เลาะไปใน ‘มาเก๊า’ ตื่นตาตื่นใจไปกับความรุ่มรวยทางศิลปะและวัฒนธรรมที่แทรกตัวทั่วทุกมุมเมือง

เลาะไปใน ‘มาเก๊า’ ตื่นตาตื่นใจไปกับความรุ่มรวยทางศิลปะและวัฒนธรรมที่แทรกตัวทั่วทุกมุมเมือง

ยอมรับเลยว่าการไป ‘มาเก๊า’ ครั้งนี้ ใจเต้นตั้งแต่เริ่มก้าวเท้าออกจากบ้าน เพราะนี่เป็น ‘ครั้งแรก’ ในชีวิตที่จะได้สำรวจด้วยตัวเองจริง ๆ เสียทีว่ามาเก๊าซุกซ่อนเสน่ห์อะไรไว้อีกบ้าง ที่มากไปกว่าซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul’s) แลนด์มาร์กมหาชนที่ปรากฏแทบทุกโพสต์เกี่ยวกับเมืองนี้บนโลกโซเชียล

และเราก็ไม่ผิดหวัง ในวัยที่ชอบเดินดูเมืองชิล ๆ แล้วเข้ามิวเซียมหรือแกลเลอรีเพื่อดูงานอาร์ตและชิ้นงานทางวัฒนธรรมต่าง ๆ พูดได้เลยว่ามาเก๊าถูกใจเรายิ่งนัก เพราะเมืองนี้เต็มไปด้วยมรดกโลกที่อนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี สถาปัตยกรรมโบราณต่าง ๆ ยังคงทรงพลังท่ามกลางความหวือหวาของโลกยุคปัจจุบัน

วัฒนธรรมตะวันตกที่บรรจบกับอารยธรรมตะวันออกเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง สะกดให้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น รากเหง้าจีนท้องถิ่นเคล้ากลิ่นอายโปรตุเกสแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของวิถีชีวิตคนมาเก๊า บ้างยังชัดเจนในอัตลักษณ์ของตัวเองแต่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน บ้างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วกลายเป็นสิ่งใหม่ที่มีคุณค่า นี่คือเอกลักษณ์อันน่าหลงใหลของดินแดนเล็ก ๆ ที่เราค้นพบจากทริปนี้ จนอดเสียดายไม่ได้ว่าทำไมเราถึงมองข้ามเมืองนี้มานาน รู้อย่างนี้มาเที่ยวมาเก๊าตั้งนานแล้ว

เวลาเพียง 3 วัน 2 คืนในมาเก๊าดูเหมือนจะน้อยนิด แต่ก็สามารถชาร์จพลังได้เต็มอิ่ม ผ่านประสบการณ์สุดตื่นตาตื่นใจมากมายที่พร้อมให้สัมผัสทั่วทุกมุมเมือง

ผ่อนคลายใจด้วยศิลปะสไตล์ตะวันออกพบตะวันตกใน Grand Lisboa Palace Macau

จากสนามบินนานาชาติมาเก๊าเพียงไม่กี่อึดใจ เราก็เดินทางมาถึง Grand Lisboa Palace Resort Macau ซึ่งประกอบไปด้วย 3 โรงแรมคือ THE KARL LAGERFELD MACAU, Palazzo Versace Macau และ Grand Lisboa Palace Macau อันเป็นที่พักของเราในทริปนี้

Grand Lisboa Palace Macau ต้อนรับเราด้วยความหรูหราอลังการของสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจจากอาคารยุโรประหว่างยุคนีโอคลาสสิกและยุคสวยงาม (Belle Époque) และเมื่อเข้าสู่ด้านใน ก็ตราตรึงต่อกับความงดงามของการตกแต่งสไตล์ ‘Chinoiserie’ หรือศิลปะลวดลายจีนที่ตีความผ่านแนวคิดตะวันตกได้อย่างประณีตและร่วมสมัยในทุกรายละเอียด

แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือชิ้นงานศิลปะที่กระจายตัวทั่วโถงล็อบบี้ สร้างสรรค์จากฝีมือศิลปินท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงมากมาย พวกเขาตีความและนำเสนอจุดเด่นของมาเก๊าที่หลอมรวมความเป็นตะวันตกและตะวันออกทั้งยุคเก่าและใหม่เข้าไว้ด้วยกันผ่านงานศิลปะหลากรูปแบบ เช่น ภาพวาดสีน้ำมัน ประติมากรรม การดัดเหล็กเป็นภาพ และการวาดลายเส้นบนกระเบื้องพอร์ซเลน เปรียบเสมือนแกลเลอรีขนาดย่อมให้เราสนุกไปกับการไล่ตามเสพงานอาร์ตได้ง่าย ๆ โดยยังไม่ต้องไปไหนไกลจากโรงแรม

โถงทางเดินระหว่างไปห้องพักก็มีชิ้นงานศิลปะให้เห็นเป็นระยะ ไม่เพียงย้ำว่าโรงแรมให้ความสำคัญกับศิลปะมาก แต่ผู้เข้าพักเองก็ได้สนุกไปกับการชื่นชมงานอาร์ตที่เสิร์ฟมาอย่างเซอร์ไพรส์เรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน

ห้องพักของ Grand Lisboa Palace Macau มีหลายไทป์ รวมทั้งหมด 1,350 ห้อง แต่ละห้องตกแต่งด้วยงานศิลปะและเฟอร์นิเจอร์กลิ่นอายตะวันออกผสมตะวันตก มีทั้งวิวฝั่งย่านโคไท และฝั่งของเราที่เห็นวิวสวน Jardim Secreto สุดตระการตา โอบล้อมด้วยทั้ง 3 โรงแรมของ Grand Lisboa Palace Resort Macau

ตะลุยแดนมหัศจรรย์ของอลิซในสวน Jardim Secreto และชิมของหวานแรงบันดาลใจจากโลกแฟนตาซี

พักผ่อนจนหายเหนื่อยล้า เราก็ลงมายลทัศนียภาพของ Jardim Secreto แบบใกล้ชิด สวนสไตล์ยุโรปนี้โดดเด่นด้วยโดมขนาดยักษ์ รายล้อมด้วยสนามหญ้าเขียวชอุ่ม และพุ่มไม้ตัดแต่งเป็นรูปวงกตสไตล์บาโรก ตอนกลางวันหลังคาโดมส่องประกายล้อกับแสงแดด ส่วนยามเย็นและค่ำคืนจะส่องแสงไฟสีต่าง ๆ สวยงามไปอีกแบบ

โดยตอนนี้ สวน Jardim Secreto ได้รับการแปลงโฉมในธีม The Adventures of ALICE เหมือนได้หลุดเข้าไปในแดนมหัศจรรย์อันเต็มไปด้วยคาแรกเตอร์มากมายทั้งเจ้ากระต่าย ราชินีแดง เหล่าทหารไพ่ และตัวอลิซเอง ที่เกิดจากการตัดแต่งและประดับประดาต้นไม้ดอกไม้ในสวนได้อย่างน่ารัก แนะนำให้มาช่วงแดดร่มไปแล้ว เพื่อสร้างความน่าตื่นเต้นเหมือนอยู่ในโลกแฟนตาซี และระหว่างเดินเล่นในโรงแรม อาจจะเจออลิซ แมด แฮตเตอร์ และราชินีแดงตัวเป็น ๆ พร้อมโชว์สนุก ๆ จากพวกเขาด้วยก็ได้นะ

ยังไม่พอ ไปฟินต่อกับ Alice’s Sweet Delights ที่ GLP Lobby Lounge เราสั่งเมนูขนมหวานและเครื่องดื่มสร้างสรรค์ผ่านแรงบันดาลใจจากโลกของอลิซมาชิมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Pas de Deux มูสบลูเบอร์รี่เนื้อเบา รสหวานกำลังดี Fantastic Feast คัพเค้กช็อกโกแลตตกแต่งด้วยครีมสีเขียวหอมหวานมัน กินคู่กับชาผลไม้ Mystery Guest ก่อนดื่ม ให้รินชาช้า ๆ เป็นวงกลม เพื่อให้เนื้อแอปเปิ้ลที่ตัดแต่งเป็นรูปดอกกุหลาบค่อย ๆ ผลิบานอย่างสวยงาม หรือจะลอง Fairytale Garden โรเซ่ผสมซีตรัส (ไม่มีแอลกอฮอล์) กลิ่นหอม รสหวานอมเปรี้ยว สร้างความสดชื่นได้ดีทีเดียว สามารถมาตามรอยกันได้จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน

ลิ้มรสอาหารจีนกวางตุ้งไฟน์ไดนิงในบรรยากาศหรูหราของสวนในวังที่ Palace Garden

นั่งชิลจนถึงเวลามื้อเย็น เราจึงย้ายตัวเองมายังห้องอาหาร Palace Garden ใน Grand Lisboa Palace Macau ก้าวแรกที่มาถึงหน้าร้าน ก็สะดุดตาด้วยหมู่มวลพฤกษาที่ยั่วยวนให้เราเข้าไปสัมผัสความเร้นลับของสวนในพระราชวัง อันเป็นธีมหลักของสถานที่แห่งนี้

เดินเข้ามาก็พบกับความมลังเมลืองของสีทอง การจัดแสงไฟ และการตกแต่งภายใน เคล้าคลอไปกับความไพเราะของบทบรรเลงจีน ผลงานการออกแบบโดย Alan Chan ศิลปินและดีไซเนอร์ชื่อดังชาวฮ่องกง ให้ความรู้สึกหรูหราโอ่อ่า ราวกับว่าได้มาเยือนสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของจักรพรรดิจริง ๆ พื้นที่หลักของร้านประดับประดาด้วยงานศิลปะและงานฝีมือที่รังสรรค์อย่างบรรจงงดงาม ทั้งอินสตอลเลชันกรงนก ภาพวาดบนผนังกระจกที่ถ่ายทอดเรื่องราวจีนโบราณ พาร์ติชันรูปพัดจีนที่ใช้เทคนิคการปักสองด้านเป็นภาพนกและแมกไม้ต่าง ๆ แต่ที่ประทับใจที่สุดคืองานปักรูปดอกเบญจมาศนานาชนิดขนาดความยาว 35 เมตรที่ใช้ยอดฝีมือด้านงานปักหลายชีวิตถักร้อยด้วยเทคนิคเฉพาะของเมืองซูโจวออกมาเป็นลวดลายสุดวิจิตร

ที่นี่ยังมีห้องส่วนตัวอีก 5 ห้อง แต่ละห้องตกแต่งด้วยธีมแตกต่างกันไป ได้แก่ พัด ผีเสื้อ นก ดอกไม้ และเจดีย์ รวมถึงบาร์ส่วนตัว Li Bai Bar ที่สร้างบรรยากาศยามค่ำคืนของมาเก๊าและฮ่องกงผ่านดิจิทัลอาร์ตบนผนังได้อย่างน่าตื่นตา

อาหารของ Palace Garden เป็นแบบไฟน์ไดนิงรสชาติต้นตำรับจีนกวางตุ้ง มีให้เลือกทั้งแบบอะลาคาร์ตและเซตเมนู รังสรรค์จากวัตถุดิบพรีเมียมและทักษะการปรุงอาหารของเชฟที่สั่งสมจากทั้งเอเชียและฝั่งตะวันตก เมนูซิกเนเจอร์ที่เราได้ชิมคือ Peony King Tiger Prawn กุ้งลายเสือตัวใหญ่ทั้งตัวสร้างสรรค์เป็นรูปดอกโบตั๋นสวยงาม เนื้อกรอบเด้งสดหวาน เคล้ากับซุปบิสก์ได้กลิ่นอายทะเลและรสชาติที่เข้มข้นขึ้น และ Premium Partridge Bisque ซุปกระเพาะปลาสดผสมเห็ด หน่อไม้ และผิวเปลือกส้ม ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากตำรับอาหารถวายพระราชา น้ำซุปหอมพริกไทย รสกลมกล่อม พร้อมเนื้อสัมผัสกรุบ ๆ จากวัตถุดิบในชาม

เราเลือกจับคู่อาหารกับชาเบลนด์ซิกเนเจอร์ของร้าน โดยมีให้เลือกระหว่างชาหลงจิ่งเบลนด์กับซีดาร์เบอร์รี่ ใบสน ดอกวินเทอร์สวีท เปลือกและดอกส้ม กับชาอู่หลงเบลนด์กับดอกมะลิ ดอกหอมหมื่นลี้ และใบมินต์ ปิดท้ายคืนแรกในมาเก๊าด้วยครีมมะม่วงเสาวรสพร้อมไอศกรีมรสขิง ของหวานที่ล้างปากด้วยความสดชื่นจากความหวานอมเปรี้ยวกำลังพอดีของตัวซุปครีม ตัดรสด้วยความเผ็ดร้อนของขิงแผ่นบาง ความนวลของเนื้อไอศกรีม และเท็กซ์เจอร์หนึบ ๆ ของมะม่วงและส้มโอ

จัดเต็มอาหารเช้าจากทั่วทุกมุมโลกในห้องอาหาร The Grand Buffet

ตื่นเช้าวันที่สอง เราเติมพลังด้วยบุฟเฟต์อาหารเช้าที่ห้องอาหาร The Grand Buffet จุใจกับเมนูอาหารเช้าจากทั่วทุกมุมโลกมาให้ได้ลองชิมทั้งจีน เอเชีย และตะวันตก ตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 10 โมงครึ่ง เริ่มด้วยติ่มซำ ไปจนถึงพอร์กช็อปบันและคายาโทสต์ ขนมปังก็มีให้เลือกละลานตาทั้งครัวซองต์ พัฟเพสทรี เดนิช เบเกิล บริออช มัฟฟิน แพนเค้ก รวมไปถึงทาร์ตไข่ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของคนรักขนมปังโดยแท้

เบรกฟัสต์แบบฝรั่งจัดเต็มด้วยไข่ชนิดต่าง ๆ เบคอน ไส้กรอก ถั่วขาวในซอสมะเขือเทศ แฮม ชีส อกเป็ดรมควัน สลัดบาร์ที่มีผักสดหลากหลายให้ตักได้ตามใจชอบ พร้อมผลไม้และเครื่องดื่มอีกมากมาย ใครอยากลองชา กาแฟสไตล์ฮ่องกง ที่นี่เขามีให้ลิ้มลองเช่นกัน จะกินในห้องอาหารหรือโซนระเบียงด้านนอกเพื่อรับวิวสวน Jardim Secreto ในวันที่อากาศดี ไม่ร้อนจนเกินไปก็ได้

เรียนรู้ประวัติศาสตร์มาเก๊ากว่า 500 ปีในนิทรรศการ The Lisboa, Stories of Macau

ก่อนออกไปสำรวจเมืองมาเก๊า เราเข้าชมนิทรรศการ ‘The Lisboa, Stories of Macau’ ใน Grand Lisboa Palace Macau เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์กว่า 500 ปีของดินแดนที่รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมตะวันออกผสมตะวันตกในเบื้องต้น ผ่านแลนด์มาร์กสำคัญ 8 แห่ง ได้แก่ วัดเจ้าแม่กวนอิม โรงแรม Lisboa Macau จัตุรัสแท็ปเซี้ยค (Tap Seac) ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล ซันหมาโหล่ว (San Ma Lo) สวนคาซา (Casa Garden) วัดอาม่า และโรงละครดอมเปโดรที่ห้า (Dom Pedro V Theatre)

แต่ละจุดมีกิจกรรมอินเทอร์แอ็กทีฟให้ร่วมเล่น อีกทั้งช่วยอธิบายความเป็นมาของแต่ละสถานที่ รวมถึงบุคคลและเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่นั้น ๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะที่สะท้อนความเป็นมาเก๊ากระจายตัวไปทั่วห้องจัดแสดง กระตุ้นให้การเดินชมนิทรรศการสนุกยิ่งขึ้น

ไฮไลต์จริง ๆ ของนิทรรศการนี้อยู่ในห้อง ‘The Lisboa Collection’ ที่รวบรวมชิ้นงานศิลปะในพระราชวังสมัยราชวงศ์ชิง เพื่ออนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมจีนเอาไว้ และแสดงให้คนมาเก๊า รวมถึงแขกผู้เข้าพักจากต่างชาติได้ประจักษ์ถึงความล้ำค่าของอารยธรรมจีน วัตถุโบราณในห้องนี้ที่โดดเด่นคือบัลลังก์มังกรลงรักฝังทองในรัชสมัยจักรพรรดิคังซี และเรือหยกมังกรคู่

อย่าลืมรับแผ่นโปสการ์ดเปล่าจากเจ้าหน้าที่ เพื่อปั๊มแสตมป์ตามจุดต่าง ๆ ซ้อนทับกันไปเรื่อย ๆ จนครบ 5 จุด แล้วลุ้นดูว่ารูปภาพสมบูรณ์ที่ปรากฏบนโปสการ์ดคืออะไร และเก็บเป็นของที่ระลึกน่ารัก ๆ กลับบ้าน

ดื่มด่ำวัฒนธรรมหยำฉ่าพร้อมอิ่มอร่อยกับติ่มซำและน้ำชาเลิศรสที่ Chalou

เข้าถึงมาเก๊าและจีนกวางตุ้งให้ถึงแก่นด้วยการรับประทานมื้อกลางวันที่ Chalou ห้องอาหารที่พาเราไปลิ้มรสวัฒนธรรม ‘หยำฉ่า’ หรือการกินติ่มซำกับชาจีน ซึ่งมักเป็นมื้อที่ครอบครัวนัดมารวมตัวเพื่อพบปะสังสรรค์กัน

ที่นี่มีติ่มซำหลากหลายชนิด สามารถสั่งจากเมนูโดยตรง หรือเลือกจากรถเข็นที่พนักงานเข้ามาแนะนำก็ได้ ส่วนชานั้นมีลิสต์ให้ลองถึง 16 แบบ และมีทั้งชาร้อนและชาเย็น จัดเต็มในสไตล์ที่ชอบและอิ่มอร่อยภายใต้บรรยากาศร้านที่ให้ความรู้สึกแห่งวันวานของโรงน้ำชา ผสานเข้ากับการตกแต่งในคอนเซปต์ร่วมสมัย โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ถ้วยชาที่ประดับประดาทั่วเพดาน

ติ่มซำของ Chalou นั้นยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่ถ้าเติมน้ำมันพริกอีกสักนิด จะช่วยเพิ่มมิติของรสชาติได้มากยิ่งขึ้น พนักงานห้องอาหารเขาแนะนำเรามา!

หลุดไปในย่านศูนย์กลางประวัติศาสตร์ที่สถาปัตยกรรมจีนและโปรตุเกสอยู่ร่วมกันอย่างลงตัวที่ Mandarin’s House และจัตุรัสลีเลา

เอาล่ะ ได้เวลาตะลุยเมืองมาเก๊ากันแล้ว เราเริ่มทริปด้วยย่านที่รวมความเป็นจีนและโปรตุเกสในวันวานของดินแดนนี้ไว้ในหนึ่งเดียวจนได้รับการยกย่องให้เป็นส่วนหนึ่งของ ‘ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของมาเก๊า’ สถานที่แรกคือ Mandarin’s House คฤหาสน์โบราณซึ่งสร้างขึ้นในปี 1869 และเคยเป็นที่อยู่ของครอบครัวนักประพันธ์จีนผู้โด่งดังในสมัยปลายราชวงศ์ชิง เจิ้งกวนยิง โดยหนังสือของเขา Words of Warning in Times of Prosperity ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิรูปการปกครอง มีอิทธิพลต่อผู้นำจีนหลายยุคทั้งจักรพรรดิกวางซู่ ดร.ซุน ยัตเซ็น และเหมา เจ๋อตง

ช่วงทศวรรษ 1950-1960 ทายาทของเจิ้งได้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านหลังใหญ่นี้จึงแปรสภาพเป็นพื้นที่แบ่งเช่าที่มีผู้เช่ากว่า 300 คนพักอาศัยรวมกันอย่างหนาแน่นและไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดีจนเกิดความเสียหายต่อโครงสร้างสถาปัตยกรรม กระทั่งกรรมสิทธิ์ได้โอนมายังรัฐบาลมาเก๊า Mandarin’s House จึงได้รับการบูรณะตั้งแต่ปี 2002 จนแล้วเสร็จภายในเวลา 8 ปี

บรรยากาศภายในคฤหาสน์เงียบสงบต่างจากโลกภายนอกที่จอแจ แต่ละย่างก้าวผ่านตัวเรือน ลานบ้าน และห้องหับต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อถึงกันกว่า 60 ห้องบนพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร เสมือนได้ย้อนเวลากลับไปยังอดีต แม้ไม่ได้มีสีสันสดใสดังเช่นยุครุ่งโรจน์ แต่ก็ยังเห็นร่องรอยสถาปัตยกรรมจีนที่ผสานกลิ่นอายการตกแต่งแบบตะวันตกและวัฒนธรรมเอเชียอื่น เช่น การสลักลวดลายปูนเพื่อตกแต่งโค้งประตูและหน้าต่าง หรือใช้แผงหน้าต่างกรุมุกซึ่งเป็นที่นิยมในอินเดีย และอย่าลืมตามหาฉากกั้นไม้แกะสลักที่สวยที่สุดของที่นี่กันด้วยล่ะ

ออกจาก Mandarin’s House มาบน Rua da Barra ถนนเส้นหลักที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กัน ก็เจออีกหนึ่งสถานที่อย่างจัตุรัสลีเลา (Lilau Square) ซึ่งในอดีตเคยเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ และด้วยไวบ์ที่คล้ายคลึงกับแถบเมดิเตอร์เรเนียน จึงเป็นย่านแรก ๆ ในมาเก๊าที่ชาวโปรตุเกสย้ายมาตั้งรกรากและอยู่อาศัย นั่งพักจิบกาแฟภายใต้ร่มไม้อันร่มรื่น ฟังคนท้องถิ่นจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างออกรส พร้อมชมอาคารเก่าทรงโคโลเนียลที่ยังคงมนต์ขลังเหนือกาลเวลารอบ ๆ บริเวณลาน ก็ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมิใช่น้อย

ยลทัศนียภาพสุดตระการตาของมาเก๊าบนเนิน Penha Hill

หลังจากนั้นเราเดินทางต่อไปที่ Penha Hill เมื่อขึ้นถึงยอดเนิน สิ่งแรกที่ได้เห็นคือภาพอันน่าตื่นตาของหอคอยมาเก๊า สะพานข้ามจากฝั่งคาบสมุทรมาเก๊าไปยังไทปา และผืนน้ำที่กว้างใหญ่ของทะเลสาบ Sai Van และท้องทะเล โชคไม่ดีที่ช่วงเวลาที่เราไป สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยนัก แต่ขนาดท้องฟ้าขมุกขมัว ยังรู้สึกประทับใจ ถ้ามาช่วงอากาศดี แสงแดดส่องประกาย จินตนาการได้เลยว่าจะต้องเป็นภาพที่ฟินแน่ ๆ

Penha Hill ยังมีอีกหนึ่งมุมที่เห็นตึกโรงแรม Grand Lisboa Macau ตั้งตระหง่านเป็นสง่าท่ามกลางอาคารเก่าอาคารใหม่ที่ตั้งเรียงรายสลับความสูงต่ำลดหลั่นกันไป และหันหน้าออกสู่ทะเลสาบ Nam Van ให้ความรู้สึกใหม่ในการเฝ้ามองเมืองมาเก๊าจากมุมสูง

หันหลังกลับมาคือโบสถ์ Our Lady of Penha Church ที่สร้างขึ้นในปี 1622 โดยผู้ที่หนีรอดจากการถูกจับกุมจากชาวดัตช์ที่บุกมาเก๊าในปีดังกล่าว ต่อมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ในการคุ้มครองกะลาสีเรือและชาวประมงให้แคล้วคลาดปลอดภัยยามเดินทางในทะเล ปัจจุบันสถานที่นี้เป็นที่นิยมในการถ่ายภาพแต่งงานของเหล่าคู่รัก แต่น่าเสียดายที่เรามาเย็นเกินเวลาโบสถ์ปิด เลยไม่ได้ชื่นชมความงดงามด้านใน

ถ่ายรูปจนพอใจแล้ว แนะนำให้อยู่สัมผัสทัศนียภาพทุกมุมบนยอดเนินแห่งนี้ด้วยตาเนื้อ ไม่ผ่านเลนส์กล้องอีกสักพัก เพี่อบันทึกภาพสุดมหัศจรรย์นี้ให้ชัดในความทรงจำ

ชมบ้านเก่าและแวะกินสตรีทฟู้ดมาเก๊ายอดนิยมในย่านไทปา

กลับจากฝั่งคาบสมุทรมายังไทปา โดยเราเริ่มสำรวจย่านนี้ด้วย Taipa Houses Museum กลุ่มบ้านเก่าอนุรักษ์ที่ตั้งเรียงกัน 5 หลัง โดยมีหนึ่งหลังแสดงให้เห็นภาพว่าครอบครัวข้าราชการระดับสูงของเกาะที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านสไตล์โปรตุเกสเหล่านี้ตั้งแต่ปี 1921 มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ผ่านเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้ในห้องต่าง ๆ เช่น ห้องทำงาน ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร ห้องนอน และห้องน้ำ ส่วนหลังอื่น ๆ ดัดแปลงไปตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ กัน เช่น พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการและร้านขายของที่ระลึก

หลังจากนั้นเราเดินไป Taipa Food Street เบี่ยงตัวหลบคนและรถบนถนนที่พลุกพล่านอยู่สักพัก ก็มาถึงร้าน Lord Stow’s Bakery เพื่อมาชิมทาร์ตไข่ที่ใฝ่ฝัน ที่นี่เขาเคลมว่าเป็น ‘Creator of Egg Tart, now famous throughout Asia’ ตัวแป้งของทาร์ตมีความกรอบ ร่วนแต่ไม่ร่วง รสชาติเข้ากันลงตัวกับไส้ไข่ที่ไม่คาวและไม่หวานเลี่ยน อร่อยประทับใจ! ขนมอีกชนิดคือเซร์ราดูร่า (Serradura) ของร้าน Mok Yi Kei หรือที่เรียกอีกชื่อว่า พุดดิ้งขี้เลื่อย (Sawdust Pudding) ให้ความรู้สึกเหมือนกินไอศกรีมรสหวานนวล ๆ ผสมผงบิสกิต

เราฝากท้องมื้อเย็นที่ร้าน Sei Kee Café พอร์กช็อปบันของที่นี่ชิ้นใหญ่จุใจ หมูทอดและไข่จัดเต็ม รสชาติพอดี อิ่มท้องแน่นอน แต่ถ้าไม่ได้ตั้งใจมากินอะไรที่นี่ก็ไม่เป็นไร เพราะแค่เดินเล่นชิล ๆ ก็ใจฟูแล้ว

ส่งท้ายทริปที่จัตุรัสเซนาโดและช้อปปิ้งในห้าง NY8 New Yaohan

จบมื้อเช้าวันที่สาม เรารีบไปเก็บแลนด์มาร์กมหาชนอย่างจัตุรัสเซนาโด (Senado Square) ที่ถูกโอบล้อมด้วยอาคารสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิกสีพาสเทลสวยงาม อีกหนึ่งมรดกโลกของมาเก๊าที่เราขอเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง จากนั้นเดินผ่านจัตุรัสขึ้นเนินไปเรื่อย ๆ เพื่อเยี่ยมชมซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลอันเลื่องชื่อ แต่หากมีเวลาเหลือ เราแนะนำให้ข้ามไปฝั่งตรงข้ามของจัตุรัสเซนาโด แล้วเข้าไปในอาคารที่ว่าการสภาเทศบาล (Instituto para os Assuntos Municipais) เพื่อชมสวนดอกไม้เล็ก ๆ และกระเบื้องเคลือบสไตล์โปรตุเกสอันเป็นเอกลักษณ์

ก่อนกลับไทย เราขอช้อปปิ้งส่งท้ายที่ห้าง NY8 New Yaohan ใน Grand Lisboa Palace Macau ซึ่งมีสินค้าหลัก ๆ ถึง 4 หมวดหมู่ด้วยกัน ได้แก่ แฟชันและไลฟ์สไตล์ ของตกแต่งบ้าน สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ดิจิทัล และซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีอาหาร เครื่องดื่ม ของสด

และขนมจากนานาประเทศ รวมถึงของฝากจากมาเก๊าอย่าง Phoenix Rolls หรือขนมไข่ม้วน และกระเพาะปลา

ใครที่กำลังมองหาเมืองใหม่ ๆ สำหรับท่องเที่ยวและยังไม่เคยไปมาเก๊ามาก่อน เราขอชวนให้ลองมาสร้างประสบการณ์ครั้งแรกในเมืองแห่งนี้ไปด้วยกันกับเรา ส่วนใครที่กำลังจะไปซ้ำ ก็สามารถพลิกแพลงแพลนของเราไปสำรวจมาเก๊ามุมมองใหม่ได้เช่นกัน เพราะที่นี่มีความน่าค้นหาอีกมากมายให้คุณสนุกและอิ่มเอมใจได้ในทุก ๆ ครั้งที่ไปเยือน

AUTHOR