ลองจินตนาการถ้ามีเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่าเกือบยี่สิบปีที่วันดีคืนดีเดินมาคุยกับเราซึ่งเกิดในยุคเก้าศูนย์ หรือสองพันว่า “น้องเคยดูหนังเรื่องมือปืนมหากาฬ ที่สรพงศ์ ชาตรีเล่นไหม?” เราอาจคิดในใจว่า ‘มือปืนอะไรวะ’ หรือถ้ามีน้องในที่ทำงานอายุน้อยกว่าสิบปีเดินมาหาแล้วถามว่า “พี่เคยฟัง ATLAS หรือเปล่า?” เราอาจคิดในใจว่า ‘เด็กสมัยนี้ฟังอะไรกันแน่’
แม้เวลาที่เรานึกถึงคำว่า ‘มิตรภาพ’ ที่แน่นแฟ้นภาพที่เห็นมักเป็นมิตรภาพระหว่างเพื่อนวัยใกล้กัน หรืออย่างน้อยก็ห่างกันบวกลบไม่มากเกินไป เพราะมุมมอง ความคิด รสนิยม หรือความรู้สึก ‘ร่วมสมัย’ ในหลายๆ เรื่องสามารถทำให้แชร์กันได้ด้วยความเข้าใจ และส่วนมาก มิตรภาพเช่นนี้ก็มักเกิดขึ้นจากเพื่อนบ้าน โรงเรียน หรือรั้วมหาวิทยาลัย
แต่ถึงอย่างนั้น บางครั้งมิตรภาพเหล่านี้อาจมาพร้อมกับใครสักคนที่อายุมากกว่าหรือน้อยกว่าอย่างมาก ซึ่งอาจนำมาพร้อม ‘ช่องว่างระหว่างวัย’ ในมิตรภาพได้ เช่น ในที่ทำงาน หรือในกลุ่มสังคมต่างๆ ที่ผู้คนหลากหลายวัยสังกัดอยู่
ที่จริงแล้วการมี ‘เพื่อนต่างวัย’ ไม่ใช่เรื่องแปลก หลายคนสนิทกับรุ่นพี่ หรือรุ่นน้องที่อายุรุ่นราวคราวลุง คราวป้า ที่เผลอๆ อาจคุยกันรู้เรื่องมากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันที่เอาแต่เล่นมุก หรือพูดไปเรื่อยใส่กันด้วยซ้ำ แต่ก็มีไม่น้อยที่ ‘จำเป็น’ ต้องมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันกับเพื่อนต่างวัย ในขณะที่ช่องว่างนั้นกว้างก็ช่างยากเกินจะทำความเข้าใจง่ายๆ
แน่นอนว่ามิตรภาพระหว่างวัยอาจสร้างปัญหา แต่หากมีวิธีจัดการกับช่องว่างที่เกิดขึ้นมันก็จะกลายเป็นประโยชน์ได้มาก ซึ่งก็เป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากความแตกต่างของค่านิยม รสนิยม วิธีการสื่อสาร รวมถึงประสบการณ์ชีวิต
ในเมื่อมิตรภาพระหว่างวัยไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่การเอาชนะ แต่เพื่อแนวทางปฏิบัติที่ราบรื่นด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน เพื่ออยู่ร่วมกันได้อย่างดี เราจะมีวิธีลดช่องว่างระหว่างวัยนั้นอย่างไรดี?
ความต่างของวัยไม่ใช่อุปสรรค

สิ่งสำคัญที่สุดในการเอาชนะความต่าง คือการ ‘ยอมรับ’ ว่าช่องว่างระหว่างวัยนั้นมีอยู่จริง ไม่ใช่การปฏิเสธและมองว่าเป็นปัญหา แต่มันคือการตระหนักว่าเราต่างมีพื้นเพและประสบการณ์ชีวิตที่ต่างกัน และไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกอย่างก็ได้ ซึ่งความต่างนี้หากคิดในข้อดีก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของความเข้าใจและการเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ ดังนั้นหากมีบางสิ่งที่เรามองว่าเป็นความต่าง ให้ลองใช้ความ ‘อยากรู้อยากเห็น’ แทนที่จะ ‘ตัดสิน’ เพื่อเปิดใจเรียนรู้จากมุมมองที่ต่างกันน่าจะดีกว่า
สนใจและไม่ตัดสิน

บางครั้งการตั้งคำถามด้วยความจริงใจอาจช่วยเปิดโอกาสให้เราเข้าใจเพื่อนต่างวัยได้มากขึ้น แทนที่จะรีบตัดสินว่าความคิดของเขาล้าสมัย หรืออ่อนต่อโลก แต่ลองมองว่า ‘ทำไม’ เขาจึงคิดเช่นนั้น และเขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน ที่สำคัญ คือเมื่อมีช่องว่างในบางเรื่องเกิดขึ้น ให้พยายาม ‘แบ่งปัน’ มุมมองของเรา โดยไม่พยายามกดดันให้อีกฝ่ายเปลี่ยน แต่เรียนรู้ที่จะเข้าใจเขา สิ่งนี้จะทำให้เราได้ ‘เก็บเกี่ยว’ ประสบการณ์และความสดใหม่ระหว่างกัน
จุดร่วมอยู่ไหน จงหาให้พบ

แม้ในบางเรื่องจะทำให้เราและเพื่อนต่างวัยเกิด ‘ช่องว่าง’ ระหว่างกัน แต่สิ่งที่เราสามารถแบ่งปันร่วมกันได้ คือ ‘อารมณ์’ และ ‘คุณค่า’ บางอย่างที่เป็นสากล เช่น ความรัก ความเศร้า ความสนุกสนาน และอื่นๆ ซึ่งเราอาจไม่จำเป็นต้องชอบสิ่งเดียวกัน แต่ ‘รู้สึก’ เหมือนกันได้ หรือเราอาจฟังเพลงยุคใหม่ ขณะที่เพื่อนต่างวัยฟังเพลงอินดียุคแรก แม้จะเป็นคนละยุค แต่เราสามารถรับรู้ได้ว่าดนตรีนั้นมีคุณค่าและสร้างความรู้สึกลึกซึ้งถึงอารมณ์ได้
เคารพรูปแบบการสื่อสารที่ต่างกัน

แน่นอนว่าเพื่อนต่างวัยนั้นเติบโตมาคนละยุค วิธีการสื่อสารที่ถนัดของแต่ละคนก็ย่อมไม่เหมือนกัน ขณะที่คนหนึ่งอาจชอบคุยโทรศัพท์ หรือพบหน้ากัน คนหนึ่งอาจชอบคุยผ่านไลน์ ข้อความ หรือโซเชียลมีเดีย ซึ่งต่างฝ่ายอาจมีมุมมองต่างกัน ขณะที่คนรุ่นก่อนอาจมองว่าคุยผ่านข้อความเสี่ยงเข้าใจผิด แต่คนรุ่นใหม่ก็อาจมองว่าการสื่อสารผ่านโซเชียลนั้นสะดวกสบายกว่า ดังนั้นการหาพื้นที่ร่วม คือไม่ต้องเปลี่ยนวิธี แต่พยายาม ‘ปรับตัว’ และมองว่าเป็นการเรียนรู้ ‘ภาษาใหม่’ ระหว่างกัน เพื่อการสื่อสารที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ลองสื่อสารตามแบบที่อีกฝ่ายถนัดสลับกันไปบ้างก็ดี
เคลียร์ให้ชัดและไม่เหมารวม

แม้กระทั่งเพื่อนวัยเดียวกัน การสรุปเอาเองว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไร อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้ แล้วนับประสาอะไรกับเพื่อนต่างวัย ที่มีเหตุผลมากมายที่ทำให้เข้าใจผิดเต็มไปหมด เช่น เราอาจคิดว่ารุ่นน้องปีนเกลียว หรือคิดว่ารุ่นพี่หัวโบราณและน่ารำคาญสุด ทั้งที่จริงแล้วทุกคนต่างมีเหตุผลเฉพาะตัว ดังนั้นการพูดคุยกันตรงๆ ไม่ใช่การด่วนสรุป เหมารวม หรือประชด แต่เคารพ ‘เหตุผล’ และ ‘เอกลักษณ์’ ของแต่ละคนมากกว่าอายุ จะทำให้ความเข้าใจเกิดขึ้นง่ายกว่า
แม้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายในการสร้างความเข้าใจกับมิตรภาพระหว่างวัย แต่เชื่อเถอะว่าเพื่อนต่างวัยนั้นจะนำมาซึ่งประสบการณ์ มุมมอง ความสนุกใหม่ๆ ที่หาไม่ได้จากเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันแน่นอน
เพราะมิตรภาพไม่ใช่เรื่องของอายุ ไม่ใช่การแข่งขัน หรือเอาชนะความต่าง แต่มันคือการเดินไปด้วยกันแม้จะมาจากคนละทิศทางต่างหาก