In my bag
โทรศัพท์ กระเป๋าสตางค์ แว่นตากรองแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ สมุดแพลนเนอร์ แล้วก็ ‘ยาดม’
มีใครเป็นแบบนี้บ้าง?
ไม่ว่าจะเปลี่ยนกระเป๋า จะย้ายโต๊ะทำงาน หรือจะเดินไปข้างนอก ก็ต้องถือ ‘ยาดม’ ไปด้วยทุกที่ แต่เดิมยาดมเคยเป็นของคู่ใจผู้สูงอายุ แล้วทำไมในตอนนี้ ‘ยาดม’ ถึงได้เป็นของขาดไม่ได้ในชีวิต Gen Z?
หลายคนอาจบอกว่าเพราะ ‘ลิซ่า’ วง Blackpink เป็นอินฟลูเอนเซอร์แบบ ‘โนสปอน’ ให้กับ ‘ยาดมหงษ์ไทย’ ซึ่งต้องบอกว่า ‘ใช่’
แต่ในความจริงแล้ว มันมีมากกว่านั้น
วันนี้เราจะมาดูเรื่องราวของ ‘ยาดม’ ไทย และการที่ ‘ยาดมหงษ์ไทย’ ยืนหนึ่งตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ต้นกำเนิดของยาดม: สมุนไพรไทย
ต้องเล่าก่อนว่าตามหลักแพทย์แผนไทย สมุนไพรธรรมชาติมีสรรพคุณในการรักษาหลากหลาย วิธีการใช้จึงแตกต่างกันไป
เพราะเมืองไทยอากาศร้อนและมีอุณหภูมิสูงเกือบทั้งปี ยาแผนไทยหลายตำรับจึงช่วยคลายร้อนและเพิ่มความเย็นสบายให้กับร่างกาย เช่น ยาหอมจากวัดโพธิ์ ทำจากสมุนไพรที่ช่วยเรื่องอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ตามัว ก่อนทานต้องละลายในน้ำอุ่น หรือน้ำดอกไม้เทศแบบโบราณ
ยาดมส่วนใหญ่ก็มีส่วนผสมคล้ายกับยาสมุนไพรที่ช่วยให้ร่างกายและความรู้สึกเย็นลง จึงได้อยู่ในวิถีชีวิตคนไทยมาโดยตลอด
แต่กลับมาฮิตกันอีกครั้งก็ตอนที่ ‘ยาดมส้มโอมือ’ เป็นของคู่ใจคนหลากหลายช่วงวัยในยุค 90 และในเวลาใกล้ๆ กัน ชาวออฟฟิศน้อยใหญ่ก็วางพิมเสนน้ำไว้หน้าคอมพิวเตอร์ เพราะต้องเผชิญกับอาการปวดศีรษะ หรือเหนื่อยล้าระหว่างการทำงานอยู่ตลอด
‘ยาดม’ ติดอันดับของคู่ใจคนไทยอีกครั้ง แล้วยาดมหงษ์ไทยเข้ามาอยู่ในกระแสความนิยมตอนไหน?
ยาดมที่เกิดจากการล้มแล้วลุก

ถ้าพูดถึง ‘ยาดมหงษ์ไทย’ คงไม่พูดถึง ‘ความพยายามไม่ลดละ’ ของผู้ก่อตั้งแบรนด์ไม่ได้
ผู้ก่อตั้งแบรนด์ทำงานมาหลายอย่าง ก่อนเริ่มผลิต ‘ยาดมหงษ์ไทย’ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ‘พิมเสนน้ำ’ ซึ่งเป็นที่นิยมในตอนนั้น
ยาดมสมุนไพรกระปุกกลมแบบที่วางขายในปัจจุบัน ใช้เวลาในการคิดค้นและพัฒนาสูตรเกือบ 20 ปีเต็มกว่าจะออกมาเป็น ‘ยาดมหงษ์ไทย’ ที่มีเอกลักษณ์ ทั้งลองผิดลองถูก ลองทำใหม่ และนำคำติชมที่ได้รับมาพัฒนาให้ดีขึ้น ท้ายสุด ‘ยาดมหงษ์ไทย’ ก็ได้รับคัดเลือกเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ผลิตโดยวิสาหกิจขนาดเล็กที่แม้ว่าจะเติบโตช้าๆ แต่ว่ามีความมั่นคง
แรกๆ วางขายเพียงไม่กี่ร้าน ภายหลังค่อยๆ กระจายสินค้าออกไปในวงกว้าง จนตอนนี้มีกำลังการผลิตมากถึง 300,000 กระปุกต่อวัน
กระแสไวรัล

ยาดมหงษ์ไทยมีหลายชนิด แต่ทั้งหมดขึ้นชื่อเรื่องความสดชื่นในทุกอณู แค่สูดดม อาการหน้ามืดวิงเวียนศีรษะก็หาย ความเหนื่อยอ่อนระหว่างวันก็ลดลง ถึงได้ยืนหนึ่งเรื่องคุณภาพมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ในตอนแรกผู้ใช้ยาดมหงษ์ไทยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ แต่เมื่อลิซ่า วง BLACKPINK ถือยาดมหงษ์ไทยถ่ายรูปลงอินสตาแกรม ก็ทำให้โลกโซเชียลรู้จัก ‘แบรนด์หงษ์ไทย’ จนกลายเป็นกระแสไวรัลในช่วงข้ามคืน ด้วยเหตุนี้ภาพลักษณ์ ‘หงษ์ไทย’ จึงดูทันสมัยขึ้นมาในทันที
‘ยาดมหงษ์ไทย’ ไม่ได้เป็น ‘ยาดม’ ติดกระเป๋าผู้สูงอายุอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว ประกอบกับการที่ทุกวันนี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้วความเครียดในการประกอบกิจวัตรประจำวันก็ยังไม่หาย ‘ยาดม’ จึงช่วย ‘บรรเทา’ ความรู้สึกแย่ๆ ให้กับร่างกายและจิตใจ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในปัจจุบัน
ที่ผ่านมายาดมที่เป็นที่กล่าวถึงเรื่องสรรพคุณมีทั้งยาดมทั้งดมทั้งทาในหลอดเดียวกัน พิมเสนน้ำ หรือยาดมแนว Aromatherapy ที่ทำจากพืชธรรมชาติอย่างใบเปปเปอร์มินต์
แต่สำหรับหลายคน ไม่มียาดมแบรนด์ใดถูกใจไปกว่า ‘ยาดมหงษ์ไทย’ อีกแล้ว
ลองนึกถึงวินาทีที่รถไฟฟ้าแน่นขนัด ทุกคนยืนเบียดเสียดกันกว่าจะถึงจุดหมาย สิ่งที่เป็นความหวังให้ไปต่อได้ คือความสบายใจที่ได้จาก ‘ยาดมหงษ์ไทย’
ความชัดเจนในเชิงแบรนดิง

‘ยาดมหงษ์ไทย’ เป็นอีกแบรนด์ที่ไม่ต้องทำการตลาดใดๆ ทุกคนก็จำภาพแพ็กเกจจิงได้อย่างแม่นยำ
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ของยาดมหงษ์ไทยมีลักษณะเรียบง่าย ไม่มีอุปกรณ์เสริม ไม่มีของประดับตกแต่ง ทำให้สะดวกต่อการผลิตและการหยิบขึ้นมาใช้
ในกระปุกยาดมหงษ์ไทยมีแค่ 2 สิ่ง คือสมุนไพรอบแห้งแช่น้ำมันหอมสูตรพิเศษตำรับหงษ์ไทย และผ้าขาวบางที่ใช้คลุมด้านบนเท่านั้น
ฉลากที่แปะบนกระปุกก็ออกแบบด้วยฟอนต์ไทยย้อนยุคที่นิยมใช้กับงานเทศกาล อย่างวันขึ้นปีใหม่ หรือวันลอยกระทง เพื่อแสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทย
ข้อความบนฉลากก็ตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย และเป็นที่จดจำ สื่อสารตรงไปตรงมา มีภาพลักษณ์ชัดเจน แล้วยังคุณภาพเยี่ยม ทำให้ลบภาพ ‘ยาดมหงษ์ไทย’ ออกจากใจไม่ได้
แบรนด์สร้างแบรนด์

เมื่อ ‘ความน่ารัก’ ได้รับการชื่นชอบ จะทำยังไงให้ ‘ยาดมหงษ์ไทย’ เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้?
นักออกแบบและนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ก็เลยดีไซน์ ‘สติกเกอร์’ แปะกระปุก ‘ยาดมหงษ์ไทย’ ที่มาในหลายสไตล์ ทั้งสวีตหวาน ธรรมชาติชวนฝัน ลุกคูล รวมไปถึงลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไอดอลที่ชื่นชอบ
สติกเกอร์แปะขวดยาดมหงษ์ไทยวางขายตามร้านคอนเซปต์สโตร์ในสยามสแควร์และย่านต่างๆ รวมทั้งในแอปพลิเคชันชอปปิงออนไลน์ ราคาเริ่มตั้งแต่ 20 บาทไปจนถึง 50 บาทสำหรับสติกเกอร์แปะข้างกระปุกและฝาบน ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แพง หรือว่าถูกเกินไป จึงตัดสินใจซื้อไม่ยาก
เบื่อๆ ก็เปลี่ยนลายสติกเกอร์ได้ อยากได้มูดไหน ก็ใช้สติกเกอร์บ่งบอกความคิดสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ทำให้แบรนด์ ‘หงษ์ไทย’ มีความโดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นๆ ในประเภทเดียวกัน และทำให้แบรนด์สติกเกอร์น้องใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
จนวงการ ‘สติกเกอร์’ คึกคักตามไปด้วย เป็นทั้งแบรนด์คุณภาพและส่งต่อแรงบันดาลใจให้แบรนด์อื่นๆ อีกด้วย!