เบื้องหลังการรีแบรนด์ของ MINI : ทำไมความคลาสสิคถึงต้องถูกพัฒนาต่อ

Highlights

  • ปัจจุบัน  MINI กำลังทำการรีแบรนด์เพื่อตอบรับกับเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาในอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยที่พวกเขาไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์เดิม
  • พวกเขายกเครื่องใหม่ในหลายๆ ด้าน เช่น ดีไซน์ของไฟ, พวงมาลัย, ตัวถังใหม่และระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ทั้งหมดเกิดเป็นรสชาติใหม่ที่เกิดจากการผสมกันระหว่างความคลาสสิคและความเปลี่ยนแปลงที่แสนมีเสน่ห์

ถ้าเราย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของแบรนด์รถ MINI เราคงต้องย้อนไปไกลสักหน่อยทั้งในแง่ของเวลาและสถานที่

ปี 1959 ที่ประเทศอังกฤษ รถ MINI ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกเพื่อตอบโจทย์วิกฤติน้ำมันในยุโรป  การมีรถคันใหญ่ที่ใช้น้ำมันเปลืองกลายเป็นปัญหาในยุคสมัยนั้น จุดนี้เองที่แบรนด์ MINI ถือกำเนิดขึ้น พวกเขานำเสนอรถที่คันเล็กกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่าป้อนเข้าสู่ตลาด ภาพรถ 4 ล้อคันเล็กขนาดกะทัดรัดกลายเป็นภาพจำของแบรนด์ MINI ตั้งแต่แรกเริ่มและเป็นภาพที่ทำให้ใครหลายคนยกให้ MINI เป็นรถในฝันที่เปี่ยมไปด้วยความคลาสสิค

ความขลังของ MINI ทำให้มีคนหลงใหลและติดตาม แต่เมื่อเวลาผ่านไป แบรนด์จำเป็นต้องเติบโตและปรับเปลี่ยนสอดรับความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมรถยนต์ รวมถึงต้องแสวงหาลูกค้ากลุ่มใหม่ แบรนด์ที่ความคลาสสิคคือจุดขายอย่าง MINI นี่ถือเป็นโจทย์ยาก คำถามคือพวกเขาจะกล้าเสี่ยงเปลี่ยนภาพจำเดิมของแบรนด์เพื่ออนาคตที่นับวันยิ่งคาดคะเนได้ยากหรือไม่

น่าสนใจตรงคำตอบของ MINI คือคำว่า ‘กล้า’ และรูปธรรมที่พวกเขาแสดงให้เราเห็นในปัจจุบันคือการมาถึงของ The NEW MINI ในปัจจุบัน

คอนเซปท์ในการรีแบรนด์ครั้งนี้ของ MINI เกิดจากวิสัยทัศน์ของแบรนด์ที่ไม่อยากจะย่ำอยู่กับที่ ถึงแม้จะมีคนที่ชื่นชอบในความเป็น MINI แบบเดิม แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่หยุดนิ่ง แบรนด์ MINI ให้ความสนใจอย่างมากในการพัฒนาตัวเองทั้งในเรื่องของสมรรถนะ รูปโฉมทั้งภายนอกและภายใน

MINI มองว่าต่อจากนี้ สิ่งที่จะขับเคลื่อนแบรนด์ของพวกเขาคือเทคโนโลยีซึ่งกำลังกลายเป็นเทรนด์ของแวดวงยานยนต์ในปัจจุบัน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะ ‘เพิ่ม’ สิ่งเหล่านี้เข้าไปเพื่อให้รถ MINI จับต้องได้ง่ายขึ้น แต่ยังไม่ถึงกับเปลี่ยนทั้งหมดเพื่อรักษาความหลงใหลของฐานแฟนเดิมให้คงอยู่

 

The NEW MINI

LOGO

จากความตั้งใจของ MINI ที่อยากจะพัฒนาสิ่งที่ตัวเองมีต่อไปอย่างไม่หยุดนิ่ง ทำให้การขยับแรกของเขาเริ่มต้นด้วยภาพจำที่ชัดที่สุดของพวกเขานั่นคือโลโก้ที่เราจะเห็นได้ทั้งในบริเวณฝากระโปรงหน้ารถ, ฝากระโปรงท้ายรถ, บนพวงมาลัยและบริเวณต่างๆ ของรถ MINI ทั้งหมด

จริงๆ แล้วโลโก้ของ MINI นั้นมีการปรับเปลี่ยนเรื่อยมาตามอายุของแบรนด์เพื่อให้สมกับยุคสมัย แต่การปรับในครั้งนี้ MINI เลือกที่จะดัดแปลงโลโก้ของตัวเองให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โลโก้ใหม่ที่ออกมาเลยเลือกใช้สไตล์ Minimal ดูสบายตา สีหลักใช้เป็นสีเงินและสีขาวที่สื่อถึงความเรียบหรูแต่ก็ยังแฝงความเท่ อีกเรื่องที่น่าสนใจคือการที่โลโก้เลือกใช้ภาพที่เป็นเชิง 2 มิติที่มีความ flat มากขึ้นสื่อถึงมุมมองที่เรียบง่ายแต่ทันสมัย ทั้งหมดเสริมกับเมสเสจของ The NEW MINI ที่พยายามจะบอกว่าพวกเขากำลังก้าวเข้าสู่ยุคการขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยเทคโนโลยี

นอกจากโลโก้ ตัวรถของ MINI  เองยังถูกนำมาปรับโฉมใหม่ เช่นกัน โดยรุ่นของรถ MINI ที่ถูกนำมาพัฒนาในช่วงแรกจะประกอบไปด้วย 3 รุ่น ได้แก่รุ่น MINI Hatch 3 ประตู (F56), MINI Hatch 5 ประตู (F55) และ MINI Convertible (F57)  โดยองค์ประกอบที่ถูกหยิบจับมาทำใหม่มีดังนี้

The NEW MINI

EXTERIOR DESIGN

เมื่อเทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาพัฒนาอุตสาหกรรมรถ หลายๆ ส่วนของรถจึงถูกพัฒนา การเปลี่ยนแปลงของ The NEW MINI ครั้งนี้ก็เช่นกัน

สิ่งที่เราสังเกตเห็นได้ชัดคือไฟหน้าและไฟท้ายรถ ไฟหน้าจะสามารถปรับความสว่างตามสภาพท้องถนนตอนขับขี่ได้อย่างอัตโนมัติ แถมยังตัดความสว่างเพื่อไม่ให้รบกวนรถคันอื่นมากเกินไปในเวลากลางคืน ส่วนไฟท้ายรถถูกปรับโดยการเปลี่ยนรูปทรงและเส้นสายภายในโคมไฟให้เป็นลายธงชาติสหราชอาณาจักรเพื่อตอกย้ำความเป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษได้เป็นอย่างดี ลักษณะภายนอกอีกอย่างที่เปลี่ยนไปคือล้ออัลลอยลายใหม่ที่มีให้คนรักมินิได้เลือกสรรถึง 3 แบบ

The NEW MINI

VISUAL DESIGN

จะยกเครื่องทั้งทีก็ควรจะปรับทั้งภายนอกและตัวเครื่องภายใน สำหรับการเปลี่ยนแปลงภายในของ MINI ครั้งนี้ประกอบไปด้วยการเปลี่ยนตัวถังทั้งในแง่วัสดุและสีใหม่ถึง 3 สีนั่นคือ Emerald Grey Metallic, Starlight Blue Metallic และ Solaris Orange Metallic   

The NEW MINI

PERSONALIZE

อีกหนึ่งออพชั่นที่เพิ่มขึ้นมาในรถมินิคือระบบแท่นชาร์จมือถือแบบไร้สายโดยแท่นชาร์จนี้จะอยู่บริเวณช่องที่วางแขนกึ่งกลางลำตัวรถ รวมถึงการมีช่อง USB เพิ่มที่คอนโซลหน้า การเพิ่มระบบเหล่านี้เพื่อให้รถยนต์สามารถตอบโจทย์สังคมยุคดิจิตัลในปัจจุบันได้มากขึ้น รวมถึงพวงมาลัยของรถก็ถูกนำมาดีไซน์ใหม่ให้เป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสามก้าน มีปุ่มควบคุมระบบความเร็วทางด้านซ้าย ระบบความบันเทิงทางด้านขวาเพื่อการสั่งการของคนขับที่จะอยู่บนพวงมาลัยแค่ที่เดียว

The NEW MINI

การเปลี่ยนแปลงของเดิมที่มีอยู่แล้วเพื่อความไม่แน่นอนที่อาจจะดีกว่าคงเป็นโจทย์ยากที่แบรนด์เก่าแก่หลายๆ แบรนด์ต้องเจอ แต่กับการเปลี่ยนแปลงของ MINI ครั้งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาเลือกที่จะก้าวเดินต่อและมองรถ MINI ด้วยมุมมองที่แตกต่างจากเดิม

เพราะสุดท้ายความคลาสสิคที่เรามีอยู่จะหลอมรวมกับความแปลกใหม่ เกิดเป็นความน่าค้นหาที่มีเสน่ห์อย่างยิ่ง และเสน่ห์เหล่านี้เองที่ส่งให้แบรนด์ MINI ดำรงอยู่ยาวจนกลายเป็น The NEW MINI แบบทุกวันนี้

AUTHOR