10 ปี สิงห์ เอสเตท กับแนวคิด Mastering The Luxury Ecosystem ที่เป็นมากกว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่มุ่งสร้างระบบนิเวศเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มลักชัวรี่ได้อย่างยั่งยืน

10 ปี สิงห์ เอสเตท กับแนวคิด Mastering The Luxury Ecosystem ที่เป็นมากกว่าบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่มุ่งสร้างระบบนิเวศเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มลักชัวรี่ได้อย่างยั่งยืน

เมื่อพูดถึง สิงห์ เอสเตท (Singha Estate) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทยและการลงทุนในระดับสากล ภาพจำที่ชัดเจนคือการเป็นผู้นำตลาดกลุ่มลักชัวรี่ที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจลูกค้ากลุ่มนี้อย่างแท้จริง สะท้อนได้จากความพิถีพิถันใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนตั้งแต่วิธีการคิด การออกแบบผลิตภัณฑ์ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ไปจนถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ โดยตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท ได้ขยายพอร์ตโฟลิโอที่ครอบคลุม 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่พักอาศัย ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านการลงทุนที่หลากหลายเพื่อสร้างความมั่นคงของรายได้อย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งแนวคิด “Mastering The Luxury Ecosystem” ที่มาเป็นหัวใจหลักในการเชื่อมโยงทุกธุรกิจเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าลักชัวรีเข้าไว้ด้วยกัน

“Mastering the Luxury Ecosystem” – กุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อน สิงห์ เอสเตท สู่ความสำเร็จ

หากมองย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือสนามการแข่งขันที่มีผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก ในความท้าทายดังกล่าว สิงห์ เอสเตท กลับมีความโดดเด่นด้วยการเริ่มพัฒนาโครงการในกลุ่มลูกค้าลักชัวรี และกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีมาอย่างต่อเนื่อง

คุณจิ๋ม – ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ เปิดเผยถึงมุมมองเกี่ยวกับ Positioning ของสิงห์ เอสเตทในตลาดอสังริมทรัพย์ที่ใช้เวลาสร้างมาในหนึ่งทศวรรษไว้ว่า “คำว่า Luxury สำหรับ สิงห์ เอสเตท ไม่ได้หมายถึงความหรูหราแค่เพียงการออกแบบภายนอกเท่านั้น แต่คือคุณภาพที่คงทนผ่านกาลเวลา สะท้อนถึงคุณค่าและความพิถีพิถันในทุกมิติ ตั้งแต่การออกแบบ การเลือกวัสดุ ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์เฉพาะที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า โดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจตัวตนของลูกค้ากลุ่มนี้อย่างแท้จริง เราใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์จนมั่นใจว่า Luxury คือสิ่งที่สามารถส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้ เป็นมรดกที่ไม่มีวันล้าสมัยสำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่พักอาศัย ส่วนสำหรับธุรกิจโรงแรม เรามุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ ในขณะที่อาคารสำนักงานเน้นการส่งเสริมสมดุลของการใช้ชีวิตในทุกมิติ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าจากวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ได้ถูกส่งต่อในทุกโครงการของสิงห์ เอสเตท ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย โรงแรมรีสอร์ท อาคารสำนักงาน หรือนิคมอุตสาหกรรม ด้วยเป้าหมายในการสร้างสมดุลระหว่างความยั่งยืนและความพึงพอใจของลูกค้าเป็นหลัก

สร้างสุขภาพ ความยั่งยืน และความสมดุลในทุกมิติของชีวิต

ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมองหาที่อยู่อาศัยที่เป็นมากกว่าบ้าน ซึ่งคำนึงถึงการให้ความสำคัญเกี่ยวกับสุขภาพ วิถีชีวิตที่ยั่งยืน และการออกแบบที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย คุณฐิติมา ได้เล่าถึงการปรับวิธีการพัฒนาโครงการของสิงห์ เอสเตทให้ทันต่อโจทย์ที่เปลี่ยนไปว่า “โครงการของสิงห์ เอสเตท ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตอย่างสมดุลและยั่งยืน ตั้งแต่การให้ความใส่ใจในสุขภาพ (Health and Well-being) ด้วยพื้นที่ที่ส่งเสริมสุขภาพ สร้างระบบแสงและระบบอากาศ (S-Air) รวมถึงบรรยากาศภายในและนอกบ้านให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี นอกจากนี้เรายังมองถึงเรื่องของวิถีชีวิตที่ยั่งยืน (Sustainable Living) โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ไร้กาลเวลาเพื่อส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีสร้างพลังงานสะอาด เช่น การติดตั้ง Solar Cell และสุดท้ายคือการตอบสนองไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) ด้วยการออกแบบพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ในแต่ละช่วงของชีวิต และแตกต่างกันของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว”

ศิลปะแห่งการออกแบบที่ไร้กาลเวลา (The Art of Timeless Design)

หากจะขยายความคำว่าการออกแบบที่ไร้กาลเวลาในแบบฉบับสิงห์ เอสเตท ที่คุณฐิติมาได้กล่าวไว้ คือการออกแบบที่นำเอาศิลปะของการผสมผสานองค์ประกอบที่สำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ Function, Emotion และ Spiritual เพื่อให้การออกแบบบ้านเป็นมากกว่าที่พักอาศัย ที่นอกจากความสวยงามที่ไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่ยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานรวมทั้งปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการในแต่ละเจนเนอเรชั่นได้

“เพราะการออกแบบคือหัวใจสำคัญของการสร้างคุณค่า การออกแบบที่ดีไม่ใช่แค่สวยงามในวันนี้ แต่ต้องคงทนและเข้ากับทุกยุคทุกสมัย ด้วยการผสมผสานระหว่างอดีตและอนาคต ผ่านการใช้รูปทรงและองค์ประกอบที่เป็นสากล (Timeless Design) ผนวกกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่คงไว้ซึ่งวัฒนธรรม เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้แก่บ้านแต่ละหลัง การเลือกใช้วัสดุธรรมชาติที่มีความหมายและยั่งยืน มีความคงทนและประณีต การออกแบบพื้นที่ที่ยืดหยุ่นตามหลัก (Universal Design) ให้ทุกคนในบ้านได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน และปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้ตามความต้องการ (Flexible Space) และที่สำคัญที่สุดคือความหรูหราที่เรียบง่าย ดูคลาสิก ด้วยโทนสีอบอุ่นเชื่อมโยงกับธรรมชาติโดยรอบ ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง ทำให้เราแตกต่างและเป็นที่จดจำ” คุณฐิติมา กล่าวเสริม

Peace of Mind ความสงบที่แท้จริงในการพักผ่อน

default

นอกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่พักอาศัยแล้ว สิงห์ เอสเตท ยังมีธุรกิจโรงแรมที่เป็นหนึ่งในพอร์ตโฟลิโอสำคัญและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมี SAii Resorts (ทราย รีสอร์ต) โรงแรมไลฟ์สไตล์ที่เป็น Own Brand ในเครือ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทในเครือสิงห์ เอสเตท ซึ่งคำนิยามของคำว่า SAii คือคำมว่า “ทราย” ในภาษาไทย ที่สื่อถึงความละเอียด ผ่านการเวลาและธรรมชาติเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีในการพักผ่อนที่ไร้กังวลและดื่มด่ำถึงความสงบสุขที่แท้จริง

“จากแรงบันดาลใจในการผสานการออกแบบที่ลงตัวระหว่างวิถีชีวิตในพื้นที่ และความลักชัวรีร่วมสมัยผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อมอบการใช้งานห้องพักที่ตอบโจทย์การพักผ่อนและสะดวกสบายที่สุด โดยเรายังให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในทุกองค์ประกอบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการสร้างความยั่งยืนของชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมายและน่าจดจำให้แก่นักเดินทางทุกคน” คุณฐิติมา อธิบาย

อาคารสำนักงาน ภายใต้แนวคิด “เป็น/อยู่/ดีและยั่งยืน”

อีกหนึ่งความสำเร็จของสิงห์ เอสเตท คือพอร์ตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ถึงแม้ว่าในปัจจุบันการมองหาอาคารสำนักงานมีเกณฑ์ ที่ต้องคำนึงมากมาย ทั้งทำเล สิ่งอำนวยความสะดวก การใช้ชีวิตการทำงานที่คล่องตัว ไปจนถึงในแง่ของ ESG ที่หลายองค์กรให้ความสำคัญ

ด้วยแนวคิด “เป็น/อยู่/ดีและยั่งยืน” ของสิงห์ เอสเตท เพื่อการพัฒนาอาคารสำนักงานแห่งอนาคต ที่มุ่งเน้นถึง เป็น : Smart & Sustainable Office ด้วย Integrated Smart Technology และ Green Material, อยู่ :ออกแบบให้สามารถใช้ชีวิตได้แบบ Day & Night ด้วยการสร้าง S Community, ดีและยั่งยืน : ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการจัดการโครงการ ด้วยมาตรฐาน ISO 9001, 14001 และ 45001, Well-being environment, พื้นที่สีเขียว, Customer design & flexible space รองรับความหลากหลายในการใช้งานและความยั่งยืนในทุกมิติของการใช้ชีวิตในที่ทำงาน

“ทั้งหมดนี้ตอบสนองความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่การทำงานและชีวิตส่วนตัวผสานรวมกันในรูปแบบ Work-Life Integration ใช้ชีวิตทำงานควบคู่กับการมีไลฟ์สไตล์ส่วนตัวในแต่ละวันได้อย่างลงตัว พร้อมกับมาตราฐานระดับโลกที่บริษัทต่างชาติใช้เป็นมาตราฐานในการเลือกอาคารสำนักงานในประเทศต่าง ๆ เพื่อดูแลพนักงานของเค้าด้านความเป็นอยู่ในการทำงานที่ดี” คุณฐิติมา กล่าว

ความมุ่งมั่นสู่อนาคตด้วย ‘Entrusted and Value Enricher’

Asian 2 to 3 years old toddler boy doing gardening work at home. Summer time.

ด้วยวิสัยทัศน์ “มุ่งสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน” ที่สิงห์ เอสเตทได้ยึดมั่นเพื่อสร้างความไว้วางใจแก่ลูกค้าและ Stakeholder มาโดยตลอด โดยนอกจากจะส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพอันยอดเยี่ยมด้วยโครงการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกมิติของการอยู่อาศัย โรงแรมรีสอร์ท อาคารสำนักงาน ไปจนถึงนิคมอุตสาหกรรมแล้ว ยังรวมถึงการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความยั่งยืนไปพร้อมกัน

คุณฐิติมา กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับทุกคน ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า ผ่านการลงทุนอย่างชาญฉลาดและกระจายความเสี่ยงโดยลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้แบบ Recurring ที่มาจากสินทรัพย์ อย่างธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงาน และ Non-Recurring หรือรายได้จากการขายสินทรัพย์ เช่นธุรกิจที่อยู่อาศัยและพื้นที่อุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมของเรา รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีและ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ พร้อมการรักษาสมดุลระหว่างธุรกิจและความยั่งยืน และการพัฒนาโครงการที่สะท้อนถึงคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถเชื่อมโยงถึงกันในทุกมิติ”

จากอดีตสู่อนาคต: 10 ปีแห่งความสำเร็จที่ไม่หยุดยั้ง

นี่คือการเดินทางที่ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่คือการสร้างมาตรฐานใหม่ของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสิงห์ เอสเตทยังคงเดินหน้าต่อเนื่องด้วยพันธกิจในการสร้างคุณค่าและการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าและทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ผ่านการบริหารอย่างพิถีพิถันในทุกโครงการ พร้อมตอกย้ำเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่อย่างแท้จริง

AUTHOR