‘ใครๆ ก็ชอบคนตลก’
นี่อาจไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริง คนตลกหรือมีอารมณ์ขัน มักดึงดูดให้คนอื่นอยากเข้าใกล้ มีการศึกษาวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าความตลกสามารถช่วยฟื้นสุขภาพกาย สุขภาพจิต แถมยังเพิ่มเสน่ห์ และช่วยพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำได้
เมื่อลองมองมาใกล้ตัว ไม่แปลกที่ ‘เพื่อนที่ตลก’ มักเป็นเหมือน ‘ศูนย์กลาง’ ของกลุ่มที่คนอื่นๆ มักไปโคจรใกล้ๆ ด้วยว่าอยู่ใกล้แล้วจะช่วยให้อารมณ์ดี อย่างที่ มาร์ก ทเวน (Mark Twain) นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกันเคยกล่าวไว้ว่า
“อารมณ์ขันเป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งที่ช่วยกอบกู้สถานการณ์ได้ เมื่อใดก็ตามที่อารมณ์ขันปรากฏขึ้น ความแข็งกร้าวของเราก็จะหายไป ความหงุดหงิดและความเคียดแค้นทั้งหมดก็จะหายไป และจิตใจที่สดใสก็เข้ามาแทนที่”
เราต่างก็มีเพื่อนเช่นนั้น คือ คนที่รู้สึกว่า ‘เฮ้ย ทำไมมึงตลกจังวะ’ ไม่ว่าจะตลกด้วยบุคลิกท่าทาง การปล่อยมุกถูกจังหวะ ไหวพริบในการพูด จนบางครั้งก็รู้สึกอิจฉา ในขณะที่เราเองไม่ใช่คนตลกธรรมชาติขนาดนั้น เผลอๆ อาจจะเป็น ‘ตลกกริบ’ ก็ได้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ความตลกเป็นทักษะชีวิตที่ทุกคนจำเป็นต้องมี แต่ไม่ใช่ทุกคนที่มีพรสวรรค์ในความตลก อย่างไรก็ตามไม่ต้องเสียใจไป เพราะแท้จริงแล้ว แม้เราจะไม่ใช่คนตลกตามธรรมชาติ แต่ ‘ทักษะ’ ความตลกนั้นสามารถฝึกฝนและพัฒนากันได้
แล้วเราจะฝึกความตลกของเราได้อย่างไร ลองเปิดใจแล้วเชิญมาพับกบ เอ้ย พบกับ คำแนะนำต่อไปนี้…
ผ่อนคลายไว้ก่อน พ่อสอนไว้
ความเครียดและเขินอายที่มากเกินไป เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและการสื่อสารความตลกตามธรรมชาติที่คนอื่นสามารถเข้าถึงได้ จำไว้ว่าเสียงหัวเราะก็เหมือนไวรัส มันสามารถแพร่กระจายได้ ดังนั้น หากเราสามารถแสดงออกอย่างเปิดเผยด้วยความสุขและเสียงหัวเราะจากตัวเองก่อน ผู้คนก็พร้อมที่จะขำเช่นกัน ลองพยายามยิ้มและหัวเราะให้มากขึ้นดูนะ

แชร์เรื่องน่าอายเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต
ทุกคนต่างก็มีความคิดเห็นและเหตุการณ์ในชีวิต ในหลายครั้ง ความคิดเห็นหรือเหตุการณ์เหล่านั้นอาจเป็นเรื่องขำสำหรับคนอื่นก็ได้ แม้บางครั้งอาจจะเป็นเรื่องราวที่ยากลำบากในชีวิตก็ตาม แต่คนที่ตลกโดยธรรมชาติมักเต็มใจที่จะแชร์เรื่องเหล่านั้น ลองสังเกตพี่ๆ นักแสดงตลกอาชีพดูก็จะเข้าใจได้ ว่าทำไมขนาดเขา ‘อำ’ เรื่องลำบากในชีวิตของตัวเอง แต่มันกลับกลายเป็นความตลกที่ได้ฟัง
แต่หากเราเป็นคนเครียดหรือขี้อายเกินไป การหาความตลกจากมุมมองในชีวิตก็อาจยุ่งยากหน่อย หากอยากพยายามฝึกฝน ลองเริ่มต้นด้วยการแชร์เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตที่ ‘น่าอาย’ ของตัวเองกับเพื่อนใกล้ชิดดูก็ได้ แต่ไม่ต้องถึงขนาดเป็นเรื่องทะลึ่งลามกจกเปรตเกินเหตุก็ได้ นั่นอาจจะเกินไปหน่อย

สังเกตความฮาจากเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน
นักแสดงตลกหรือคนที่ตลกส่วนใหญ่ มักเป็นคน ‘ช่างสังเกต’ เรื่องราวเล็กน้อยรอบตัว เพื่อเก็บไว้เป็นวัตถุดิบของความฮา เพราะการสังเกตคือกุญแจสำคัญของการสร้าง ‘ความประหลาดใจ’ อันเป็นบ่อเกิดของความฮาที่คนคาดไม่ถึง หากต้องการสร้างมุกตลกที่ไม่มีใครคาดคิด เราต้องตระหนักถึงโลกที่อยู่รอบตัว พยายามฝึกมองหาสิ่งต่างๆ ในชีวิตสามัญธรรมดาในแต่ละวัน ที่เต็มไปด้วยความไร้สาระ ความประหลาด ความประชดประชัน อย่างจริงจัง ซึ่งหากอยากสร้างหรือเพิ่มพลังในการสังเกตนี้ ลองทำวิธีง่ายๆ เช่น ทำสมาธิ ฝึกคิด เขียนไดอะรีบันทึก หรือมีบทสนทนายาวๆ กับเพื่อนสนิท

พบปะเพื่อนสุดฮาบ่อยๆ
มีคำกล่าวที่ว่าอยู่ใกล้คนที่มีพลังงานบวก เราก็จะได้พลังงานบวกไปด้วย เช่นกันที่ว่าเราทุกคนต่างมีเพื่อนสุดฮาประจำกลุ่ม การใช้เวลากับเพื่อนประเภทนี้บ่อยๆ จะทำให้เราได้สังเกตว่า อะไรกันแน่ที่ทำให้เขาเป็นคนตลกขนาดนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง ภาษากาย คำพูด ท่าทาง การมองเห็นสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราแยกได้ว่า เราจะฝึกความตลกได้อย่างไรเช่นกัน

เสพความฮาผ่านการดูตลก
วิธีสุดคลาสสิค ชิงร้อยชิงล้าน, ก็มาดิคร้าบ, buff talk และอื่นๆ เหล่านี้คือ ‘ครู’ ของความตลกได้ทั้งสิ้น ยิ่งในปัจจุบันที่มีช่องให้ติดตามมากมาย ซึ่งรูปแบบความตลกของแต่ละรายการ หรือแต่ละคนก็จะมีเสน่ห์ต่างกันไป บ้างเป็นตลกหน้าตาย บ้างเป็นตลกสนทนา บ้างเป็นตลกก๊อบปี้ หรือบ้างเป็นตลกประชดประชัน ลองเลือกความฮาที่เหมาะกับบุคลิกของเราดู เพื่อให้เกิดการซึมซับความตลกอย่างเป็นธรรมชาติจากครูเหล่านั้น

อย่างที่บอกไปว่าความตลกนั้นช่วยสุขภาพจิต ช่วยสุขภาพกาย และช่วยโลกได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่คนตลกธรรมชาติ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าทุกอย่างมันออกมาจากธรรมชาติ ยังไงมันก็ตลก
ถึงแม้มันจะเป็นตลกแป้กก็ตาม