‘คิวแน่นขนาดนี้ กินมาม่าที่หอไปก่อนละกัน’ ทำยังไงดี ร้านเปิดใหม่ใจอยากลอง แต่เจอสงครามแย่งคิวจนเลี้ยวกลับแทบไม่ทัน

‘คิวแน่นขนาดนี้ กินมาม่าที่หอไปก่อนละกัน’ ทำยังไงดี ร้านเปิดใหม่ใจอยากลอง แต่เจอสงครามแย่งคิวจนเลี้ยวกลับแทบไม่ทัน

‘พรุ่งนี้เตรียมพบกับร้านซูชิเจ้าดังจากญี่ปุ่นมาเปิดสาขาแรกในกรุงเทพ’

พลันที่โซเชียลต้นทางซึ่งเป็นเพจออฟฟิเชียลของร้านดังกล่าวโพสต์ คนก็เข้าไปกดไลก์ กดหัวใจ คอมเมนต์ และแชร์มาหน้าฟีดรัวๆ ด้วยความตื่นเต้นว่าจะได้กินร้านนี้ที่ไทยโดยไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปกินที่ญี่ปุ่นแล้ว

แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมา คือ ‘The Hunger Game’ หรือสงครามการแย่งชิงคิวของผู้ที่ต้องการได้เช็กอินเป็นคนแรกๆ ตั้งแต่ร้านเปิด เราจึงเห็นปรากฏการณ์เวลาที่มีร้านดังมาเปิดในไทย หรือร้านใหม่ๆ ที่น่าสนใจ มีคนไปรอต่อคิวจนแน่นขนัดในช่วงแรกที่ให้บริการ จนทำให้ระบบร้านวันแรกต้องปั่นป่วนกันเลยทีเดียว

บางร้านที่ดังมากๆ ไม่ได้มีคนไปรอต่อคิวจนล้นแค่สองสามวัน แต่ลากยาวไปเป็นสัปดาห์ เป็นเดือนเลยก็มี เรียกว่ากระแสไม่ตกลงง่ายๆ ใจคอพี่จะไม่แบ่งลูกค้าให้ร้านอื่นกันเลยหรือไง

แน่นอนว่าเมื่อมีผู้ชนะ ก็ย่อมมีผู้แพ้ มีคนที่ได้กิน ก็ต้องมีคนที่ไม่ชนะในเกมแห่งความไวนี้ จนอาจพาลทำให้รู้สึกหงุดหงิด เซ็ง ผิดหวัง ไปจนถึงอาการทางจิตวิทยาอย่างความกลัวที่จะพลาดเหตุการณ์สำคัญ หรือประสบการณ์บางอย่างที่คนอื่นได้รับ (FOMO) 

แต่แท้จริงแล้ว มาช้ายังดีกว่าไม่มา บางครั้งหากอยากกินร้านเปิดใหม่ แต่ไม่ได้อยากเจอคลื่นคนในช่วงแรกของการเปิดร้าน ทว่าก็กลัวว่าถ้าพลาดการเช็กอินร้านใหม่เป็นคนแรกๆ แล้วจะเฟล เป็นแบบนี้แล้วจะทำยังไงดี?

เอาน่า เดี๋ยวกระแสก็ผ่านไป

เข้าใจได้ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่อมีร้านดัง ร้านน่าสนใจ ร้านจากต่างประเทศมาเปิดใหม่แล้วมีคลื่นมนุษย์แห่กันไป ก็อาจทำให้รู้สึกเหมือนเรากำลัง ‘พลาด’ อะไรบางอย่าง หรือ ‘ตกขบวน’ แต่หากลองดึงสติสักนิด สิ่งที่คนแห่กันไปอาจเป็นแค่ ‘กระแส’ และ ‘ความใหม่’ เท่านั้น ลองถามตัวเองว่าอยากรีบไปแล้วเครียดที่ต้องไปสู้กับคนอื่น หรือรอให้คิวน้อยลง แล้วได้ประสบการณ์ที่ดีกว่า เพราะความวุ่นวายน่ะแค่ชั่วคราว รออีกหน่อยแล้วไปกินแบบสบายๆ จะดีกว่าไหม 

เปลี่ยนความคิดเป็นการตั้งตารอ

การต้องไปต่อสู้กับฝูงชนเพื่อแย่งคิวในช่วงแรกเป็นสิ่งน่าหงุดหงิด เพราะเราไม่สามารถรู้ได้ว่าเราจะได้คิวไหม หรือไปแล้วต้องตีรถกลับฟรีเพราะคิวเต็ม หรือแม้จะได้คิว แต่ก็ต้องไปเจอความวุ่นวายที่ควบคุมไม่ได้ในร้านอีก ทั้งลูกค้าคนอื่นๆ ที่ต่างก็ตื่นเต้น หรือระบบร้านที่อาจยังไม่เข้าที่เข้าทาง ลองปรับความคิดว่า แทนที่จะไปลุยสงครามตั้งแต่แรก ลองเลือกที่จะ ‘ตั้งใจรอ’ จะช่วยให้รู้สึกว่าเรา ‘ควบคุมสถานการณ์ได้’ และเปลี่ยนให้มันเป็น ‘ของขวัญ’ ให้ตัวเอง เช่น กาปฏิทินรอว่าสิ้นเดือนเงินเดือนออกค่อยไปลุยพร้อมกับเพื่อนดีกว่า การลองทำแบบนี้จะทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้กำลังพลาด แต่กำลังเลือกอย่างชาญฉลาดต่างหาก!

ฮิตนักใช่ไหม ไปร้านอื่นก็ได้

หากใครติดอินดีและหมั่นไส้ว่าแหม ร้านนั้นเปิดใหม่คนแห่ไปเต็มเลย ลองเปลี่ยนเป้าหมายหันไปหา ‘ร้านลับๆ’ ที่ยังไม่เป็นกระแส แต่ดูน่าอร่อยและน่านั่งไม่แพ้กันก็เป็นทางที่น่าสนใจ ลองหาในกลุ่มเพจของกิน เดินสำรวจเอง หรือหาร้านใกล้เคียงแถวนั้นดูก็ได้ เพราะในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังไปต่อคิว เราอาจได้ค้นพบร้านแรร์ที่ยังไม่มีใครเจอก็ได้

ปล่อยไปก่อน เตี่ยสอนไว้

จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะรู้สึกเฟล หรือเซ็งที่ไม่สามารถไฟต์จนได้คิวมา จนเหมือนต้อง ‘หลุด’ จากเทรนด์ แต่สิ่งสำคัญ คือต้อง ‘ยอมรับ’ ความคิดนั้นและไม่ปล่อยให้มันมาควบคุมเรา เพราะมันเป็นเพียงแค่อาการ FOMO ของการกลัวพลาดกระแสเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริง และความรู้สึกนี้จะผ่านไป หรือลองใช้ช่วงเวลานี้หันมาดูแลใจตัวเองก็ยังได้ เช่น ไปแวะร้านคาเฟ่ที่ชอบ ฟังเพลง หรือพอดแคสต์ที่ชอบ หรือลองเข้าร้านใหม่แบบโนแพลนก็น่าสนใจ คือเอาเวลาที่จะต้องเสียไปกับการสู้กับฝูงชนมาดูแลตัวเองดีกว่า

หาจังหวะที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

ทุกคนมีจังหวะของตัวเอง ไม่ต้องรีบร้อน ลองวางแผนให้ไปในจังหวะที่เหมาะกับเราเอง ไม่ใช่จังหวะที่ ‘คนอื่น’ พาไป แม้จะไม่ได้ไปเช็กอินตั้งแต่วันแรก แต่ลองหาวันที่คนน้อยๆ เช่นวันธรรมดา หรือช่วงเวลาที่คนน่าจะน้อยดูก็ได้ บางร้านมีระบบให้จองคิวล่วงหน้า ก็ลองจองทิ้งไว้นานๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงแรกหรอก นี่คือแนวคิดที่ว่า เราไม่ได้มาช้า แต่เราแค่เลือกเวลาที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

ร้านใหม่ที่น่าสนใจ ใครๆ ก็อยากเป็นคนแรกที่ได้มีประสบการณ์ แต่หากต้องแลกมาด้วยการเสียสุขภาพจิตเพียงเพราะคนเยอะจน ‘พลาดการเช็กอินตั้งแต่แรก’ ก็หาใช่เรื่องไม่ สุดท้ายแล้ว ร้านก็ยังอยู่ที่เดิม ไว้รอจังหวะที่กระแสเริ่มซาแล้วค่อยไปก็คงไม่มีใครว่า 

แต่เอาเข้าจริง เรื่องแบบนี้ก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะมีความใจสู้มากกว่ากัน เอาเป็นว่าใครใคร่สู้ สู้ ใครใคร่รอ รอ ก็แล้วกัน

AUTHOR

ILLUSTRATOR

Banana blah blah

Banana blah blah กล้วยค่ะ เป็นนักวาดภาพประกอบอิสระบางวันจับเม้าส์ปากกา บางวันจับลูกกลิ้งทำภาพพิมพ์ลิโนคัท เชื่อว่าศิลปะจะเป็นประตูเพื่อนำพาทั้งผู้วาดและผู้ชมให้เข้าใจตนเอง