ตามไปดูเทศกาล KENPOKU ART 2016 เสพศิลปะกลางหุบเขาริมทะเลและรับสายลมเอื่อยของฤดูใบไม้ร่วง

ปกติเทศกาลศิลปะของญี่ปุ่นสนุกอยู่แล้ว ยิ่งบอกว่าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ใต้ฟ้าใส ในป่าเขียว ได้เที่ยวทะเลสวยติดชายหาดชิลล์ชิกและอาคารบ้านเรือนในท้องถิ่นของ 6 เมืองทางตอนเหนือของจังหวัดอิบะระกิเป็นสถานที่จัดแสดง
ใครเล่าจะอดใจไหว

KENPOKU คืองานเทศกาลศิลปะนานาชาติ (มีผลงานคนไทยจัดแสดงด้วยนะ!) ที่ผู้จัดตั้งใจผสมผสานงานศิลปะเข้ากับจุดเด่นทางภูมิศาสตร์คือ ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองซึ่งโดดเด่นเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเราจึงพบผลงานหลากหลายรูปแบบทั้งงานทำมือ งานทำคอม งานแสงสีเสียงวูบวาบอลังการหรืองานเรียบง่ายเวรี่เซนปะปนกันอย่างสนุกสนานทั่วบริเวณงานที่แบ่งเป็น 2 โซนหลักๆ คือ ภูเขาและทะเล

งานสนุก พีก เพี้ยน ชวนพึงใจมาก แค่ theme song ของงานยังไม่ธรรมดา แต่งด้วยพันธุวิศวกรรมโดยใช้ดีเอ็นเอของแบคทีเรียซึ่งอาศัยอยู่ในจังหวัดนี้มายาวนาน เสียดายตามเก็บได้ไม่ครบ แต่ก็มากพอที่จะเลือกงานสนุกๆ มาแบ่งให้ดูได้นิดหน่อย

 

1. Noah’s Bus โดย Tea MÄKIPÄÄ

ฟังชื่อก็คงพอเดากันได้ว่างานชิ้นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเรือโนอาห์ รถบัสเล็กๆ หน้าตาบ้านๆ ดูรุงรังวินเทจคันนี้ จึงถูกแปลงโฉมด้านในเป็นป่าจำลองให้กระต่ายน้อย เต่า หนูตะเภา และไก่พันธุ์ Lace Polished อยู่อาศัย เจ้าของผลงานเลือกใช้ต้นไม้ในท้องถิ่น เพื่อสื่อถึงความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติ

2. The Fallen Sky โดย Ilya & Emilia KABAKOV

แผ่นกระดานรูปท้องฟ้าขนาดใหญ่ท่ามกลางหาดทราย เสียงคลื่น และฟ้าคราม เป็นผลงานที่ปังมากตั้งแต่แวบแรกที่เห็น เจ้าของผลงานบอกว่านี่คือผนังที่โดนพายุพัดปลิวมาจากตึกซึ่งผนังทุกห้องที่วาดเป็นรูปท้องฟ้า เรื่องจริงรึเปล่าไม่ต้องรู้ก็ได้ แค่เห็นวิวสวยๆ ใต้ฟ้าใสๆ ก็ฟินแล้ว

3. Blackfield โดย Zadok BEN-DAVID

งานละเอียด งานละไมเหนือความละมุน นี่คือหนึ่งในงานที่เราชอบที่สุด เขาใช้พื้นที่ในโรงยิมของโรงเรียนตั้งแผ่นสแตนเลสสีดำอันเล็กๆ ลายต้นไม้ดอกไม้กว่า 27,000 ชิ้นลงบนผ้าสีขาว มองเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอลองนั่ง (นอนได้ยิ่งดี) ดูกับพื้นก็จะพบกับความยิ่งใหญ่ของป่าสีดำขนาดจิ๋วสุดวิจิตรกับรายละเอียดที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างบรรจง เดี๋ยว, ถ้านี่ว่าดีแล้ว ลองเดินลึกเข้าไปแล้วมองกลับมาจากอีกฝั่ง ป่าสีดำกลายเป็นป่าสีสันสดใส สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของจิตใจ ส่วนดอกไม้คือตัวแทนของชีวิตและความตาย เพราะเป็นสิ่งที่เรามอบให้กันทั้งในช่วงเวลาที่เศร้าและสุขที่สุดของชีวิต

 

4. “ART ZOO” :
Safari Park Project in Hitachi-Ota โดย Shinta INOUE

กรุบกริบกว่าทัวร์รถบัสของซาฟารีก็งานสวนสัตว์สองมิติกลางแจ้งชิ้นนี้นี่แหละ นั่งรถขึ้นเขาไปได้สักพักจะเริ่มเห็นแกะน้อยตัวปลอมทักทายอยู่สองข้างทาง เป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงลานซาฟารีที่ชะง่อนผาซึ่งรวมสัตว์สี่ขาสองมิติไร้หน้ากว่า 250 ตัว คุณชินตะบอกว่างานสองมิติท่ามกลางฉากสามมิติจะทำให้คนดูเข้าถึงการสื่อสารรูปแบบใหม่

 

5. Sign of Memory 2016 – pink windows project in kujiragaoka โดย Takafumi
HARA

บอกตรงๆ ว่าตอนแรกที่เห็นงานนี้ในใบปลิวรู้สึกเฉยๆ มาก คิดว่าแค่เอากระดาษสีชมพูไปแปะตามหน้าต่างเสริมความป๊อปให้อาคารเก่าแก่ในท้องถิ่นเฉยๆ ปรากฎว่าพอเข้าไปดูใกล้ๆ พี่ศิลปินเขานำเรื่องราวของแต่ละบ้านมาวาดเป็นนิทานภาพแปะกระจกเล่าความเป็นมาของอาคารหรือความรู้สึกของครอบครัวนั้นๆ แค่เดินอ่านตามซอกซอยต่างๆ ก็ทำให้เดินอมยิ้มไปโดยไม่รู้ตัว

6. Life Stripe โดย SPREAD

สีอาจจะแทนความรู้สึกหลายๆ อย่าง แต่ศิลปินทีมนี้ใช้สีในการสร้างแพตเทิร์นในชีวิตประจำวัน คล้ายๆ กับการเขียนไดอารี่ เช่น สีแดงคือทำงาน/เรียน สีดำคือนอน สีเหลืองคือช้อปปิ้ง สีฟ้าคือเดินทาง โดยเรียงและแบ่งสัดส่วนตามระยะเวลาที่ใช้จริง ตัวอย่างวิถีชีวิตหลากสีสันที่เห็นอยู่ในบ้านเก่าสไตล์ญี่ปุ่นหลังนี้ เกิดจากการรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์และศึกษาผู้คนต่างวัยต่างอาชีพในท้องถิ่นจริงๆ

7. Fly Me to the Earth และ Landscape Magic Lantern โดย Fumiaki MURAKAMI

ผลงานทั้ง 2 ชิ้นอยู่คนละที่ แต่มีรูปแบบความสนุกคล้ายๆ กันจากการใช้ AR technology พาเราไปเจอความเพี้ยนที่ชวนคิดและชวนขำซ้อนทับกับภาพความเป็นจริงที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าอย่าง 360 องศา (แต่ไม่มีโปเกมอนโผล่มานะจ๊ะ)

Fly Me to the Earth ใช้เครื่องบินไม้ของเล่นซึ่งแขวนอยู่กลางห้องเรียนพาผู้ที่เผลอส่องดู บินไปยังโลกเหนือจริงสไตล์การ์ตูนเรื่องชั่วโมงเรียนพิศวง ส่วน Lanscape Magic Lantern เป็นกล้องส่องทางไกลที่หันหน้าเข้าทะเลของเมืองฮิตะชิ เล่าเรื่องที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวในท้องถิ่นสมัยศตวรรษที่ 18

 

8. Polyplanet โดย Hiroshi FUJI

คุณลุงศิลปินคนนี้สร้างผลงานศิลปะหลายรูปแบบจากขยะที่สะสมไว้ถึง 7 ปี Polyplanet คือบริษัทในจินตนาการที่นำขยะพลาสติกเหล่านั้นมาทำสินค้า เขาคัดแยกขยะอย่างเป็นหมวดหมู่ เช่น ของเล่นจากแมคโดนัลนำมามัดรวมกันเป็นโมบาย ของเล่นจากเรื่องโดราเอมอนถูกนำมาทำเป็นเก้าอี้ที่มีกล่องกาจาปองเป็นเบาะ วัสดุที่เหลือ เขานำมารวมกันไว้อีกห้องพร้อมอุปกรณ์อย่างกรรไกรและปืนกาว ให้เด็กๆ ได้ใช้จินตนาการสร้างของเล่นขึ้นมาด้วยตนเอง

 

9. Knit Invaders in Hitachi-Taga โดย Saki CHIKARAISHI

ปิดท้ายด้วยผลงานจากศิลปินสาวที่เคยลง a day เล่ม Tokyo Girl Artists ซะกิกลับมาพร้อมกับไหมพรมสีส้มที่ปรากฎอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วเมืองใกล้สถานีฮิตะชิทะงะ เช่น เสาไฟฟ้า ป้ายบอกทาง และจักรยาน เพราะสีส้มคือสีที่ชาวเมืองโหวตว่าเข้ากับอิมเมจของเมืองมากที่สุด แถมที่นี่ยังเป็นจุดชมแสงสีส้มของพระอาทิตย์ขึ้นอันงดงาม ถ้าเดินต่อไปอีกหน่อยจะพบกับรังลับของผู้บุกรุกที่แอบเอาเครื่องถักไหมพรมมาตั้ง ซึ่งเครื่องพร้อมจะทำงานเองโดยอัตโนมัติเมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนมาเยี่ยมชม ผู้ดูแลบอกว่า เป้าหมายสูงสุดคือการย้อมทั้งเมืองให้เป็นสีส้ม!

ใครไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงนี้พอดี ลองแวะไปเที่ยวเล่นเพลินๆ ในงานนี้ก็ดีนะ งานสนุก ทะเลสวย ภูเขาร่มรื่น
งานยังจัดถึงวันที่ 20 พ.ย. นี้ แถมมีภาษาอังกฤษอธิบายงานแต่ละชิ้นให้คนต่างชาติมีโอกาสอินกับเขาด้วย วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์มีรถบัสพาวนดูงานบางส่วนฟรี รายละเอียดเพิ่มเติมดูที่นี่เลย

http://kenpoku-art.jp/en/about/overview

ภาพ ทรงกลด บางยี่ขัน

AUTHOR