เมื่อรุ่งอรุณแห่งสีรุ้งมาถึง เราจะปลดเปลื้องเต้นรำบนพื้นเดียวกัน

“แม่คะ…ถ้าหนูโอเคกับคนที่ไม่ใช่ผู้ชาย แม่จะโกรธหนูไหม”

ประโยคจากภาพยนตร์ Yes or no (2010) ฉากที่นางเอกเลือกจะถามผู้เป็นแม่ไปตามตรงว่ารักที่เธอมีพอจะเป็นไปได้หรือเปล่า แน่นอนว่าสิ่งที่เธอคาดหวังคงเป็นรอยยิ้มอุ่นๆ พร้อมคำตอบว่ามันไม่เป็นไร ทว่าท้ายที่สุดแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้น แม่ของเธอไม่อาจยอมรับได้ และเรียกคนเกิดเป็นหญิงใจอยากเป็นชาย คือผู้ไม่ปกติทางเพศ

“เขาเป็นผู้ชายจะให้ไปคบได้ยังไง เกิดมานึกว่าชอบได้แต่ผู้หญิง”

“มึงไปจับมือผู้ชายเดินก็จะมีทั้งคนที่โอเคกับมึง แล้วก็ไม่โอเคกับมึง ชีวิตมึง มึงจะชอบใครก็ได้”

“ชอบใครก็ได้จริงเหรอ”

“มึงชอบใครก็ได้มาตั้งนานแล้ว”  

ประโยคจากภาพยนตร์แปลรักฉันด้วยใจเธอ (2020) คราวที่ตัวละครเอกเลือกจะบอกพี่ชายว่าช้ำในความรัก เหตุเพราะกังวลที่เกิดมาเป็นผู้ชาย แต่ไม่ได้ชอบผู้หญิง 

ภาพยนตร์ที่กินเวลาห่างกันนานเกือบ 10 ปี ได้ทิ้งรอยแยกระหว่างอดีตและปัจจุบันกาลเอาไว้ว่าวันนี้พวกเราชาวสีรุ้งเดินมาไกลมากแล้ว เช่นเดียวกับระยะทางกว่า 3 กิโลเมตรจากสนามกีฬาแห่งชาติไปจนถึงแยกราชประสงค์ที่เป็นเครื่องยืนยันชั้นดี ธงหลากสีพัดไสวกลางอากาศระอุ มนุษย์หลากชนชาติรวมตัวอยู่ในขบวนพาเหรด แต่งตัวเล่นผ้ากันอย่างฉูดฉาด แต่ไม่มีอะไรเลยที่ดูแตกต่าง หากกลมกลืนเข้ากันอย่างลงตัวเสียด้วยซ้ำไป

จำได้หรือเปล่า วันแรกเริ่มที่เราตะโกนร้องเรียกให้กระดาษสุดพิเศษใบหนึ่งมีชื่อของนายและนาย นางสาวและนางสาวเซ็นลงไปด้วยกันได้ เพื่อเป็นหลักฐานแสดงความรักว่าทั้งสองก็เป็นคู่สมรสถูกต้องตามกฎหมาย วันเหล่านั้นทั้งทรหดและมากน้ำตา เราปกปิดตัวตนกันเนิ่นนานเพื่อบังสายตาของใครต่อใครที่มองว่านี่ไม่ใช่มนุษย์ปกติ 

ทว่าความเสียใจสิ้นสุดลงแล้ว วันนี้พวกเราฉีกเสื้อผ้าของตัวเองออก ไม่ได้กลายร่างเป็นคนอื่น หากแต่โคตรจะเป็นตัวเอง ปลดเปลื้องเต้นระบำโชว์ให้เห็นว่าพวกเราทุกคนเป็นอะไรก็ได้ที่นึกอยาก รักใครก็ได้ที่อยากรัก ช่างน่าชื่นใจเหลือเกินที่วันนี้มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน นี่สิ! พลังของชนชาว LGBTQIAN+ 

มิถุนายนไม่ใช่แค่เดือนธรรมดาอีกต่อไป แต่กลายเป็นเดือนแห่งสีรุ้ง และในทุกๆ วันที่ 28 ยังถูกนับเป็นวันสำคัญแห่งกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศอีกด้วย ขบวนแห่ ‘นฤมิตไพรด์’ ประจำปี 2568 ที่เห็นอยู่นี้ได้ขับเคลื่อนมาจนเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว นี่เป็นปีแรกที่ผู้เขียนได้ตามไปดูให้เห็นกับตาเนื้อ และถูกกระแทกเข้าด้วยพลังของความเป็นมนุษย์จนต้องร้องว่ามันโคตรจี๊ด! 

คราวนี้มีผู้เข้าร่วมเดินขบวนมากกว่า 300,000 คน ทุบทลายสถิติของปีที่ผ่านมา ถนนอัดแน่นไปด้วยบรรดาศิลปินแดร็กควีน วาดลวดลายกันอย่างม่วนจอยเต็มพื้นที่สี่แยกปทุมวัน เรียกเสียงกรี๊ดสนั่นจากคนแวดล้อมที่กำลังโบกธงรุ้งสะบัด เริ่มตั้งแต่ขบวนนำ ‘Born Again’ การกำเนิดใหม่ของตัวแม่ ตัวลูกที่ออกมาเฉิดฉายกลางสาธารณะ ป่าวร้องผลักดันให้รัฐธรรมนูญกลายเป็นสีรุ้ง ตามด้วยขบวน ‘Born to be Loved’ ที่ตะโกนสีแดง! ออกมาดังลั่นว่าความรักของฉันจะไม่อยู่อย่างหลบซ่อนอีกต่อไป เช่นชายหลายคนที่เดินสวมชุดเจ้าสาวทั้งในมือถือทะเบียนสมรสอวดยิ้มแป้นแล้น

ขบวน ‘Born to be Me’ ที่สีม่วงกลับมาบานสะพรั่ง ครั้งหนึ่งสีนี้เคยถูกกำหนดให้เป็นสีเฉพาะของกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน แต่วันนี้กลับกลายเป็นสีแห่งเสรีภาพที่เปล่งประกายไปทั่วท้องถนน ไหนจะเหล่าศิลปินจากทุกแขนงที่ร่ายเครื่องหน้า เครื่องผมสีเหลืองสว่างกันในขบวน ‘Born to Create and Inspire’ ปลุกชีวิตสายพาเหรดให้ผู้ที่พบเห็นได้พลังแห่งความกล้าหาญกลับไป พวกเขาถ่ายทอดแรงบันดาลใจกับทุกจังหวะของเสียง และการขีดเขียน ด้วยเชื่อว่าตนเกิดมาเพื่อสร้างสรรค์ และเสียงเหล่านี้จะไม่มีวันเงียบดับ 

อีกความน่าประทับใจหนึ่งที่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรัว คือการรวมตัวของกลุ่มเด็กพิเศษที่น้องๆ ต่างร่าเริงอยู่บนรถเปิดกว้าง โยกไปกับเพลงอย่างมีความสุขท่ามกลางเสียงปรบมือชื่นชม ดูเหมือนเมล็ดพันธุ์น้อยๆ เองก็ได้เห็นความหลากหลายทางเพศและตัวของผู้คน

ขบวนแห่งสีสันยังไม่หมดเพียงเท่านี้หรอก แต่เราขออุบไว้ก่อน เผื่อว่าคนอ่านอยากกาปฏิทินตามไปดูในปีหน้า จะได้เห็นกันล่ะว่าเมื่อสีรุ้งส่องไปทั่ว มันงดงามขนาดไหน

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นพลังน่าเหลือเชื่อที่ไม่ต้องค้นดูให้ลึกกันอีกต่อไปแล้วว่าแท้จริงคนๆ นี้เป็นอย่างไร เราต่างเปิดเผยตัวตน และเต้นระบำได้ในทุกฤดูโดยไม่ต้องหลบสายตาใคร 

ด้วยเพราะเราทุกคนต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกันอย่างเสมอมา 

Happy Pride Month and Happy Human Colors

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

นอยบอย

ช่างภาพที่ชอบนอยเพราะน้ำตาลตก 🥲