ร้านอาหารไทยขวัญใจฝรั่งแห่งนี้เกิดจากการสร้างสรรค์ของ
3 สาวพี่น้องเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่ห้องแถวแบบจีนโบราณกับครอบครัว
พอเพื่อนบ้านเริ่มย้ายออกเลยเซ้งห้องแถวทุกคูหาทั้งด้านในและนอก
เปิดเป็นร้านอาหารไทยมานานกว่า 20 ปี โดยเปลี่ยนทางเดินตรงกลางระหว่างบ้านเป็นพื้นที่วางโต๊ะให้ลูกค้าทานอาหาร
แถมมีการตกแต่งแบบแปลกประหลาดอย่างไม่น่าจะเข้ากันได้
ทั้งรูปปั้นและของเก่าสไตล์จีน ไทย
และยุโรปที่ครอบครัวสะสมถูกนำมาวางตกแต่งทั่วร้านละลานตาไปหมด
สิ่งของคนละแนวถูกจัดวางอย่างลงตัวจนน่าประหลาดใจ มองไปทางไหนก็ดูน่าค้นหา
ทางเข้ามีต้นไทรใหญ่ที่ม่านรากไทรห้อยลงมาเป็นซุ้มประตู
แสงไฟสลัวสีนวลตัดกับผนังปูนเก่าของตัวบ้านสร้างบรรยากาศให้น่าหลงใหลยิ่งขึ้น
พระเอกของร้านคืออาหารไทยหน้าตาแปลก รสชาติอร่อยแบบฉบับชาวกรุงจนต้องลิ้มลอง เช่น
เมนูอาหารไทยชุดสุดคูลที่หาทานได้แค่ที่นี่ และแกงกะหรี่ปูรสชาติกลมกล่อม
เนื้อปูเต็มจาน เนื้อแน่นละลายในปากจนต้องร้องว้าวออกมาอีกรอบเลย


2.

พระตำหนักน้อยแสนรื่นรมย์ของรัชกาลที่
6

ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าด้านหลังพระราชวังพญาไทที่ตั้งตระหง่าน
สวยงาม และหรูหรา มีพระตำหนักหลังน้อยแอบอยู่ริมสระน้ำ
พระตำหนักเมขลารูจี
เป็นพระตำหนักรูปทรงคลาสสิกคล้ายบ้านกระท่อมในยุโรป ตัวเรือนเป็นไม้สักทาสีฟ้า
มุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา สร้างขึ้นเป็นที่ประทับชั่วคราวของรัชกาลที่ 6
ระหว่างการก่อสร้างพระราชวังพญาไท ชั้นบนติดกระจกโดยรอบตามพระประสงค์เพื่อทอดพระเนตรการก่อสร้างพระราชวังด้วยพระองค์เอง
เมื่อพระราชวังพญาไทก่อสร้างเสร็จ จึงเปลี่ยนมาใช้เป็นสถานที่ทรงเครื่องใหญ่
(ตัดผม) พร้อมบรรเลงมโหรี บรรยากาศที่รื่นรมย์ส่งผลให้รัชกาลที่ 6
ทรงประพันธ์บทพระราชนิพนธ์ต่างๆ ที่พระตำหนักแห่งนี้
ปัจจุบันพระตำหนักได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้คนทั่วไปเดินชมได้จากภายนอก


3.

ยาหอมหวานที่หอมนานนับร้อยปี

เพียงเดินเข้าไปในซอยเทศา ย่านเสาชิงช้า
ก็ได้กลิ่นเครื่องยาสดชื่นและได้ยินเสียงเพลงย้อนยุคลอยมาจากบ้านสไตล์โคโลเนียลแบบตะวันตก
ป้ายเขียนด้วยตัวอักษรไทยว่า
บำรุงชาติสาสนายาไทย
ที่นี่คือสถานที่ผลิตและจำหน่ายยาแผนโบราณ ‘ตราหมอหวาน’ ที่ก่อตั้งโดยหมอหวาน
รอดม่วง แพทย์โบราณที่มีชื่อเสียงในรัชกาลที่ 6
ผู้ตั้งใจสืบสานภูมิปัญญาและรับการแพทย์ตะวันตกมาปรับใช้
พัฒนารูปแบบยาไทยที่เดิมใช้แต่การต้มมาเป็นยาหอมแบบเม็ดคล้ายตะวันตก บรรยากาศไม่เหมือนร้านขายยาทั่วไป
มีขวดยาตกแต่งเรียงรายบนตู้รอบร้าน เหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่จัดแสดงความเป็นมาของยาหอมไทย
ได้ชมที่มาของวัตถุดิบต่างๆ ที่ชวนอึ้งไม่น้อย เช่น เห็ดจากนมเสือโคร่งแม่ลูกอ่อน
อำพันทองจากอสุจิปลาวาฬ ชมอุปกรณ์เครื่องมือแบบโบราณ และขั้นตอนการหุ้มเม็ดยาด้วยทอง
ที่จริงแค่ได้เห็นความสวยงามของบ้านก็เกินคุ้ม ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

Mowaan.com


4.

มัสยิดขนาดใหญ่ที่เหมือนดอกไม้บาน

สถาปัตยกรรมแสนสวยหน้าตาเหมือนดอกไม้ที่ซ่อนอยู่กลางเมืองใหญ่
ในซอยรามคำแหง 2 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ รามคำแหง คือ
มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย
ถูกสร้างตั้งแต่ปี 2527
เพื่อเป็นศาสนสถานของชาวมุสลิมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ แทนที่จะเป็นซุ้มโค้งโดมแบบที่เราเห็นตามมัสยิดทั่วไป
กลับออกแบบให้เป็นหลังคารูปหกเหลี่ยมหรือรังผึ้ง มีเสาตรงกลาง
มองจากด้านข้างจึงสวยงามราวกับดอกไม้บานรับแสง
ความโค้งของเพดานที่สูงโปร่งทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศ
เหมาะแก่การสงบจิตใจของชาวมุสลิมรวมถึงผู้มีจิตศรัทธาต่างศาสนา ประธานมูลนิธิฯ
กระซิบบอกเราว่า
ความสวยหวานของสถานที่แห่งนี้ยังทำให้ถูกจองคิวจัดงานแต่งเกือบทุกสัปดาห์เลยนะ

Thaiislamicenter.com


5.

ห้องเรียนธรรมชาติไร้ชีวิตที่ยังมีชีวา

ตึกชีววิทยา 1 หรือตึกขาว
เป็นอาคารเก่าของคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขึ้นไปชั้น 2 ภายในห้อง 203 หลังประตูไม้บานใหญ่คือ
พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยา
ซึ่งเป็นที่จัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์ไม่กี่แห่งในประเทศไทย
รวบรวมจากของสะสมของอาจารย์ในคณะหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ทะเล
หรือสัตว์ปีกก็มีสตัฟฟ์ไว้ให้ศึกษาอย่างหลากหลาย รวมถึงสัตว์สงวนหาดูยาก
สัตว์สูญพันธุ์ที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นอีก ที่ภาคชีววิทยานี้
ยังมีพิพิธภัณฑ์เต่าและตะพาบ พิพิธภัณฑ์หอยทาก และพิพิธภัณฑ์ผีเสื้อสตัฟฟ์
หลายสายพันธุ์ที่ยังคงความสวยงามของปีกเอาไว้อย่างสมบูรณ์
เข้ามาเรียนรู้ธรรมชาติกันฟรีๆ ได้ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น
คนชอบชีววิทยาควรหาเวลาเข้ามาให้ได้


6.

ห้องสมุดเด็กสุดน่ารักในบ้านเก่าสไตล์โคโลเนียล

บ้านไม้เก่า 2
ชั้นกลางซอยวัดม่วงแค หรือซอยเจริญกรุง 34 เป็นที่ตั้งของห้องสมุดเด็กปฐมวัยแห่งแรกของกรุงเทพมหานครชื่อ
ห้องสมุดเด็กดรุณบรรณาลัย สุธาทิพ ธัชยพงษ์
ผู้อำนวยการห้องสมุดผู้ใจดีเล่าว่า ในสมัยรัชกาลที่ 6
บ้านหลังนี้เป็นของข้าราชการท่านหนึ่ง
ซึ่งภายหลังได้กลายมาเป็นสำนักงานของหน่วยงานราชการ
และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กราชานุกูล (วัดม่วงแค)
แล้วปรับปรุงใหม่ให้กลายมาเป็นห้องสมุดหนังสือภาพสำหรับเด็กปฐมวัยของมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก
ออกแบบโดยสถาปนิกหนุ่มสาวจาก Plan Architect พวกเขาเริ่มต้นศึกษาตัวอย่างห้องสมุดเด็กในต่างประเทศ
แล้วสร้างสรรค์ห้องสมุดแห่งนี้ด้วยแนวคิด ‘บ้านต้นไม้’
ซึ่งให้บรรยากาศอบอุ่น น่ารัก ปลอดโปร่ง
และทำให้เด็กได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด จุดที่น่าสนใจที่สุดของที่นี่คือ ‘บันไดสายรุ้ง’ ซึ่งเชื่อมห้องสมุดไปสู่สนามหญ้าเทียมด้านนอกบ้าน
แล้วยังมีเนินหลังคาเตี้ยๆ เหนือร้านกาแฟ ให้เด็กได้นั่งอ่านหนังสือเล่นด้วย
ห้องสมุดแห่งนี้เปิดใช้บริการเมื่อต้นปี 2559
เปิดทุกวันพุธถึงอาทิตย์ ที่นี่เหมาะกับครอบครัวที่อยากชวนเด็กๆ มาทำกิจกรรมดีๆ
ร่วมกันในวันหยุด แต่ถ้าใครยังไม่มีลูกหลาน แค่มาเดินดูตึกเก่าสวยๆ
และรายละเอียดของการออกแบบที่ตั้งใจคิดมาเพื่อเด็กแทบจะทุกจุดก็สนุกแล้ว

Facebook l
darunbannalai


7.

ขนมจีนราดวัฒนธรรมไทย-โปรตุเกส

ขนมจีนแกงไก่คั่วคือหนึ่งในอาหารหลักดั้งเดิมที่ใช้ในเทศกาลและงานมงคลของชาวกุฎีจีน
ปัจจุบันเหลือร้านที่ยังทำได้เพียง 3 เจ้าเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือ
เฮโลนมสด
ร้านอาหารบรรยากาศอบอุ่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าโบสถ์ซางตาครู้ส
ร้านนี้อยู่ในบ้านไม้ของครอบครัวที่สืบทอดวัฒนธรรมของตระกูลจากทวดที่เป็นคนโปรตุเกสและคนจีน
สูตรขนมจีนซึ่งเป็นมรดกสืบทอดกันมาคือ ขนมจีนเส้นสดเหนียวนุ่ม ราดด้วยเนื้อไก่ ตับ
กึ๋น ในน้ำยารสละมุนลิ้น คลุกเคล้ากับพริกเหลือง
อร่อยจนรู้สึกว่าคุ้มค่ากับการเดินมาจนเหงื่อซึม


8.

ร้านดอกไม้แสนสวยในบ้านเก่าแสนโรแมนติก

ถ้าบอกว่าดอกไม้แสนสวยชุบชีวิตตึกเก่าในซอยนานา
เยาวราช ให้กลับมาชื่นชีวาอีกครั้งก็ไม่เกินไป เพราะเชื่อว่าใครๆ ก็ต้องตกหลุมรัก
Oneday Wallflowers ร้านดอกไม้ขนาดกะทัดรัดของสถาปนิกหนุ่ม
ลักษณ์-ณัฐพัชร
สุริยะกำพล ตั้งแต่ก้าวแรกที่ผลักประตูเข้าไป
ภายในร้านคือสตูดิโอทำงานของทีมเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้สุดคลาสสิก
ให้กลิ่นอายกระท่อมแถบตะวันตกของยุโรปในยุคแรกเริ่มอุตสาหกรรม
โต๊ะไม้วินเทจจัดไว้นั่งทำงานและพูดคุยกับลูกค้าแบบสบายๆ
ด้านหลังมีโถงไว้สำหรับจัดเวิร์กช็อปชั่วคราวที่ปล่อยให้แสงลอดเข้ามาในโถงได้
ส่วนดอกไม้แสนสวยพักตัวอยู่ในห้องเย็นเพื่อคงสภาพความสดใสไว้ให้นานที่สุด
ร้านเปิดเฉพาะวันธรรมดา ใครแวะไปแล้วไม่ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปนี่ถือว่าใจเด็ดมาก

Facebook
l
Oneday wallflowers


9.

บาร์หมอลำสวรรค์บางกอกที่ใครไปก็เป็นต้องเซิ้ง

นาทีนี้หากจะฟังเพลงหมอลำสนองความต้องการหู
คุณไม่ควรพลาด
Studio
Lam
บาร์หมอลำร่วมสมัย
อายุอานามปีกว่า บรรยากาศม่วนซื่นใจกลางกรุง ณ สุขุมวิท 51 ที่เกิดจากการก่อตั้งของกลุ่มเพื่อนๆ
ที่มีใจรักในบทเพลง ‘เวิลด์มิวสิก’ หนึ่งในนั้นคือ ดีเจมาฟท์ไซ สมาชิกของวงเดอะ พาราไดซ์ แบงค็อก หมอลำอินเตอร์เนชั่นแนล ที่นี่ออกแบบตกแต่งด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่
มุ่งหมายให้เหล่าเพลงที่บรรเลงนั้นเสนาะหูที่สุด จุดดึงดูดนักดื่มทั้งหลายคงหนีไม่พ้นพลพรรคโหลยาดองมากมายที่เรียงรายอยู่บนชั้นหลังเคาน์เตอร์บาร์ที่ทำเราเปรี้ยวปากไปตามๆ กัน
สำหรับใครที่อยากลองดี พี่น้อย
บาร์เทนเดอร์เสียงแหบเสน่ห์ของที่นี่ขอแนะนำยาดองค็อกเทล ‘ซูเปอร์กำลังเสือโคร่ง’ ผลลัพธ์การสร้างสรรค์ระหว่างเหล้านอกอย่างเบอร์เบิ้นกับยาดองพญาเสือโคร่งของดีไทย
ออกมาเป็นรสชาติละมุน จนลืมรสสัมผัสยาดองแบบเดิมๆ ไปเลย ถึงแม้จะไม่เหลือเค้ายาดอง
แต่ของเขาแรงเหมือนเดิม ทำเราเมากันไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยทีเดียว นอกจากยาดองดี
กิจกรรมเด็ดๆ เขาก็มี โดยวันพุธจะเปิดเวทีให้กับเหล่านักดนตรีทดลองมาเล่นสดแสดงฝีมือกัน
ส่วนวันศุกร์และเสาร์เป็นอีเวนต์ดนตรีต่างๆ
ที่หมุนเวียนกันมาแสดงแกล้มบรรยากาศของที่นี่

Facebook
l
Studio Lam


10.

สุสานที่กลายเป็นสวนสุขภาพอันรื่นรมย์

ย้อนกลับไปเมื่อปี
2539 สำนักเขตสาทรมีโครงการเจ๋งๆ ที่ต้องการเปลี่ยนเมืองธรรมดาให้น่าอยู่มากขึ้น
พื้นที่สุสานจีนกว่า 100
ไร่ของสมาคมแต้จิ๋วย่านสาทรจึงถูกปรับให้เป็นสวนออกกำลังกายอันร่มรื่น
และลบภาพความน่าสะพรึงกลัวออกไปหมด จนเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อใหม่ว่า
สวนสุขภาพสมาคมแต้จิ๋ว
สถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนในพื้นที่ภายใต้แนวคิด ‘สวนสวยในสุสาน’ มีเส้นทางวิ่งอันร่มรื่นหลายกิโลเมตร
ภายในสวนปกคลุมด้วยร่มเงาของต้นไม้ใหญ่และรายล้อมไปด้วยหลุมฮวงซุ้ยเรียงรายอยู่นับพัน
กลางสวนมีศาลเจ้าหลวงปู่ไต้ฮงอันเป็นที่เคารพของชาวจีนแต้จิ๋วมาช้านาน
และยังมีชมรมต่างๆ กว่า 30 ชมรม เช่น ชมรมเพาะกาย ชมรมหมากรุก ชมรมแบดมินตั้น
และมีชมรมนักวิ่งของสมาคมแต้จิ๋วเป็นพี่ใหญ่ มุมหนึ่งของสวนสร้างไว้เป็นพื้นที่สำหรับชมรมต่างๆ
แต่ความน่ารักอยู่ที่เหล่ากลุ่มเพื่อนวัยเกษียณในชมรมนั้นๆ มักมาพบปะสังสรรค์กันยามเย็น
ร้องเพลงคาราโอเกะ
และทำอาหารรับประทานพร้อมชมวิวสุสานของบรรพบุรุษกันอย่างมีความสุข


ลายแทง Bangkok’s 100 Hidden Places


คลิกสั่งซื้อ a day 191 ออนไลน์ตรงนี้เลย

AUTHOR