เบสท์-ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์ : หนุ่มคารมดี พระเอกเอ็มวี อ้าว ที่หลายคนออกปากชมว่างานดีไม่แพ้เพลง

หน้าของหนุ่มใจไม่แข็งผู้น่าเห็นใจในมิวสิกวิดีโอเพลง อ้าว ของ อะตอม-ชนกันต์
รัตนอุดม ที่ปรากฏอยู่เต็มไทม์ไลน์เฟซบุ๊กขณะนี้ คงเป็นตัวบ่งบอกความฮอตของ เบสท์-ณัฐสิทธิ์
โกฏิมนัสวนิชย์
ได้ดี หลายคนอาจไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วหนุ่มคนนี้โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมานานพอที่จะฝากผลงานการแสดงไว้กับทั้งภาพยนตร์โลกไม่สวยอย่าง
อวสานโลกสวย และภาพยนตร์น้ำดีที่กวาดรางวัลสุพรรณหงส์ในปี 2556 ถึง 3 รางวัลอย่างตั้งวง ผลงานโฆษณากว่า 20 ตัว รวมไปถึงซีรีส์ต่างๆ
จนทำเราอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ทันสังเกตเห็นฝีมือและแววความหล่อของเขาก่อนหน้านี้
แถมเจ้าตัวเองก็ยังงงในกระแสที่มาแรงของตัวเองจนเขาตั้งสันนิษฐานเป็นคำพูดติดตลกแทนนิยามตัวเองกับเราว่า ‘แต่ก่อนผมอินดี้ เดี๋ยวนี้ผมอินเทรนด์’

จุดเริ่มต้นของการโลดแล่นในวงการบันเทิงของคุณ
ต้องย้อนไปไกลตั้งแต่ ม.5 เลย งานแรกของเราเกิดจากพี่คงเดช
(คงเดช จาตุรันต์รัศมี) ติดต่อเพื่อนของเรามาให้หาเพื่อนนิสัยกวนตีนมาเล่นมิวสิกวิดีโอให้หน่อย
เพื่อนเลยนึกถึงเรา นี่เป็นการแคสต์ครั้งแรกในชีวิต แล้วสุดท้ายเราก็ได้เล่นมิวสิกวิดีโอเพลง
คนที่เข้าใจ ของวง Nologo ที่พี่คงเดชกำกับ
หลังจากนั้นก็มีคนติดต่อมาให้เล่นหนังเรื่อง ปล้นบ้างอะไรบ้าง ของ True
แล้วตอน ม.6 พี่คงเดชก็มาชวนเราไปแคสต์หนังเรื่อง
ตั้งวง เพราะเขาบอกว่าเขาเขียนบทที่ใกล้เคียงกับเรา หลังจากไปแคสต์ เราก็ได้เล่นเป็นตัวนั้น

รางวัลสุพรรณหงส์
สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยม จากเรื่อง ตั้งวง เป็นตัวบอกรึเปล่าว่าคุณมาถูกทางเเล้ว
จริงๆ มันไม่ใช่ตัวบอกนะ เราว่าบทช่วยเราเยอะด้วย มันชูให้เราน่าจะได้รางวัล
เพราะพี่คงเดชเขียนบทไว้ดี ตอนนั้นเราก็งงเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เพราะมีตั้งหลายคนเข้าชิง
แค่ได้เข้าชิงก็ดีใจแล้วไง แต่ก็ไม่ได้หวังเลยว่าจะต้องได้รางวัล

ผลงานภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องที่คุณแสดงมา
ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังอย่างพี่คงเดช แถมยังได้ประกบคู่นักแสดงมากฝีมืออย่างสายป่าน
(อภิญญา สกุลเจริญสุข) คุณได้เรียนรู้อะไรจากสองคนนี้บ้าง
โอ้โห! เราได้เรื่องวิธีการคิดจากพี่คงเดชเยอะมาก ตอนที่ถ่าย
ตั้งวง เราเพิ่งเป็นเด็กใหม่เลยไม่ได้อินกับวิธีคิดแบบภาพยนตร์มากเท่าไหร่
แต่พอผ่านไปแล้วย้อนกลับมาดูว่าพี่คงเดชเขาคิดอะไรบ้างตอนทำงาน โห พี่โคตรเก่งเลย เราเคยนั่งคุยกับเขา
พี่เขาก็สอนให้เราได้วิธีการคิดแบบภาพยนตร์อีกแบบหนึ่ง เขาเลยเป็นแรงบันดาลใจให้เราเรียนภาพยนตร์ด้วย
ส่วนพี่ป่านเป็นนักแสดงคนหนึ่งที่เราอยากเล่นด้วยมาก เราก็ได้เรื่องวิธีการแสดงจากพี่เขาเยอะ
เขาคอยแนะนำ ชวนคุยให้เป็นกันเอง เพราะจะมีฉากบางฉากที่เราเกร็ง พี่เขาก็จะบอกว่า ‘มึงจะเกร็งทำเหี้ยไร ไม่ต้องเกร็ง!’ (หัวเราะ)

เรียนเบื้องหลังมาแต่ก็ได้ทำงานเบื้องหน้าด้วย
จริงๆ แล้วชอบงานเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังมากกว่ากัน
เราเรียนคณะนวัตกรรมสื่อสารสังคม เอกออกแบบงานภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ก็เคยทำงานเบื้องหลังตอนปี 4 มีทำอาร์ต กำกับบ้าง ทำงานผู้ช่วยผู้กำกับซึ่งเราชอบที่สุด
เพราะมันเป็นงานที่ต้องจัดการ สนุก เหมือนทำให้เราต้องไปจับไปรู้ทุกอย่างในกองถ่ายว่าเป็นยังไง
แล้วก็ช่วยเราในการทำงานเบื้องหน้าเยอะเหมือนกัน แต่ตอนนี้ค่อนข้างชอบการแสดง
รู้สึกว่ามันมีโลกและวิธีคิดของมันอยู่ บวกกับส่วนตัวเป็นคนชอบเลียนแบบ หมายถึงว่าเราเห็นอะไร
เราชอบกวนตีนด้วยวิธีการเลียนแบบเขา สมมติว่าเราเจอเพื่อนที่คาแรกเตอร์จัดๆ ก็จะกวนตีนใส่
เรารู้สึกว่าการแสดงมันคือการเลียนแบบวิธีหนึ่งที่น่าสนใจเหมือนกัน

หลังจากผ่านการเล่นภาพยนตร์
โฆษณา ละคร มิวสิกวิดีโอ และซีรีส์ สำหรับคุณ ศาสตร์ทั้ง
5 อย่างนี้ต่างกันยังไงบ้าง
ต่างมาก ตอนแรกเราโตมากับการเล่นหนัง พอไปแคสต์โฆษณา เราก็เล่นแบบที่เคยเล่นมา
เขาก็บอกว่าไม่ได้ มันน้อยไปๆ เราก็ไม่เข้าใจว่าน้อยไปคืออะไร
จนวันหนึ่งลองเปิดใจกับวิธีการเล่นแบบนี้ คือไม่ต้องอาย เล่นใหญ่โตมโหฬารไปเลย
แล้วเราก็ลองทำ พอเปลี่ยนวิธีคิดก็เริ่มได้งาน จากนั้นก็เอาไปปรับกับวิธีคิดของอันอื่นๆ
เราเคยไปถ่ายละครของบันทึกกรรม เราก็ไม่ค่อยเข้าใจการเล่นใหญ่ของเขานะ แต่ก็พยายามปรับจนรู้ว่ามันต้องเล่นใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่งเพื่อความชัดเจนในการสื่อสาร
มันต้องทำให้คนที่ไม่ได้จ้องเราอยู่บนจอตลอดได้ยินชัดขึ้น ดึงความสนใจเขาให้มากขึ้น
ส่วนมิวสิกวิดีโอเราว่ามีความใกล้เคียงกับหนังในปัจจุบัน
เพราะว่าถูกปรับมาให้ใกล้เคียงกับหนังมากขึ้น ส่วนซีรีส์
เราโดนยัดไปเล่นบทตลกอย่างเดียวเลย มันก็เลยต้องเล่นใหญ่ด้วยสเตอริโอไทป์ของคนที่ดูซีรีย์เขาเป็นแบบนั้นด้วย
ทุกอย่างมันเลยต่างกัน แต่เราก็พยายามปรับให้มันเหมาะสม เพื่อที่จะได้ตังค์
(หัวเราะ)

พูดถึงกระแสตอบรับของมิวสิกวิดีโอเพลง
อ้าว รู้สึกยังไงที่ในไทม์ไลน์มีแต่หน้าตัวเองเต็มไปหมด
ตอนแรกเรางงมาก งงว่าก่อนหน้านั้น เราก็ถ่ายงานมาเยอะนะ
ทำไมไม่มีใครรู้จักวะ (หัวเราะ) ตกใจ อยู่ดีๆ มีคนมาฟอลโล่ว์เฟซบุ๊กเยอะมาก มาจากไหนกัน
ก็รู้สึกดีที่คนรู้จัก แต่บางทีก็เกร็งๆ ไม่รู้จะทำตัวยังไง สุดท้ายเราก็ทำตัวปกติแหละ
เราว่าเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นไปน่าจะโอเคที่สุด ก็มีคนมาแซวเยอะแยะ เดี๋ยวนี้ฮอตนะ
เพื่อนเก่าที่ไม่ได้คุยกันนานตั้งแต่ประถมอยู่ดีๆ ก็ทักมา ก็เป็นช่องทางหนึ่งให้คนที่เราลืมๆ
ไปได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง ตลกดี ส่วนคนข้างตัวเราโดนคนทักไปหาเยอะมาก
โดนแท็กทั้งวัน แต่แฟนเราเป็นคนไม่หวง ไม่ขี้หึง เวลาเดินอยู่ด้วยกัน แล้วมีคนมาขอถ่ายรูปเรา
เขาก็จะถามว่าพี่ถ่ายให้มั้ยคะ

เหตุการณ์อะไรในชีวิตที่ทำให้คุณถึงกับอุทาน ‘อ้าวเฮ้ย!’
มีเยอะเลย หลายอ้าวมาก อย่างเวลาเจอเพื่อนที่เจอกันบ่อยๆ
แล้วดันมาเจอกันอีก ‘อ้าว! ไอ้เหี้ยมึงอีกแล้วหรอ’
หรือว่าแบบไม่ได้เจอกันนาน ก็ ‘อ้าวววเฮ้ย! มาได้ไง’
(เสียงสูง) ไม่ได้เจอกันนาน อ้าวมันก็จะยาวขึ้น เสียงสูงขึ้นด้วย เป็นอีกอารมณ์นึง
อ้าวมันก็ไปได้หลายทางไง

แล้วมี ‘อ้าว!’ พีกๆ มั้ย
น่าจะมีนะ อย่างเพื่อนมีแฟน แล้วดันไปเจอมันเดินกับคนอื่น เราก็แบบ ‘อ้าวว
(เสียงมีเลศนัย)’ แล้วเราก็จะตีเนียน ‘อ้าว! สวัสดีครับ
วันก่อนไม่ใช่คนนี้นะครับ’ เราก็ชอบเอาเรื่องจริงมาล้อเล่น
ซึ่งเพื่อนเราก็ชอบทำประจำเลย ทำกับแฟนเราบ่อยมาก (หัวเราะ)

คุณถ่ายคลิปร้องคัฟเวอร์เพลงนี้ด้วย ยอดวิวไม่ใช่น้อยๆ เลย
เริ่มร้องเพลงเล่นดนตรีมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ปกติเราชอบร้องเพลงอยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆ ร้องมาเรื่อยๆ จนตอน ม.5 เพื่อนเห็นเราแหกปากร้องเพลงอยู่
เลยชวนไปเป็นนักร้องวงมันแล้วก็เปลี่ยนชื่อวงเป็น Ribbon Band ไปประกวดเวทีต่างๆ หลายที่มากเลยนะ ส่วนใหญ่จะเข้าไปเป็น 5 วงสุดท้าย 10 วงสุดท้าย แต่ไม่เคยได้รางวัลอะไรเลย
ก็มีแต่ได้รางวัล Popular Vote ซึ่งก็ปั๊มโหวตกันเองนี่แหละ อย่างน้อยก็ได้เงินรางวัลติดมือนิดๆ
หน่อยๆ ก็ยังดี แล้วเอามาแบ่งกัน พอมีวงแล้วเราก็ฝึกเล่นกีตาร์ เพราะว่าอยากจีบหญิง

การที่คุณชอบร้องเพลง ชอบดนตรีเลยเป็นจุดเริ่มต้นของการทำงานเป็นดีเจรึเปล่า
ไม่นะ เราว่าการชอบเพลงน่าจะเป็นเหตุผลมากกว่า เราเริ่มทำดีเจเมื่อปีที่แล้วช่วงที่เรียนจบพอดี
เพื่อนเราที่เป็นดีเจอยู่ 95.5 Virgin Hitz มาชวนให้เราลองส่งโปรไฟล์ดู พอส่งไปแล้วพี่เขาก็เรียกเข้าไปคุย
หายไปสองเดือนก็ตามเรากลับเข้าไปที่สถานีเพื่อไปทำเดโม่ คือเข้าไปอัดเสียง ฝึกว่ารูปแบบวิธีการพูดของคลื่นเป็นยังไง
แล้วเขาก็ปรับเนื้อหาที่เราพูดซึ่งค่อนข้างอิสระมากเลย ตอนแรกเราก็ไม่รู้จะพูดอะไร
เขาก็บอกให้เราลองไปเลือกเรื่องมา
แต่ละเรื่องเขาก็จะคอยชี้แนะเราว่าเรื่องนี้มันก็พูดได้นะ แต่เราจะพูดมันยังไง
ลองปรับๆ ดู สักประมาณ 2 เดือนก็ได้เริ่มทำ เร็วมากสำหรับการเป็นดีเจหน้าใหม่

งานดีเจใช้เสียงล้วนๆ
ไม่มีหน้าตามาเอี่ยว คิดว่าทำไมผู้ฟังทั้งหลายถึงติดใจคุณ
เราจัดคู่กับพี่อีกคนชื่อพี่จ๊อบ ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ 6 โมงเช้าถึง
10 โมง ซึ่งโคตรเช้า อยู่เป็นเพื่อนพระอะ (หัวเราะ) ช่วงเราเป็นช่วงไร้สาระที่สุดแล้ว
เป็นช่วงพูดอะไรตลกๆ ไปเรื่อยเปื่อย เขาคงติดใจความไร้สาระนี้มั้ง เพราะเราต้องพูดให้คนฟังตื่น
ช่วงเราเป็นช่วงที่ดีดมาก แบบแหกปากโวยวายอะ ทั้งที่จริงๆ แล้วโคตรง่วงเลย ตายังหลับอยู่แต่พอเปิดไมค์ปุ๊บ ‘มาแล้วครับผม!’ (เสียงกระตือรือร้นสุดๆ) ก็ตลกดี

ดีเจช่วงพระบิณฑบาตมีวงจรชีวิตยังไง
ทุกอย่างเปลี่ยนหมด ตอนที่เรายังไม่ทำดีเจ เราตื่นเที่ยง
พอทำแล้วต้องมาตื่นตี 5 ชีวิตพัง (เสียงเศร้า) เที่ยงคืนก็ต้องนอนแล้ว ช่วงแรกที่ยังปรับตัวไม่ได้
เรายังไปสังสรรค์กับเพื่อนตอนกลางคืนอยู่เลย บางวันนอนตีสี่ตีห้า ต้องไปนอนที่ออฟฟิศเพราะว่ากลัวไม่ตื่น
ก็ปรับตัวมาเรื่อยๆ จนเดี๋ยวนี้เที่ยงคืนกว่าก็ง่วงละ แล้วเปลี่ยนช่วงสังสรรค์กับเพื่อนเป็นวันศุกร์
วันเสาร์แทน

เปิดเพลงฮิตที่ตัวเองเป็นพระเอกมิวสิกวิดีโอตอนนี้ มีอะไรอยากบอกกับคุณผู้ฟังทั้งหลายไหม
อู้ยย! เราชงตัวเองยับอ่ะ ถ้าเพลง อ้าว มา เราก็จะบอกว่า ‘Feature ฮิตท้ายชั่วโมงนี้ครับ โดย อะตอม ชนกันต์ เพลง อ้าว
พระเอกเอ็มวีโคตรหล่อ’ (หัวเราะ) แล้วพี่อีกคนก็จะต่อว่า ‘ใช่ครับ ผมว่ามันหล่อมากจริงๆ’
มีอะไรเราก็ชงกันไปชงกันมา

แสดงก็ดี
พูดก็เก่ง ดนตรีก็ได้ ร้องเพลงก็เพราะ ถามจริงมีอะไรที่ไม่เก่งมั้ย
เกินไปๆ
นี่ก็พูดเกินไป๊ (เสียงสูง) ที่ไม่เก่ง ที่ทำไม่ได้ก็มีเยอะแยะ เราว่าแต่ละอย่างที่ทำ
เราไม่ได้เก่งเลย เราแค่ทำได้เฉยๆ แต่ไม่รู้ว่าดีรึเปล่า เรารู้ตัวนะว่าเราทำได้หลายอย่างมาก
แต่ว่าอาจจะยังไม่สุด วาดรูปเราก็วาดได้ ถ่ายรูปเราก็ถ่ายได้ แต่ก็ไม่สุดสักทาง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นข้อดีหรือข้อเสีย
สำหรับเรา ข้อดีคือเรารู้ในอะไรหลายๆ อย่าง
แต่มันมีข้อเสียที่ว่าเรารู้ไม่จริงนี่แหละ

แล้วมีเรื่องไหนที่อยากรู้จริงๆ
ไหม
การแสดง
ช่วงนี้เราสนใจเรื่องการแสดงมาก อยากจะรู้ให้ทะลุปรุโปร่งไปเลย ซึ่งก็เป็นศาสตร์ที่เรารู้จริงที่สุดแล้วมั้งในตอนนี้

ช่วงนี้และเร็วๆ
นี้เราจะเห็นงานอะไรจากคุณบ้าง
ตอนนี้เรามีงานดีเจที่คลื่น 95.5 virgin hitz ช่วง hitz wake up 6 โมงเช้าถึง 10 โมง งานพิธีกรของ
Mono Entertainment Now กับรายการสดชื่อ
สนามเด็กเล่น ของ True Music และรับงานถ่ายเรื่อยเปื่อย แล้วผมก็กำลังจะถ่ายหนังเรื่องใหม่ของสหมงคลฟิล์ม
กำกับโดยพี่ไพรัช คุ้มวัน (ตากล้องภาพยนตร์เรื่อง Mary is happy, Mary is Happy) มีเล่นละครเวทีเรื่อง
ดาวตกของชาคริต ซึ่งตอนนี้กำลังเวิร์กช็อปไปพร้อมๆ พัฒนาบทอยู่ ส่วนวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคมนี้
มีงานฉายหนังสั้นโปรเจกต์ Bangkok Stories ที่เราเล่นหนึ่งในนั้นชื่อเรื่อง ‘Hero’ กำกับโดยพี่จุ๊ก-อาทิตย์
อัสสรัตน์ ไปดูกันได้ครับ

ภาพ ลักษิกา แซ่เหงี่ยม

AUTHOR