บ่ายโมงตรงวันศุกร์ เรากำลังยืนอยู่บนถนนสายราตรีของกรุงเทพ เท้าจ่อลงหน้าสตูดิโอที่มีรูปหัวกะโหลกขาวซีดแปะเป็นสัญลักษณ์กลางหน้าต่าง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เสียงจอแจภายนอกก็สงัดงันทันทีอย่างกับอยู่คนละโลก
RCA ย่านรวมคลื่นคนเมืองนับร้อยถูกแฝงด้วยอีกคลื่นหนึ่งที่คนไม่อาจมองเห็น และคลื่นนั้นมีชื่อว่า ‘The Ghost Radio’
“รู้เปล่า ห้องนี้มีผีนะ”
แหม่! ช่างเป็นคำทักทายที่แจ่มใสจริงๆ
“ไม่แน่ใจนะว่าเขาเจออะไรกัน แต่สตูดิโอฝั่งตรงข้ามนี่เราได้ยินมากับหูเลย มีช่างสองคนมารีโนเวทห้อง ตอนที่ช่างคนหนึ่งกำลังปีนบันไดเพื่อรื้อฝ้าเปลี่ยนสายไฟใหม่ จะมีช่างอีกคนหนึ่งคอยส่งสายไฟให้ ไอ้คนที่ปีนบันไดอยู่ต้องเอาหัวเข้าไปอยู่ใต้ฝ้า”
“เขาก็ตะโกนลงมา เฮ้ย! ส่งสายไฟให้หน่อย สายไฟก็เลื่อนปรู๊ดปร๊าด แค่แวบเดียวเองนะที่เขาเปลี่ยน แล้วก็มองลงมาจากบันได กลายเป็นว่าอีกฝั่งหนึ่งไม่มีใครอยู่เลย เพราะช่างอีกคนเขาไปซื้อกาแฟ เท่านั้นแหละ วิ่งตาตื่นเลย แล้วก็มาขอลาออก”
เสียงเล่าออกอากาศที่คุ้นเคย ท่าทางออกไม้ออกมืออย่างหวาดผวาทำให้คนเกิดภาพจำว่าหากอยากรู้เรื่องเร้นลับ ในลิสต์รายชื่อต้องมีเขาเป็นหนึ่งในนั้นแน่ และเขาคือ ‘แจ็ค – วัชรพล ฝึกใจดี’ หรือ ‘แจ็ค เดอะโกสต์’

เราเริ่มชวนคุยถึงคอมมิวนิตีที่ไวรัลในโลกโซเชียล เห็นว่ามีคู่รักพากันไปออกเดตนั่งฟังเรื่องสยองขวัญแบบสดๆ ถึงอยากรู้จุดเกิดไอเดียและที่มาที่ไป หากถามกันก่อนว่าโรแมนติกอย่างไร ขอเดาว่าคงเป็นตอนขนลุกขนพองแล้วกอดกันกลม
ผู้เป็นเจ้าของหัวเราะส่ายหน้า “จะเรียกเป็นที่เดตก็ได้ คือถ้าตกกลางคืนไม่รู้จะไปไหนก็มาเดตนั่งฟังเรื่องผีกัน เพราะก่อนหน้านี้มีชายหญิงคู่หนึ่งเขามานั่งฟังกันจนเช้าเลย”
แจ็คอธิบายต่อ “เดิมทีเราตั้งใจเปิดเป็นร้านกาแฟ ก็คุยกับทีมงานว่าจะมีคนมากินไหมถ้าเปิดจนถึงเที่ยงคืน แต่ปรากฏว่าคนเต็มร้านเลย หลังจากนั้นเราก็เลยมาคิดว่ามันต่อยอดไปไหนได้อีก บังเอิญไปเห็นโมเดลหนึ่งของน้องๆ กลุ่มไอดอล เวลาเขานั่งจัดรายการจะมีแฟนคลับไปดูหน้าห้องออกอากาศ เราเลยจุดประกายอยากทำห้องให้เป็นเหมือนตู้ปลา เอาเก้าอี้สนามมากาง ไม่รู้หรอกว่าจะมีคนมาฟังหรือเปล่า แต่อยากลองทำ กลายเป็นว่าคนมากันเต็มเลยทุกเสาร์อาทิตย์”
ขอบอกก่อนว่าตอนนี้ The Ghost House ยังไม่เปิดให้บริการ เพราะกำลังดำเนินขั้นตอนรีโนเวท อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยกว่าจะเจอช่าง (จิตแข็ง) ไม่ใช่! กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ต่างหาก
เย็นวาบทั่วสันหลัง
คิดว่าทำไมคนไทยถึงสนใจเรื่องผี
“เราว่ามันมีมาตั้งแต่สมัยอดีตแล้ว อย่างขบวนการลูกนกฮูก วิทยุที่เกี่ยวกับผี รายการไนน์ตี้ช็อค เดอะช็อคก็อยู่ยงคงกระพันมาเรื่อยๆ คนไทยจะมีความผูกพันเรื่องผี เพราะเรานับถือศาสนาผีกันมาก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตวันนี้มองไปทางไหนก็มีผี ศาลพระภูมิที่ไหว้ก็เป็นผี แต่เป็นผีชั้นสูง การจะขอโชคขอลาภไม่ค่อยขอกับพระหรอก ขอกับผี ยิ่งในข่าวเราก็จะเห็นว่าหลายช่องนำเสนอข่าวลี้ลับกัน”
แต่ปรมาจารย์สายลี้ลับคนนี้กลับไม่เคยเจอผีเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาเล่าทุกวี่วันถึงประสบการณ์โคตรหลอนที่ได้สัมผัสมา แจ็คว่าอาจเพราะถูกปลูกฝังเรื่องเหนือธรรมชาติและบาปกรรมมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เกิดเป็นความผูกพันกลายมาเป็นผู้ส่งต่อสายระหว่างโลกคนเป็นกับดวงวิญญาณ แจ็คจะมีก็แต่ความกลัวผีจนขึ้นสมองเท่านั้น

เคยถูกสวนกระแสความเชื่อบ้างไหม
“ช่วงแรกที่ทำรายการวิทยุ เราโดนมาทุกรูปแบบ คนที่เขาไม่เข้าใจว่ารายการผีฟังไปเพื่ออะไร หลอกคนดูไปวันๆ หากินกับผี หากินกับคนตาย แต่สุดท้ายเราก็ต้องพิสูจน์ให้คนเห็นว่าเรื่องผีไม่ใช่เรื่องลวงโลก ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ มันมีอะไรสอดแทรกเข้าไปบ้าง จนทุกวันนี้ได้ถูกยอมรับทางโลกโซเชียลที่คนเข้ามาฟังเยอะขึ้น เปิดกว้างมากขึ้น”
“กับเดอะโกสต์เรดิโอนี่เราทดลองหลายอย่างมาก รายการผีสมัยก่อนถูกตีกรอบให้เริ่มตอนดึกๆ ไม่ใช่หัวค่ำ แต่เราลองเปลี่ยนเวลาดู อย่างถ้าเริ่มเที่ยงคืนจบตีสามก็จะมีคนมาบอกว่าเวลาน้อยเกินไป ขยายเวลาหน่อย เราก็ปรับเป็นสี่ทุ่มถึงตีสาม เขาก็ยังบอกกันอีกว่าเวลาน้อย งั้นเราเริ่มตั้งแต่สี่ทุ่มเลย จะจบตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน นั่งจัดรายการจนหกโมง เจ็ดโมง เคยดันไปถึงเก้าโมงเช้า คนก็ยังอยู่กับเรา กลายเป็นเราสร้างคอนเซปต์ที่เป็นปรากฏการณ์ขึ้นมา เป็นรายการที่จับทางยากว่าจะมาแนวไหน จบตอนไหน”
และทุกสายโทรเข้าของเดอะโกสต์ได้รับการคัดกรองมาอย่างดีแล้ว ผันเปลี่ยนจากที่ต้องแย่งกันโทรเข้ารายการเพื่อขอเพลงโปรด หมดยุคสัญญาณมือถือใครดีใครได้ เพราะเรื่องราวผีๆ ที่ได้ฟังตอนนี้ถูกสกรีนทั้งจากทีมงานและผู้ดำเนินรายการ แต่มาตรฐานแบบไหนที่จะทำถึง ต้องไปฟังจากปากเจ้าตัว
มีมาตรฐานในการคัดเรื่องเล่าอย่างไร
“เราฟังแล้วชอบก่อน ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะชอบหรอก แต่เราแค่คิดว่ามันต้องมีสักคนแหละที่ชอบเหมือนกัน คนเห็นต่างก็มี แต่อย่าลืมว่าเราทำรายการให้คนที่อยากฟังเรา บางคนอาจจะเข้ามาเพราะอยากรู้ว่าทำไมคนฟังรายการนี้เยอะจังเลย เข้ามาปุ๊บก็โดนตกปั๊บ”
“ต่อมาคือเรื่องน้ำเสียงนี่สำคัญมาก ตามด้วยวิธีการเล่า วิธีการพูด และโครงเรื่อง แค่มี 4 อย่างนี้เลย หรือมี 3 ใน 1 สิ่งนี้ก็ได้ เราเคยอยู่ในยุคสุ่มโทรเข้าวิทยุ ตอนนั้นพี่ป๋องก็ทดลองเหมือนกัน ใครโทรเข้ามารับเลย เราเจอผีแกงกะหรี่ไก่ ผีเคโรโระ ผีกินจุ้งก็เลยเปลี่ยนใหม่ ใช้วิธีการสกรีนเรื่อง ให้คนโทรมาฝากก่อน แล้วทีมงานจะติดต่อกลับไป ทุกวันนี้หลายรายการก็ใช้โมเดลนี้กันหมด เราจะให้เขาเล่ากับทีมงานรอบหนึ่งก่อน ปรับแก้กันไปมา จนกระทั่งได้ออกอากาศ”
แจ็คว่าเรื่องที่จะโดนใจเขามากที่สุดต้องเกี่ยวกับสถานที่ พิเศษใส่ไข่หน่อยคือป่าดง ไม่ใช่แค่จากใจเขา แต่จากผู้ฟังก็เช่นกัน “เราซาวด์เสียงมาว่าคนอื่นก็ชอบเรื่องเกี่ยวกับป่า เพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าไปกัน มันจะมีกฎกติกาบางอย่างด้วยที่ทำให้เราไม่อยากเข้าไป จะเข้าไปทำไมล่ะ เข้าไปแล้วตายแน่เลย ไม่ผีหลอกก็เสือกัดตาย”
ฝ่ามือเปียกเหงื่อ
ในทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะมีชายสวมแว่นอยู่เป็นเพื่อนบนหน้าจอ ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนไก่ร้องขัน เชื่อเลยว่าคนไทยมากกว่าครึ่งประเทศน่าจะเป็นแฟนรายการ หรือไม่ก็คงเคยได้ยินเสียงของเขาผ่านหูกันมาบ้าง ด้วยยอดดูถ่ายทอดสดทะลุกว่าสองแสนเป็นที่ประจักษ์แจ้ง
ทว่ากว่าจะมาถึงหลักแสนในวันนี้ ก็เคยมีวันที่ยืนระยะอยู่ในหลักหน่วยมาก่อน และ ‘แจ็ค เดอะโกสต์’ ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะดวง

แจ็คเล่าว่าเขาเข้าวงการดีเจได้เพราะคำชวนของ ‘ป๋อง – กพล ทองพลับ’ ผู้คอยผลักให้เขาไต่บันไดความมั่นใจในการพูด สั่งสมประสบการณ์ในรายการวิทยุกว่า 20 ปี จนกระทั่งถึงจุดหักเหที่ต้องเดินหันหลังออกมา ไม่แน่ใจว่าการพูดถึงช่วงเวลานั้นจะยังบีบหัวใจเขาอยู่หรือเปล่า
กลับมาอยู่ในอาชีพดีเจอีกครั้งได้อย่างไร
“พอไม่ได้ทำงานกับพี่ป๋อง เราก็เคว้งอยู่ 2 ปี” แจ็คผ่อนลมหายใจเบา “จนวันหนึ่งอยากทำรายการ ตอนนั้นก็รู้ว่าเว็บไซต์ออนไลน์กำลังมา เราไม่ต้องไปเช่าสถานี หรือวิทยุในการออกอากาศ แค่มีมิกเซอร์กับไมค์อย่างละตัวก็ออกอากาศออนไลน์ได้เลย ตอนนั้นเราตั้งชื่อเว็บไซต์ว่า Homestationradio.com ก็ได้รับความเมตตาจากพี่ที่รู้จักกันให้ยืมห้องเล็กๆ ท้ายบ้านเป็นห้องอัด”
“เริ่มแรกเราก็บอกเพื่อนๆ ทางเฟซบุ๊กว่าวันนี้เราจะกลับมาจัดรายการผีนะ มีใครอยากฟังไหม จำได้เลยว่าเริ่ม ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2558 เวลาเที่ยงคืนถึงตีสาม หลังจากโพสต์เสร็จก็มีเพื่อนมาคอมเมนต์ว่าอยากฟัง เดี๋ยวจะตามฟังนะ จนกระทั่งถึงวันนั้นจริงๆ เราก็ออกอากาศ ในเว็บไซต์จะบอกจำนวนคนฟังเหมือนทุกวันนี้เลย เริ่มมาจากหนึ่งคน สองคน จนสูงสุด 17 คน”
คนดูน้อยแล้วท้อไหม
แจ็คเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเงยหน้าตอบ “อืม เราทำวิทยุมาทั้งชีวิต แล้วก็ถูกปลูกฝังจากพี่ป๋องมาว่าการที่เราจะทำรายการ หรืออะไรก็แล้วแต่ ต่อให้วันนั้นจะมีคนดู หรือคนฟังแค่คนเดียว เขาก็คือแฟนรายการ เขาคือคนที่ตั้งใจเปิดมาฟังเรา เราแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ วันแรกมีคนดู 17 คนถามว่าน้อยไหม ส่วนตัวคิดว่าไม่น้อย เพราะตอนนั้นมันใหม่มาก สมัยก่อนการที่จะเข้ามาในเว็บไซต์เขาก็อาจจะไม่เก็ตเท่าไหร่ เรายังไปโพสต์เลยว่ามีคนมาฟังตั้ง 17 คน ดีใจมากเลย”
“ไม่เคยมีความรู้สึกท้อจนอยากเลิกทำรายการเหรอ” เราถามต่อ
คราวนี้แจ็คตอบในทันที “ไม่มี ต่อให้วันนั้นสปอนเซอร์ไม่เข้า หรือไม่มีคนฟัง เราก็ตั้งใจว่าเราจะทำ อย่าลืมว่าก่อนเดอะโกสต์เรดิโอจะเดินทางมาถึงทุกวันนี้ แรกๆ เราก็ไม่มีสปอนเซอร์ เราทำมาด้วยตัวเอง กว่าจะเริ่มมีคนฟัง เริ่มมีสปอนเซอร์ มันท้อไม่ได้ ถ้าวันนั้นเราท้อ วันนี้คงไม่มี”
“การจัดรายการมันต้องเริ่มจากความชอบ ความถนัดก่อน แล้วมันคือสิ่งเดียวที่เราอยู่กับมันมาเกือบ 20 ปี เราเกิดมาจากวิทยุรายการผี เกิดมาจากพี่ป๋อง แล้วเราก็สนุก ชอบที่ได้ฟังเรื่องผี เวลาฟังแล้วเหมือนได้ดูหนังผีที่น่าตื่นเต้นเลยรู้สึกว่าทำได้เรื่อยๆ ไม่มีเบื่อ ทุกวันนี้เราก็ยังเป็นอย่างนั้นนะครับ แบบเสาร์อาทิตย์นี้เราจะได้ฟังอะไร เรื่องผีมันไม่ซ้ำเดิม มีอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา” เดาว่าหากคุณติดตามรายการเดอะโกสต์ คงจะพยักหน้ารับว่าแจ็คยังดูสนุก เห็นได้จากบรรยากาศถ่ายทอดสดในห้องอัดที่ยังส่งพลังความบันเทิงปนสยอง แม้เขาจะเดินสายอาชีพดีเจแห่งรายการผีมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
แล้วอุปสรรคของการเป็นดีเจสำหรับแจ็คคืออะไร
“สมาธิ!” แจ็คยิงคำตอบรวดเร็ว
“เมื่อมีคนเข้ามาคอมเมนต์ด่าแล้วเราเสียสมาธิไปกับมัน ทุกอย่างจบเลย จะรวนไปหมด นั่นคืออุปสรรคที่นักจัดรายการทุกคนต้องเจอไม่ใช่แค่รายการผี คุณต้องคุมสติให้ได้ เราอย่าไขว้เขวตามเขา และพารายการดำเนินไปจนจบให้ได้”
“ถ้ามีคนเข้ามาเล่าแล้วเขาตื่นเต้น เราต้องประคองเขาให้เล่าเรื่องต่อ เราจะจับสัญญาณออกทันที เช่น เขาพูดไม่เว้นวรรคก็จะรู้ว่าเขาตื่นเต้น พยายามชวนคุยเรื่องอื่นให้เกิดความตลกโปกฮาก่อน สมัยก่อนจัดรายการผีต้องซีเรียส ห้ามหัวเราะ แต่เราคิดว่าก็สามารถคุยตลกกับเขาได้นะ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง เป็นอุปสรรคที่นักจัดรายการต้องเจอและต้องจัดการด้วยตัวเอง”
ลมวูบที่ต้นคอ
มองว่าความตายเป็นจุดจบหรือจุดเริ่มต้น
“โอโห!” แจ็คอ้าปากร้อง “อยู่ที่มุมมองว่าเราจะมองความตายแบบไหน ความตายมันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของผีและวิญญาณ หรืออาจจะเป็นจุดจบของคนที่คิดว่าไม่มีโลกหลังความตาย เราอยู่ตรงกลาง และคอยนำเสนอเรื่องของโลกหลังความตายมากกว่าว่าเฮ้ย! เขาว่ากันว่าถ้าคุณตายไปก็จะเป็นแบบนี้ ต้องเจออะไรแบบนี้ ตอนมีชีวิตอยู่ทำแบบนี้ ตอนตายไปก็ต้องเจออย่างที่เคยทำไว้ ทำดีจะได้อยู่ที่ที่ดี ทำไม่ดีก็ชดใช้กรรม มันอยู่ที่มุมมอง”

เรื่องผีทำให้คนฟังกลัวมากขึ้นหรือเชื่อเรื่องกรรมมากขึ้นกว่ากัน
“สมัยก่อนคนจะฟังเรื่องผีเอากลัว พ่อแม่เองก็ไม่อยากให้ลูกฟัง แต่ทุกวันนี้รายการผีเป็นรายการบันเทิง คือพ่อแม่จะแนะนำให้ลูกฟังเอง เราก็ถามทำไมถึงเปิดให้ลูกฟัง เขาบอกว่ารายการเดอะโกสต์เรดิโอของพี่แจ็คไม่ใช่แค่เรื่องผี แต่คือการสอดแทรกเรื่องบาปบุญคุณโทษและกฎแห่งกรรม ทุกครั้งที่จบเรื่อง พี่แจ็คจะเป็นคนสรุปเรื่องเป็นเหตุเป็นผล เพราะเขาสอนแล้วลูกแอบดื้อ หรือเอาธรรมะไปเปิดก็ไม่ค่อยฟัง แต่ถ้าเอารายการผีไปครอบเขาจะฟัง อย่างถ้าว่าพ่อว่าแม่ ตายไปแล้วจะเป็นเปรตนะ แล้วเด็กๆ ก็ชอบเรื่องลี้ลับ รายการเรา คือความบันเทิงสยองขวัญ แต่แฝงไปด้วยบาปบุญคุณโทษ”
เรางึมงัมในลำคอขณะฟัง ทำเอานึกย้อนไปตอนยังเด็กที่ทุกครั้งได้ฟังวิทยุธรรมะที่ตาจะหนักพอๆ กับอ่านตำราเรียน ต่างจากได้ฟังเรื่องกุ๊กกู๋แล้วตาจะโตเป็นไข่ห่าน ต่อให้ผสมกับศีลธรรมก็จำได้ขึ้นใจทีเดียว
นอกจากเรื่องบาปบุญแล้ว คิดว่าทำไมคนถึงควรกลัวผี
“เราว่าคนไม่ได้กลัวผี คนกลัวคนมากกว่า เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มาจากผีก็ส่วนหนึ่ง แต่คนทำให้เกิดความน่ากลัวที่สุด ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับการทำคุณไสย เราจะพูดเสมอว่าผลสุดท้าย คนน่ากลัวกว่าผี ผีมันแค่หลอก แต่คนฆ่าคนได้ โดยเฉพาะเรื่องการหาผลประโยชน์ พี่น้องทะเลาะกัน แอบทำร้ายกัน เราสอนให้คนกลัวคนมากกว่า”
“การฟังเรื่องผีนี่ทำให้คนมีสตินะ จะทำให้คนไม่ประมาท เพราะเรื่องผีส่วนมากที่เราฟังมักเกิดจากอุบัติเหตุ ตายไปเป็นผี ที่ที่คนบอกว่ามีทางสามแพร่ง ผีพรางตา แต่ไม่ใช่หรอก เกิดจากความประมาทของเราเอง หรือถ้าเรามีสติ เราจะไม่ฆ่าตัวตาย เราจะไม่ทำร้ายตัวเองและคนอื่น แต่ถ้าไม่มีสติแล้วเกิดผลอะไรตามมาก็ต้องรับมันให้ได้
“เราเคยเป็นคนที่ใจร้อน หัวร้อนมาก ถ้าใครเคยได้ยินชื่อแจ็ค สายสิญจน์ เราคือคนแบบนั้นแหละ แต่พอฟังเรื่องผีมากๆ ก็เริ่มทำให้เราใจเย็นลง ไม่อยากทำให้อะไรพังอีก เพราะเคยพังมาแล้ว อยากเป็นผู้ใหญ่และคิดรอบด้านมากขึ้น เกิดวันหนึ่งควบคุมสติไม่ได้ หรือใจร้อนขึ้นมาจนขับรถเร็วๆ แล้วประสบอุบัติเหตุ ครอบครัวเราจะอยู่ยังไง”
ขนลุกซู่
เดอะโกสต์เรดิโอให้บทเรียนอะไรบ้าง
“ตรงนี้ที่เราเห็นนี่แหละมั้ง เราเริ่มมาจากศูนย์เนอะ แต่ตอนนี้เรามีทีมงานที่ดี มีแฟนรายการกลุ่มใหญ่มโหฬาร มีนักเล่าที่เก่ง ชื่อเสียงเงินทองไม่ต้องไปมองมันเลย เป็นแค่โบนัสจากสิ่งที่เราทำมากกว่า 10 ปีกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้” แววตาของแจ็คสุกใสเมื่อเขาตอบคำถามนี้ ก่อนจะกวาดมองไปรอบห้องอย่างปลื้มปริ่ม เพราะระหว่างที่เราเดินผ่านชั้นตึกก็ได้มีโอกาสพบปะคนอีกหลายชีวิต พวกเขาต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของเดอะโกสต์เรดิโอ
แผนผังทีมงานของแจ็คเริ่มมาจากตัวเขา และรุ่นพี่ที่ช่วยสกรีนเรื่อง แจ็คยังคงจำได้ดีว่าเดอะโกสต์เริ่มออกเดินทาง ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2558 จนถึงตอนนี้ในปี 2568 แล้ว น่าชื่นใจแทนไม่น้อยเลย

แจ็คหันกลับมาพูดต่อ “ตอนนี้เรามีทีมงาน 50 คนแล้ว ฝ่ายครีเอทิฟจะสำคัญมาก เพราะเขาจะต่อยอดเรื่องเล่าว่าเอาไปทำอะไรต่อดี เรื่องนี้เอาไปเขียนให้คนอ่าน ทำเป็นหนังสั้น แอนิเมชัน และแผนกที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ คือแอนิเมชัน เรามี CG ของเราเอง เรื่องแรก คือ ‘กระสอบ’ ที่ปล่อยออกไปเมื่อหลายเดือนก่อน เรื่องสองกำลังตามมาชื่อ ‘ห้องสนิม’ คราวนี้จะไปอีกขั้นหนึ่งของแอนิเมชันเลย และเราก็เดินเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้วด้วยการเปิดค่ายหนังของตัวเอง จะเปิดกล้องประมาณเดือนหน้า”
การสร้างหนังสั้นและภาพยนตร์ใหญ่เป็นความทะเยอทะยานของแจ็คที่อยากจะพาตัวเอง และทีมงานไปไกลกว่านี้ เขาว่าหนังผีไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก ถ้าเราทำมันแบบจริงจัง แม้ไม่รู้ว่าคนจะชอบ หรือไม่ชอบ แต่เขาออกเดินทางแล้ว
ในยุคที่คนทำหนังผีกันเยอะ เรามีอะไรที่แหวกไปจากเขา
“อยู่ที่ตัวเราทั้งหมดว่าจะทำออกมายังไง เสน่ห์ของรายการผีสำหรับเรา นอกจากคนโทรมาเล่าแล้วก็คือผู้ดำเนินรายการ เราไม่ได้ทำเพื่อได้เงิน แต่ทำเพราะอิน แรกๆ สิ่งที่ยากเลย คือการหาเรื่องเล่านะ ต้องคอยประกาศหาว่าใครมีเรื่องผีมาเล่าบ้าง มาเล่ากับผมเถอะ กว่าจะได้เรื่องดีๆ ไม่ง่ายเลย แต่สมัยนี้ไม่ยากแล้ว”
มองปลายทางเดอะโกสต์เป็นอย่างไร
“ยังไม่คิดถึงปลายทางนะ เอาระหว่างทางก่อนว่าตอนนี้เราจะพาเดอะโกสต์ไปไหน เส้นทางหลักๆ คือเราจะพาเข้าสู่อุตสาหกรรมภาพยนตร์แน่นอน แต่การเล่าเรื่องผีก็ไม่ทิ้ง เพราะการจะทำหนังได้ รากฐานของเรื่องเล่าก็ต้องแข็งแรง มันคือสารตั้งต้นแรกที่ดี หลังจากนั้น คือพอเรื่องนั้นไวรัล เป็นที่พูดถึง ค่อยเอามาทำเป็นหนัง”
ในฐานะเจ้าพ่อเรื่องผีมีอะไรอยากฝากคนฟังไหม
“อยากเตือนให้มีสติ วันนี้คุณออกจากบ้านแล้วจะไปเจออะไรบ้างก็ไม่รู้ ถ้าเจอเรื่องดีก็ดีไป แต่เรื่องดีไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน มันอาจมีอะไรมาทำให้เราหัวเสีย อารมณ์ร้อน เรื่องร้ายอาจจะตามมา”
และอีกหนึ่งคำถามก่อนจากกันไป
ถ้าตายไปคิดว่าตัวเองจะเป็นผีแบบไหน
“จะเป็นผีขี้แกล้ง จะไปแกล้งคน เลื่อนเก้าอี้ เดินทะลุกำแพง แต่เราก็คิดนะว่าผีทำแบบนั้นได้จริงเหรอ ไม่แน่ใจว่าตายแล้วจะเป็นยังไง แต่คิดว่าคงสบายแหละ ไม่อย่างนั้นเขาคงกลับมากันหมดแล้ว” แจ็คหัวเราะลั่น
เวลาย่างเข้าบ่ายสามพอดี เราหมุนตัวขึ้นจากเก้าอี้ตามแจ็ค เสียงที่ไม่ได้ดังจากคลื่นวิทยุแทรกในอากาศ
“รู้ไหม บันไดชั้นล่างที่เพิ่งทุบไปก็มีเรื่องเล่านะ”
จำได้แค่ว่าเรามองต่ำตามบันไดสีเทาที่หากเดินลงไปจะเป็นชั้นลอย ไร้ซึ่งแสงไฟลอดเข้ามา มีแต่ความมืดทะมึนปกคลุม ดีเจตรงหน้าจะเล่าอะไรต่อไม่อาจทราบได้เพราะหูอื้อไปแล้ว จากปกติที่ว่า “พี่แจ็คคะ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้” เราต้องขอกล่าว “พี่แจ็คคะ ลาก่อนค่ะ” ก่อนที่ขนกายจะลามไปถึงเส้นผมและลุกชูชันแบบกู่ไม่กลับ
