Meat Avatar แบรนด์ที่อยากให้คนไทยได้กินเนื้อจำแลงจากพืชผักในราคาไม่แพง

Highlights

  • Meat Avatar คือแบรนด์ที่ผลิตเนื้อจากพืชผัก (plant-based meat) โดยใช้วัตถุดิบในประเทศไทย เพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงเนื้อประเภทนี้ได้ง่ายขึ้น
  • สิ่งที่ทำให้ Meat Avatar แตกต่างจากเนื้อแพลนต์เบสด์ต่างประเทศก็คือผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเอาใจคนไทยและชาวเอเชียสุดๆ ในขณะที่แบรนด์ต่างประเทศมีแพตตี้เบอร์เกอร์ แบรนด์ไทยแท้ๆ อย่างพวกเขาภูมิใจนำเสนอหมูกรอบ หมูสับ และไข่ดาว ซึ่งเป็นวัตถุดิบขาประจำในมื้ออาหารไทยและเอเชีย
  • นอกจากคนกินจะสุขภาพดี เนื้อแพลนต์เบสด์ยังดีต่อโลกด้วย เพราะการลดการบริโภคเนื้อสัตว์จะช่วยลดการเลี้ยงปศุสัตว์ ซึ่งมีส่วนให้เกิดภาวะโลกร้อนถึง 18 เปอร์เซ็นต์

หลายคนอาจจะเคยเห็นเนื้อที่ทำมาจากพืชผักหรือเนื้อแพลนต์เบสด์ (plant-based meat) อย่าง Impossible Burger และ Beyond Meat ผ่านตามาบ้าง สารภาพว่าครั้งแรกที่เห็น เราแทบไม่เชื่อตาตัวเองว่าก้อนเบอร์เกอร์ฉ่ำๆ ที่เห็นในโฆษณานั้นไม่ได้ทำจากเนื้อ แต่มาทำจากพืชล้วนๆ

ทั้งรูปโฉมและรสสัมผัสที่ใกล้เคียงกับเนื้อสัตว์ราวกับเป็นแฝดคนละฝา ทำให้เนื้อแพลนต์เบสด์เข้ามาเขย่าวงการอาหารฟาสต์ฟู้ดและครองตลาดคนรักสุขภาพในฝั่งตะวันตกได้อย่างรวดเร็ว เพราะตอบโจทย์ทั้งคนกินเจ มังสวิรัติ และวีแกน ที่มีไลฟ์สไตล์กินอาหารจากพืชเป็นหลัก แถมยังเปิดประสบการณ์ให้คนที่ไม่คุ้นกับการกินผักได้กินของมีประโยชน์แบบไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนใจ ส่วนคนที่สนใจดูแลสุขภาพก็ได้กินอาหารที่ทั้งอร่อย ไขมันต่ำ และโปรตีนสูง

แต่ขอดอกจันตัวโตๆ ว่าราคาค่าตัวของเจ้าเนื้อแพลนต์เบสด์สัญชาติอเมริกันที่ว่า อัพราคาสูงขึ้นจากเนื้อสัตว์ปกติถึงสองเท่า แถมกว่าจะฝ่ากำแพงภาษีนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้ ราคาก็ยิ่งสูงเกินเอื้อมเข้าไปใหญ่ ส่วนห้างร้านที่มีวางจำหน่ายก็ยังไม่มากพอให้คนหาซื้อได้สะดวก

ความเจ็บปวดใจในเรื่องราคาและช่องทางการวางจำหน่ายที่ทำให้คนเข้าถึงยากจุดประกายให้ ภู–วิภู เลิศสุรพิบูล และ นิกส์–วรุตม์ จันทร์โพธิ์ สองผู้ก่อตั้งแบรนด์ Meat Avatar ปิ๊งไอเดียพัฒนาเนื้อจำแลงจากผักที่ทำมาจากวัตถุดิบในไทย เพื่อให้คนไทยได้กินอาหารแพลนต์เบสด์ในราคาไม่แพงและไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

ความได้เปรียบคือทั้งภูและนิกส์ทำงานอยู่ในแวดวงนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารอยู่แล้ว จึงรู้เทรนด์อาหารโลกและสำรวจตลาดแพลนต์เบสด์อยู่แทบจะตลอดเวลา ทั้งคู่ตั้งเป้าระยะยาวให้แบรนด์ Meat Avatar เป็นเจ้าตลาดฝั่งเอเชียสำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อแพลนต์เบสด์ และตั้งใจสร้างคอมมิวนิตี้อาหารแพลนต์เบสด์ในไทยให้เข้มแข็ง เพราะข้อดีของอาหารแพลนต์เบสด์ไม่เพียงแต่ช่วยดูแลสุขภาพเรา แต่ช่วยดูแลสุขภาพโลกในระยะยาวด้วย

ก่อนจะไปพูดคุยกันเรื่องธุรกิจอาหารแพลนต์เบสด์เชิงลึก ภูยกจานหมูกรอบผัดพริกเกลือ หมูกรอบผัดกะเพรา ต้มยำหมูสับ และหมูสับผัดหนำเลี้ยบมาวางยั่วน้ำลายและเชื้อเชิญให้เราลองชิมดู ถ้าดูจากรูปลักษณ์และไม่บอกว่าจานตรงหน้าทำจากพืชผัก เราคงคิดว่าเป็นเนื้อสัตว์จริงๆ ทั้งหมูกรอบที่มีลายของชั้นไขมันสีขาว ชั้นหนังกรอบ และชั้นเนื้อรวมกันในชิ้นเดียว และหมูสับก็มีเนื้อสัมผัสนุ่มหยุ่นไม่ต่างจากหมูสับจริงๆ

ก่อนจะพูดให้น้ำลายสอไปมากกว่านี้ เราขอพาไปดูที่มาที่ไปและการดำเนินธุรกิจในตลาดอาหารของ Meat Avatar ที่อวตารตัวเองจากสปีชีส์พืชไปเป็นเนื้อสัตว์แบบแนบเนียนสุดๆ และอร่อยสุดๆ

 

เนื้อแพลนต์เบสด์โดยคนไทย เพื่อคนไทย

ความคิดเริ่มแรกของการทำอาหารแพลนต์เบสด์มาจากที่ภูได้มีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศ และได้เห็นว่าวัฒนธรรมการกินอาหารจากพืชเริ่มเข้ามาอยู่ในชีวิตผู้คนมากขึ้น ไกลไปกว่านั้น การกินอาหารจากพืชคือการช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

“หลายปีมาแล้วผมได้มีโอกาสไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา อาหารแพลนต์เบสด์ที่นั่นเริ่มพัฒนาราวๆ ปี 2009 จากนั้นผมกลับมาทำงานบริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายอาหารที่ไทย เลยได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ และได้เห็นว่าช่วงห้าปีที่ผ่านมา อาหารแพลนต์เบสด์เติบโตจากที่เคยเห็นอย่างมาก เพราะในต่างประเทศมองว่าอาหารจากพืชเป็นผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีอันหนึ่งซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อนได้ โดยมีการโปรโมตว่าอาหารจากพืชช่วยลด carbon footprint ได้พอสมควร เพราะพื้นที่ปลูกพืชสำหรับผลิตอาหารไม่รบกวนพื้นที่ป่ามากเท่าการเลี้ยงสัตว์และไม่ได้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมหาศาลอย่างการทำปศุสัตว์ ซึ่งการทำปศุสัตว์มีส่วนในภาวะโลกร้อนถึง 18 เปอร์เซ็นต์ และปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการคมนาคมหลายเท่า การกินอาหารจากพืชแทนเนื้อสัตว์เลยเป็นการตัดวงจรโลกร้อน และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปด้วย

“เนื้อแพลนต์เบสด์ที่นำเข้าจากเมืองนอกมีราคาสูงจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับคนที่มีกำลังซื้อเท่านั้น ซึ่งผมมองว่าไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น และคิดว่าในบ้านเราสามารถผลิตอาหารแพลนต์เบสด์ที่ราคาเอื้อมถึงได้สำหรับคนทั่วไป ทีมเราเลยเริ่มคิดค้น พัฒนา และวิจัยเนื้อแพลนต์เบสด์เวอร์ชั่นคนไทยขึ้น” ภูเล่าถึง pain point ที่ทำให้ตัดสินใจกระโดดมาจับธุรกิจนี้

ส่วนความได้เปรียบของเมืองไทยคือวัตถุดิบที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและราคาย่อมเยา เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อนชื้น สามารถหาพืชผักได้ทุกฤดูกาล นิกส์จึงเสริมว่านี่แหละที่เป็นจุดแข็งที่ทำให้เนื้อแพลนต์เบสด์ของไทยถูกกว่าของเมืองนอกหลายเท่า เพราะราคาวัตถุดิบที่ถูกกว่าและปราศจากภาษีนำเข้า

นิกส์ขยายให้ฟังต่อเรื่องเทรนด์อาหารจากพืชทั่วโลกว่า โปรตีนจากพืชเป็นสิ่งที่คนยุคนี้มองหา เพราะทั้งมีคุณค่าทางอาหารสูงและรสชาติอร่อย ทั้งยังตอบโจทย์คนที่กินอาหารจากพืชในทุกกลุ่ม

“เรามองเห็นแนวโน้มของตลาดทางฝั่งอเมริกาและอังกฤษในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาว่า กลุ่มคนกินมังสวิรัติเพิ่มขึ้นเท่าตัวเลย และเทรนด์ในแถบเอเชียแปซิฟิกก็มีทั้งกลุ่มกินเจ กลุ่มวีแกน และกลุ่มมังสวิรัติ โปรตีนจากพืชเลยเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหา อย่างหมูสับของเรา คอนเซปต์คือต้องมีรสชาติดี เนื้อสัมผัสคล้ายหมูสับ และยังได้โปรตีนเทียบเท่าหรือใกล้เคียงเนื้อสัตว์จริง เพื่อตอบรับทั้งกลุ่มกินเจ กลุ่มกินวีแกน รวมถึงกลุ่มมังสวิรัติที่ไม่เคร่งมากก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้ เพราะอาหารแพลนต์เบสด์ที่อร่อยจะทำให้การกินในแต่ละมื้อมีสารอาหารที่ครบถ้วน และไม่จำเจน่าเบื่อ” 

ทั้งภูและนิกส์มีความเห็นตรงกันว่าธุรกิจอาหารจากพืชมีความน่าสนใจ หนึ่ง คือช่วยโลก สอง คือเรื่องทางศีลธรรม เพราะคนจำนวนไม่น้อยไม่สนับสนุนการเลี้ยงสัตว์เพื่อฆ่ามารับประทาน และสาม ช่วยเรื่องสุขภาพ ภูอธิบายให้ฟังถึงประเด็นนี้ว่า เพราะอุตสาหกรรมปศุสัตว์มีการฉีดฮอร์โมนและแอนไทไบโอติกต่างๆ เข้าไปในร่างกายสัตว์ ทำให้คนกินสารกระตุ้นทางอ้อมไปด้วย สามอย่างนี้เป็นตัวแปรที่คนยุคใหม่ให้ความสำคัญ ทั้งคู่จึงลงมือปลุกปั้นเนื้อแพลนต์เบสด์สัญชาติไทยแท้ขึ้นมาจนเป็นรูปเป็นร่างโดยใช้เวลาถึง 5 ปี และกำลังจะออกวางออกจำหน่ายจริงในปีหน้า

 

จับพืชผักมาแปลงร่างเป็นเนื้อ

ผลิตภัณฑ์อาหารแพลนต์เบสด์ของ Meat Avatar แปรรูปมาจากธัญพืช ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง รวมถึงเห็ด โดยคัดพืชเฉพาะส่วนที่สามารถนำไปสกัดโปรตีนได้มากที่สุด และเอาส่วนที่เป็นแป้งออกให้มากที่สุด เพื่อให้เนื้อแพลนต์เบสด์มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ พอสกัดส่วนที่เป็นโปรตีนได้แล้วก็จะนำไปทดลองผสมและขึ้นรูป

ทั้งคู่เริ่มจากการผลิตเนื้อแพลนต์เบสด์เบสิก อย่างเช่น หมูกรอบ หมูสับ และไข่ดาว ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่แทบจะมีอยู่ในทุกมื้ออาหารของคนไทยและคนเอเชีย

อย่างหมูกรอบ กว่าจะได้เป็นสูตรที่สมบูรณ์แบบใกล้เคียงของจริงต้องลองผิดลองถูกกันเป็นร้อยๆ สูตร จากชั้นมันที่ทำจากบุกก็ต้องเปลี่ยน เพราะบุกให้สีแดงที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ จึงทดลองใส่ soy texture และ soy protein เข้าไปเป็นวัตถุดิบตั้งต้น แล้วทำให้เป็นสีใสเลียนแบบชั้นมัน ส่วนตัวเนื้อและหนังที่อยู่ข้างนอกทำมาจากเบสถั่วเหลืองมาประกอบกัน ที่เด็ดคือเป็นหมูกรอบที่ไร้คอเรสเตอรอลเสียด้วย

ส่วนหมูสับแพลนต์เบสด์ทำมาจากเห็ดหอมเป็นหลัก ซึ่งจะให้ความกรึบเด้งเหมือนเนื้อหมูสับจริง และมีการใส่ถั่วเหลืองลงไปเพื่อเพิ่มผิวสัมผัสและความยืดหยุ่นอีกเล็กน้อย

ส่วนไข่ดาวตรงส่วนไข่แดงทำมาจากแคร์รอต ฟักทอง และบีตรูต เพราะเป็นพืชที่ให้สีส้มๆ แดงๆ เหมือนสีไข่แดงของจริง ส่วนตัวไข่ขาวทำมาจากเต้าหู้ซึ่งผลิตมาจากถั่วเหลืองอีกที พอทอดแล้วจะได้ความกรอบ ไข่แดงจะมีรสเค็มปะแล่มคล้ายไข่เค็ม แต่จะได้เนื้อสัมผัสเหมือนไข่แดงสุก

นิกส์อธิบายว่าเหตุที่เริ่มพัฒนาจากสินค้าสามอย่างนี้ก่อนก็เพราะเป็นวัตถุดิบที่นำไปทำอาหารได้ง่าย ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก และน่าจะตอบโจทย์ผู้บริโภคชาวไทยและชาวเอเชียได้ไม่ยากเกินไปนัก

“ต้องบอกว่าจริงๆ แล้ว เราได้ยินเรื่อง Impossible Meat และ Beyond Meat ที่ทำเบอร์เกอร์แพลนต์เบสด์ในต่างประเทศมานาน แต่เราเป็นคนไทยและเป็นคนเอเชีย สิ่งที่พวกเรากินมากที่สุดคือหมูสับ ไข่ดาว ไปจนถึงหมูกรอบ จะให้คนไทยมากินเบอร์เกอร์ทุกวันก็ไม่ไหว เลยเริ่มทำอาหารที่คนบ้านเราสามารถเอาไปทำได้หลายเมนูดีกว่า

“ดูตัวอย่างจากอาหารไทยหรือจีน หมูสับมักจะอยู่ในเมนูอาหารเสมอ ไม่ว่าจะเป็นติ่มซำหรือโจ๊ก เราเลยคิดว่าเราเป็นคนเอเชีย ก็ควรเสิร์ฟคนเอเชียก่อน เพราะหาก Impossible Meat และ Beyond Meat เป็นเจ้าตลาดทางด้านตะวันตกแล้ว เราก็อยากเป็นเจ้าตลาดทางเอเชียเหมือนกัน ดูจำนวนคนที่บริโภคในเมืองจีนหรืออินเดียที่ขึ้นชื่อเรื่องวีแกนอยู่แล้ว นับเป็นประชากรเกือบครึ่งโลกแล้ว จุดเด่นของเราคือต้องถูกกว่าแน่นอน เพราะเราเป็นแหล่งวัตถุดิบอยู่แล้ว เราเลยมองว่าตรงนี้เป็นโอกาสทางธุรกิจที่สามารถสู้ในตลาดโลกได้” นิกส์กล่าวอย่างมุ่งมั่น

ส่วนภูเสริมขึ้นในเรื่องการใส่สารปรุงแต่งให้มีกลิ่นรสใกล้เคียงเนื้อสัตว์ ข่าวดีคือสารเหล่านั้นล้วนทำมาจากพืชอีกเช่นกัน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีการลักไก่ปรุงแต่งด้วยเนื้อสัตว์จริงๆ ลงไป

“ต้องยอมรับว่าเรามีการเติมสีและกลิ่นเลียนแบบเนื้อสัตว์ แต่สีและกลิ่นเป็นวีแกนร้อยเปอร์เซ็นต์ คือไม่มีส่วนไหนที่มาจากสัตว์เลย เราจะพยายามเลือกสีที่ใกล้เคียงมากที่สุด ทั้งสีจากบีตรูต สีจากคาราเมล และในการผลิตทุกขั้นตอนของเรามั่นใจได้เลยว่าไม่มีการปนเปื้อนเนื้อสัตว์ เพราะมีการสั่งอุปกรณ์ใหม่ในสายการผลิตทั้งหมด และไม่เคยผลิตเนื้อสัตว์มาก่อน เพราะผู้บริโภคอาจกังวลเรื่องดีเอ็นเอของสัตว์ที่อาจปนเปื้อนกับเครื่องจักร ล้างยังไงก็ยังมีสิทธิตกค้างได้ เรากลัวตรงนั้นมาก เราต้องการให้เป็นแพลนต์เบสด์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไปเลย เพราะกลุ่มลูกค้าของเรา นอกจากจะเป็นคนที่กินแพลนต์เบสด์เพราะรักษ์โลกหรือรักษาสุขภาพแล้ว ยังมีส่วนหนึ่งที่กินเจอย่างเคร่งครัดซึ่งเขาซีเรียสเรื่องนี่พอสมควร” ภูเผย

ส่วนการปรุงก็ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร เนื้อแพลนต์เบสด์สามารถเอาไปต้ม ผัด แกง ทอดได้สารพัดเมนู เพียงแต่ต้องระวังเรื่องการคุมไฟสักหน่อย เพราะวัตถุดิบสุกมาอยู่แล้ว จะไม่เหมือนเนื้อสัตว์ที่ต้องรอระยะเวลาให้ค่อยๆ สุก หรืออย่างหมูกรอบก็มีเคล็ดลับการทำนิดหน่อยที่แตกต่างจากไข่ดาวและหมูสับ คือต้องนำไปทอดในน้ำมันให้กรอบรอบหนึ่งก่อน ถึงค่อยเอาไปปรุงเป็นเมนูต่างๆ ในขั้นถัดไป

ขั้นกว่าของการขาย คือชวนคนมาร่วมคอมมิวนิตี้

แพร–ภาวินี สีดาวเรือง คือผู้อยู่เบื้องหลังด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาดแบรนด์ Meat Avatar เธอยินดีมาเล่าให้เราฟังเรื่องการปั้นแบรนด์เนื้อแพลนต์เบสด์สัญชาติไทยให้เป็นที่สนใจของตลาดตั้งแต่ยังไม่มีสินค้าออกมาวางจำหน่าย และที่มากไปกว่าการขาย คือความตั้งใจในการสร้างคอมมิวนิตี้ที่เข้มแข็งของคนกินแพลนต์เบสด์ในเมืองไทย

“เราจะเน้นประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างแบรนด์พร้อมๆ กับให้ความรู้ว่าอาหารแพลนต์เบสด์คืออะไร เพื่อให้คนที่ไม่ทราบหรือทราบอยู่แล้ว ให้รู้จักแพลนต์เบสด์มากขึ้นว่ามันคืออะไร มีอาหารจำพวกไหนบ้าง และเรามีโครงการ ‘Wednesday Shine’ หรือ ‘วันพุธสดใส’ ที่มาช่วยเสริมการประชาสัมพันธ์ในโลกออฟไลน์ โดยการชวนคนมากินพืชผักมากขึ้น และมีการประสานความร่วมมือไปยังองค์กรต่างๆ ให้ลองทานแพลนต์เบสด์ดู เริ่มจากสัปดาห์ละมื้อ หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน คือในวันพุธที่เป็นกลางสัปดาห์ เพราะกลุ่มที่เน้นจริงๆ ก็คือคนทั่วไปที่กินเนื้อสัตว์ เพราะเราอยากให้พวกเขาลดการทานเนื้อสัตว์ลง เป้าหมายคือเริ่มง่ายๆ แค่หนึ่งมื้อต่อสัปดาห์ ในระยะยาวคุณจะช่วยโลกได้มหาศาล

“นอกจากนี้เรายังครีเอตเมนูและแชร์ไอเดียเมนูอาหารแนะนำว่าในหนึ่งวันเราสามารถทานแพลนต์เบสด์อะไรได้บ้าง ตั้งแต่มื้อเช้า กลางวัน และเย็น ถือเป็นการสร้างคอมมิวนิตี้ที่ทุกคนมาแชร์กันว่าทำอาหารแพลนต์เบสด์อะไรดี เรามักแนะนำว่าถ้าจะเริ่ม ให้ลองหนึ่งมื้อต่อสัปดาห์ เพราะใจเราไม่ได้อยากให้เปลี่ยนทั้งหมด แค่ลองปรับเปลี่ยนทีละนิด อาจจะเก็บอาหารแพลนต์เบสด์ไว้เป็นหนึ่งทางเลือก เพราะการกินอาหารจากพืชจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดี และช่วยโลกได้ในระยะยาวคือลดก๊าซเรือนกระจกด้วย”

Meat Avatar วางแผนจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระลอกแรกให้กับร้านอาหารที่สนใจซื้อวัตถุดิบไปปรุงเสิร์ฟในช่วงต้นปีหน้า ส่วนแผนการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าให้ประชาชนทั่วไปได้เลือกซื้อ คาดว่าเป็นช่วงกลางปีหน้า และมีแผนจะส่งออกไปต่างประเทศในอีกไม่นานนี้ ถ้าอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้วอดใจไม่ไหว อยากทำความรู้จัก Meat Avatar และอาหารแพลนต์เบสด์ให้มากขึ้น สามารถพูดคุยกับแบรนด์ได้โดยตรงที่เฟซบุ๊กเพจ Meat Avatar และ Line: @Meat Avatar

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

วริทธิ์ โพธิ์มา

รักหมูกรอบ และข้าวมันไก่