สำหรับคนผลิตคอนเทนต์ การทำอะไรให้โดนใจคนหมู่มากเป็นเรื่องยากมาแต่ไหนแต่ไร ยิ่งสมัยนี้ที่โลกออนไลน์มีคู่แข่งมากมาย ว่ากันว่าทุกคนมีเวลาน้อยกว่า 3 วินาทีเพื่อดึงความสนใจผู้คนบนหน้าฟีดให้หยุดดู ปัญญาอ่อนshop

สำหรับเรา ปัญญาอ่อนshop คือหนึ่งในเพจที่ทำให้เราหยุดดูได้ทุกครั้งตั้งแต่ช่วงปล่อยคอนเทนต์ใหม่ๆ สำหรับใครที่ไม่รู้จักขอแนะนำอย่างย่นย่อว่า นี่คือเพจขายของที่ป๊อปและแปลกที่สุดเพจหนึ่งในโลกออนไลน์ ไม่เพียงแต่ทำให้เราอยากกด CF เพราะอยากได้ แต่มั่นใจว่าหากใครคลิกเข้าไปไล่ดูจะต้องหลงเสน่ห์ความขำบวกความคิวต์ของเพจนี้ได้ไม่ยาก

‘ร้านสำหรับคนขี้แพ้…พรีออร์เดอร์ของปัญญาอ่อน’ คือคำจำกัดความที่ พีช–พิชชาพร ชีวินศิริวัฒน์ เจ้าของเพจเขียนไว้ในหน้า About เอกลักษณ์หนึ่งของปัญญาอ่อน shop คือการขายสินค้าที่ไม่เหมือนใครและคงไม่มีใครคิดจะขาย บางชิ้นโดดเด่นด้วยความน่ารักที่น่าจะทำให้สาวน้อยใหญ่กดสั่งซื้ออย่างง่ายดาย บางชิ้นโดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์คนหมู่มากได้อย่างน่าแปลกใจ และทุกชิ้นมีคุณสมบัติร่วมกันคือความ ‘อิหยังวะ’ พร้อมคำโฆษณาที่อ่านแล้วไม่รู้จะซื้อมาทำไม แต่ความอิหยังวะนี่แหละที่ทำให้ใครต่อใครอยากซื้อ

ชุดฉลามเป่าลม, แว่นครุ่นคริส LED, เตาหมูกระทะน้อย, โคมไฟจรวดนาซาก็พาเธอกลับมาไม่ได้ คือตัวอย่างสินค้าของปัญญาอ่อนshop พูดง่ายๆ ก็คือเป็นของประเภทที่เราไม่เคยอยากได้ จนกระทั่งเห็นมันเด้งขึ้นมาบนหน้าฟีดนี่แหละ

จำนวนลูกเพจเกือบ 40,000 คนในตอนนี้ยืนยันได้ดีว่าช็อปออนไลน์ร้านนี้ฮิตมากแค่ไหน แต่หากมองลึกลงไป ในความตลกขบขันและความเพี้ยนของสินค้าเราจะเห็นความคิดสร้างสรรค์ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

อะไรทำให้ปัญญาอ่อนshop กลายเป็นร้านขายของออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ เราต่อสายตรงหาเจ้าของเพจอย่างพิชชาพรเพื่อถอดแนวคิดการทำเพจที่มากด้วยยอดขายและอารมณ์ขันมาแบ่งปัน

ย่อหน้าต่อไปนี้คือคำแนะนำของเธอ

พีช–พิชชาพร ชีวินศิริวัฒน์ เจ้าของเพจปัญญาอ่อนshop

1. ทำสิ่งที่ออกมาจากตัวเราจริงๆ ปัญญาอ่อนshop

“เราทำเพจปัญญาอ่อนshop มาได้เกือบ 2 ปี ก่อนหน้านั้นยังเป็นนักศึกษาปริญญาตรี อยากหารายได้เสริมสักเดือนละ 2,000-3,000 ก็ยังดี จึงเริ่มจากการขายเสื้อผ้าผู้หญิง ปรากฏว่าคู่แข่งเยอะ รายได้ไม่คุ้มกับความเหนื่อย รู้สึกว่าต้องคิดใหม่ ก็เลยหันกลับมาถามตัวเองว่าเราอยากขายอะไร คิดของที่จะขายจากตัวตนจริงๆ ของเรา

“เราตั้งเพจนี้ร่วมกับแฟนเก่า ซึ่งเราทั้งคู่เป็นคนกวนตีนเหมือนกัน ถามว่าถึงขั้นปัญญาอ่อนไหม ก็มากอยู่ (หัวเราะ) เราเลยตัดสินใจว่า โอเค เดี๋ยวจะขอเวลาหาสินค้าสักวันสองวันโดยยึดคอนเซปต์นี้เป็นหลัก ก็เริ่มจากพวงกุญแจหมูสามชั้นซึ่งเป็นของที่เราอยากซื้อมาใช้เองอยู่แล้ว

“เราตัดสินใจเปิดพรีออร์เดอร์ในเฟซบุ๊ก ปรากฏว่ามีออร์เดอร์เข้ามาเกิน 100 ชิ้น ผลตอบรับเกินคาด ตอนนั้นเพื่อนๆ พี่ๆ ก็แนะนำว่าให้เปิดเพจขายเลย เราคิดว่ามันอาจจะเวิร์กก็เลยตัดสินใจเปิดเพจดู”

2. คิดชื่อที่อ่านแล้วสะดุด ปัญญาอ่อนshop

“ตอนจะเปิดเพจเราคุยกับแฟนเก่าเรื่องชื่อเยอะมาก ตั้งโจทย์ไว้ว่าอยากให้อ่านชื่อเพจแล้วสะดุด อ่านแล้วต้องกดเข้ามาดู สุดท้ายก็ย้อนกลับมามองจุดแรกเริ่มของการตั้งเพจ คือคำว่าปัญญาอ่อน เลยเกิดเป็นชื่อปัญญาอ่อนshop ขึ้นมา ตอนแรกจะตั้งชื่อเพจเป็นภาษาไทยทั้งหมด แต่คิดไปคิดมา เอ๊ะ จะมีแต่คนไทยที่เข้าใจหรือเปล่า เลยเลือกชื่อภาษาไทยและอังกฤษรวมกันเป็น ‘ปัญญาอ่อนshop’ ทำให้เราเรียกลูกค้าต่างชาติได้จริง”

3. ขายไอเทมที่ไม่มีใครคาดคิด ปัญญาอ่อนshop

“เราเขียนนิยามของเพจไว้ในหน้า About ว่า ‘ร้านของคนขี้แพ้ พรีออร์เดอร์ของปัญญาอ่อน’ มาจากคอนเซปต์ขำๆ ว่าเราอยากขายของที่ทำให้คนขี้แพ้รู้สึกเป็นผู้ชนะขึ้นมาได้ ดังนั้นไอเทมที่อยู่ในร้านทุกอย่างจะเท่ เป็นของที่มีแล้วรู้สึกยิ่งใหญ่ แต่เป็นคอนเซปต์ขำๆ นะ ไม่ได้ส่งเสริมให้รู้สึกว่าเป็นผู้ชนะจริงจังขนาดนั้น

“ของในร้านมีตั้งแต่ของใช้ไปจนถึงเสื้อผ้า กระบวนการหาของมาขาย เราเริ่มจากการดูนู่นนี่ไปเรื่อย อันไหนถูกใจก็ค่อยๆ ค้นแหล่งที่มาต่อ ซึ่งส่วนใหญ่มักมาจากต่างประเทศ เราไม่มีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือก ยึดเพียงว่าถ้าของชิ้นไหนดูแปลก ร้านอื่นไม่กล้าขายก็หยิบมา เป็นของที่คนอื่นจะคิดว่าใครเขาจะใช้

“ความจริงการเลือกก็เรียกร้องรสนิยมส่วนตัวสูงเหมือนกันนะ เหมือนขึ้นอยู่กับเรา อารมณ์ใครไม่ชอบไม่รู้ กูชอบ (หัวเราะ) ขายได้หรือเปล่าไม่รู้แหละ แต่เราขอลงอันนี้ไว้ก่อน ขอลงให้คนติดตามเพจมาหัวเราะกับเราก็ได้ แต่กลายเป็นว่าเอามาลงปั๊บ มีคนชอบตามเยอะมากเพราะอะไรพวกนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นจริงๆ เลยมาซื้อกับเรา

“ยกตัวอย่างง่ายๆ แว่นครุ่นคริสที่เหมือนแว่นของนักสืบจิ๋วโคนัน ถ้ามองผิวเผินมันคือแว่น LED ธรรมดา แต่พอเราจัดแสง จัดท่า ถ่ายรูปลงเพจ แป๊บเดียวมันก็กลายเป็นไวรัล คนก็มาถามว่าซื้อจากที่ไหน โคตรเท่เลย”

4. หากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ

“เราเรียนจบจาก ม.แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ชอบภาคเหนือเป็นทุนเดิมก็เลยลองมาอยู่ดู ทีแรกเราเลือกเชียงใหม่เพราะมันเจริญกว่าจังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือ แต่สิ่งที่ทำให้เราเซอร์ไพร์สคือลูกค้าของเพจกลายเป็นกลุ่มใหม่ซึ่งเป็นคนในท้องที่ด้วย เหมือนเป็นอัลกอริทึมของเฟซบุ๊กที่ปรับเปลี่ยนไปตามพิกัดของเรา ตัวเราอยู่ที่ไหนโทรศัพท์มันจะเข้าถึงพื้นที่ตรงนั้นให้ ถ้าเราอยู่กรุงเทพฯ การมองเห็นเพจของเราจะเป็นคนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเสียส่วนใหญ่ กลายเป็นว่าเราได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นคนเชียงใหม่ ในขณะเดียวกันก็ยังขายให้ลูกค้าทั่วประเทศและต่างประเทศได้เหมือนเดิม”

5. เขียนคอนเทนต์ชวนหัวเราะมากกว่าชวนซื้อ

“เราคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนสนใจเพจเราเยอะคือแคปชั่นประกอบสินค้า สำหรับเราสิ่งที่เขียนจะตรงหรือไม่ตรงกับสินค้าก็ได้ แค่ขอให้มีสตอรีให้อ่าน จากการที่เห็นหลายๆ เพจที่ไม่ได้ขายของ แต่เขายังมีสตอรีในการเล่าเรื่อง มีทักษะในการเขียน เราจึงอยากเขียนอะไรที่ไม่ได้ขายของจ๋า ลงดีเทลสินค้าอย่างเดียว เพราะแบบนั้นมันไม่สนุกเลย เราอยากเขียนแคปชั่นเพื่อความเพลิดเพลิน ที่หากคุณยังไม่มีกำลังซื้อก็ไม่เป็นไร คุณเข้ามาเพื่อเอนจอยกับสิ่งที่เราเขียนก็พอ ติดตามเราไปเรื่อยๆ วันหนึ่งถ้ารู้สึกว่าอยากได้จริงๆ ค่อยมาซื้อ”

“อีกอย่างคือก่อนหน้านี้เราเป็นซึมเศร้าหนักมาก การทำเพจช่วยให้เราลืมความเครียดจากการหมกมุ่นกับความเศร้าตรงนั้น กลายเป็นหมกมุ่นกับงานและลูกค้ามากกว่า บรรยากาศของเพจที่ตลกครึกครื้นแบบไม่มีคำหยาบ มีลูกค้าที่เราสามารถพูดคุยกันได้ มันช่วยพยุงความรู้สึกตอนเราดาวน์ได้ดีจริงๆ เรามีความสุขทุกครั้งเวลาเห็นลูกเพจได้อ่าน แชร์ แท็กเพื่อนมาดูสินค้าที่ชอบ ถึงจะยังไม่ซื้อแต่ได้หัวเราะก็ยังดี การทำสิ่งเหล่านี้ช่วยให้เราค่อยๆ ปรับตัว จนสุดท้ายเราไม่ต้องไปหาหมออีกแล้ว”

6. ส่งต่อความคิดสร้างสรรค์

“กลุ่มลูกค้าของเพจเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสโคปได้ เคยคิดว่าตอนแรกเป็นคนวัยเรียนจนถึงวัยทำงานตอนต้น แต่กลับกลายเป็นว่าพ่อแม่ของกลุ่มที่ว่าก็ชอบสั่งของจากเราเหมือนกัน รวมทั้งน้องๆ วัยเรียนที่เป็นสายเต้นคัฟเวอร์หรือทำกิจกรรมกีฬาสีซึ่งต้องมีชุดทีม พวกเขาจะมาหาเราเพราะเรามีชุดแฟนซีที่หาซื้อจากร้านในไทยไม่ได้ หรือพนักงานบริษัทที่ซื้อชุดของเราไปประกวดชุดแฟนซีในงานเลี้ยงปีใหม่ ได้รางวัลมาก็เยอะ เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่าเพจของเราเป็นมากกว่าการหารายได้ แต่คือการส่งต่อความสนุกและความคิดสร้างสรรค์ให้คนอื่นๆ แล้วเขาเอาไปส่งต่อให้เพื่อนได้สนุกอีกที

“มีคนเยอะมากมาบอกเราว่า ความสุขของการซื้อของจากเพจเราคือการได้ซื้ออะไรก็ไม่รู้ ซื้อไปทำไมวะ แต่อยากได้อะ (หัวเราะ) แค่ตรงนี้เราก็รู้สึกว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้วนะ”

7. ลงมือทำสำคัญที่สุด

“ไม่ว่าจะขายอะไร เราคิดว่าสิ่งหนึ่งที่เจ้าของร้านทุกคนต้องเรียนรู้คือเรื่องตลาดกับสื่อที่เราจะผลิตออกไป ต้องไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดีก่อนเผยแพร่ เพราะสมมติวันหนึ่งร้านบูมขึ้นมา ผู้ติดตามของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างไว และพวกเขาจะตามอ่านทุกโพสต์ที่คุณเคยโพสต์ ให้คำนึงว่ากลุ่มลูกค้าอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่ เด็กดูไหม เราใช้คำหยาบอาจจะไม่เหมาะกับเด็กหรือเผยแพร่เรื่องทางลบหรือเปล่า เพราะแบบนั้นอาจทำให้เพจของคุณหยุดชะงักลงไปเลยก็ได้

“เหนือสิ่งอื่นใดคือเราต้องรู้ว่าอะไรคือจุดประสงค์ของคอนเทนต์ที่เราอยากสื่อสาร และคุณควรเริ่มลงมือทำเมื่อไหร่ สำหรับเราการลงมือทำคือสิ่งสำคัญที่สุดนะ”

10 ไอเทมห้ามพลาดจากปัญญาอ่อนshop

1. ชุดกล้วยหอมเวอร์ชั่นปกปิดอนาจาร

งานตัดเย็บและเนื้อผ้าเกรดพรีเมียม ต่างจากงานทั่วไปที่ท่านอาจเคยเห็น บางทีการใส่เสื้อผ้าหรืออะไรต่างๆ มันดูปกติเกินไปในการใช้ชีวิตประจำวัน หรือบางทีคุณอาจเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีพลังพิเศษเหมือนในหนัง X-Men แต่คุณไม่มีชุดประจำตัว ชุดนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่มีสกิลเย็บผ้าขั้นเทพอย่างปีเตอร์ พาร์กเกอร์ นึกภาพคุณคือวูล์ฟเวอรีนในชุดกล้วยนี่ดูสิว่าน่าเกรงขามขนาดไหน

2. แว่นเซนเซอร์

ท่านกำลังประสบปัญหากับอนาคตอันสว่างไสวของผู้อื่นใช่หรือไม่ นี่คือแว่นตาที่จะทำให้เหล่าอาชญากรทั้งหลายไม่ต้องกลัวการเปิดเผยใบหน้าของคุณต่อสาธารณชนอีกต่อไป…ไป…ไ…ป…

3. เเว่นครุ่นคริส LED

โอกาสมาถึงแล้วสำหรับนักสืบตัวซวยที่ไปที่ไหนก็มีแต่คนเสียชีวิต แว่นตาครุ่นคริส LED ส่องสว่างในที่มืดจะทำให้คุณดูเหมือนคนที่ไม่เชื่ออะไรตามที่เห็น คุณอาจกลายเป็นคนที่เล่นฟุตบอลเก่งทั้งๆ ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน และบางครั้งเวลาที่ใส่แว่นคุณอาจจะได้ยิน theme song โซโลแซกโซโฟนสุดบาดใจของยอดนักสืบจิ๋วดังขึ้นในหัวก็เป็นได้

4. ผ้าห่มพิซซ่า

ผ้าห่มสำหรับสายคาวเน้นคอเลสเตอรอลเป็นหลัก แต่จริงๆ แล้วเราไม่ต้องห่มก็ได้เพราะมีชั้นไขมันที่พอกพูนจากต้นขาไต่ขึ้นพุงแล้วไปกระจุกตรงคอเป็นเกราะป้องกันความหนาวชั้นเยี่ยมอยู่แล้วแหละ

5. ผ้าห่มผักกาดรักษ์โลก

ผักกาดยักษ์ GMO ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรมโดยมนุษย์เลือดเย็นที่จับเหล่าผักกาดทั้งหลายมาทำการทดลอง คิดภาพการทดลองที่โหดเหี้ยมและแสนเจ็บปวดเหล่านั้นดูว่าเหล่าผักกาดจะสั่นกลัวกันขนาดไหน

6. สนามหญ้าจำลองทุกย่างก้าว

หากคุณเป็นคนรักธรรมชาติ หลงใหลการสัมผัสผืนหญ้า รองเท้าคู่นี้ตอบโจทย์คุณได้อย่างดี ทุกก้าวของคุณจะเหมือนเดินเท้าเปล่าอยู่บนสนามหญ้าหน้าแฟลตตำรวจ

7. ลำโพงแอร์พ็อด

ในห้องที่เงียบเเละอ้างว้างเกินไป เราขอแนะนำไอเทมที่จะทำให้ท่านไม่ต้องใส่หูฟังให้เจ็บหูอีกต่อไป เพราะลำโพงบลูทูธโมเดล AirPods ที่จะทำให้ท่านได้ยินเสียงดังฟังชัดไปจนถึงข้างห้องเลย

8. เตาหมูกระทะน้อย

คุณกำลังเหงาเปล่าเปลี่ยวใจอยู่หรือเปล่า อยากกินหมูกระทะก็ไม่มีเพื่อนใช่ไหม นี่คือไอเทมสุดคูลที่จะทำให้คุณไม่ต้องง้อเพื่อนอีกต่อไป คุณจะสามารถนั่งกินคนเดียวได้อยากสุขสบายใจที่โต๊ะโง่ๆ ของคุณ ดื่มด่ำไปกับรสชาติของหมูกระทะที่คุณโหยหาได้อย่างเต็มที่!!

9. เซตชุดเนื้อคอมโบกับถุงเท้า

กางเกงและเสื้อลายเนื้อเพิ่มความคาวให้ชีวิต เหมาะกับสายแทงก์ สายกล้าม ใส่ครบชุดจะ + คริติคอล 30 เปอร์เซ็นต์ อาจโดนมอนสเตอร์ประเภทคนจู่โจมอัตโนมัติ

10. หน้ากากหอย

หอยไซส์มหึมาจากเมดิเตอเรเนียนที่มีเนื้อแน่น อวบอูม เนียนเด้ง สดใหม่ไร้กลิ่นคาว หากคุณเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องการปกปิดตัวเองและคนที่คุณรักจากตัวโกง นี่คือหน้ากากที่จะช่วยให้คุณปฏิบัติภารกิจผดุงความยุติธรรม ใส่แล้วเรียกตัวเองได้เลยว่า เห๋ย์แมนนนนนน

เหตุผลสั้นๆ สำหรับทุกไอเทมไร้สาระนี้คือต้องมีเท่านั้น ถ้าถามว่ามีไปทำไม ก็เพื่อความเท่ไงล่ะ!

ดูสินค้าอื่นๆ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจปัญญาอ่อน shop เลย

CREATIVE

LIFE

STYLE

VIDEO

PODCAST

SERIES