“เรียกว่าเป็นไอดอลทางเลือกก็ได้” คุยกับ FEVER ในวันที่พวกเธอ FEVER มาแล้วสักพัก

Highlights

 
  • FEVER คือวงไอดอล 12 ชีวิต ที่มีอินเนอร์คล้ายๆ วงดนตรีอินดี้หลากหลายแนว ตั้งแต่ซินธ์ป๊อป ดรีมป๊อป ไปจนซิตี้ป๊อป
  • พวกเธอปล่อยเพลงมาแล้ว 1 ซิงเกิล 3 เพลง ได้แก่ Start Again, Ghost World และล่าสุด Password ที่เพิ่งติดชาร์ตอันดับ 1 Cat Radio ไปได้สำเร็จ
  • แม้คนจะมองว่าวงการไอดอลเป็นแค่กระแสที่ตามๆ กันมา แต่สิ่งที่เมมเบอร์ของ FEVER สนใจในตอนนี้คือการสนุกกับสิ่งที่ได้ทำ และความสบายใจในการเป็นตัวเอง

“ไอดอลก็เป็นแค่กระแส”

ประโยคที่เราไม่แน่ใจว่าคือการวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันของวงการไอดอลที่เกิดขึ้นในบ้านเรา หรือความหมายที่ใช้ปรามาส ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้จะอยู่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวแล้วดับไป

ความสนใจใคร่รู้นี้ทำให้เราติดต่อไปหาไอดอลที่มีความหมายเฉกเช่นเดียวกับคำว่า ‘เป็นกระแส’ วงดนตรีสุดร้อนแรงที่ดูป่วยที่สุดในวงการ มาตอบคำถามที่ดูเป็นตัวพวกเขาที่สุดกับเรา ในวันนี้ 17 พฤษภาคม ที่ตรงกับวันประกาศเปิดรับสมัครออดิชั่นครบหนึ่งปีพอดิบพอดี

สิ่งที่แตกต่างไปจากการสัมภาษณ์ปกติที่ผ่านมาของเรา ถ้าไม่นับปฏิกิริยากระวนกระวายว้าวุ่นใจ คงเป็นความพยายามเติมเต็มความสมบูรณ์ให้เนื้อหาในการนำเอาเบื้องหลัง-เบื้องหน้า มาตอบคำถามใกล้ๆ กันตัดสลับทีละฝั่งแล้วผสานออกมาเป็นความเดียว ด้วยการจับเข่าชาวจับไข้ทั้งสามมานั่งคุย ทั้ง ปลั๊ก–อธิปติ ไพรหิรัญ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งวง FEVER ป๊อป เซ็นเตอร์ FEVER และ ฟอล์ย หนึ่งในเมมเบอร์ของวง

เอาล่ะ มาเป็นไข้กันเถอะ

FEVER

อะไรคือจุดเริ่มต้น

ปลั๊ก : เราชอบไอดอลสายญี่ปุ่นมาก่อน เราอยากเห็นสไตล์แบบที่ชอบในไทยซึ่งยังไม่มีคนทำ เราเลยเอาทีมโปรดักชั่นเฮาส์เล็กๆ ของตัวเองทำขึ้นมาเลย อยากเห็นสิ่งที่มันต่างทั้งสไตล์เพลงและสไตล์วง วงการมันสามารถไปได้มากกว่านี้ กว้างได้มากกว่านี้ ที่ญี่ปุ่นเขาก็ค่อนข้างหลากหลาย แต่ว่าของไทยช่วงแรกรู้สึกว่ามันไปในทิศทางเดียวกันหมด

ฟอล์ย : อยากเป็นไอดอลค่ะ เราสนใจไอดอลอยู่แล้ว ติดตามมาเยอะ เลยมาสมัครวงนี้เพราะภาพโปรโมตเป็นภาพที่ไม่ได้สว่างไสวเท่าไหร่ มันให้ความรู้สึกแตกต่างจากภาพลักษณ์ไอดอลทั่วๆ ไป

ป๊อป : แนวเพลงอินดี้ด้วย หนูเป็นคนชอบเต้นอยู่แล้ว อยากลองมาทำบ้าง พอดีพี่บีมที่รู้จักกันมาก่อนชวนมา ก็เลยได้มาเป็นเมมเบอร์วงนี้ด้วยกัน

 

FEVER คืออะไรในความคิดของคุณ

ปลั๊ก : ความน่าตื่นเต้น ความเป็นกระแส แต่มันก็ตีความหมายได้อีกทางคือการเป็นไข้

ฟอล์ย : เป็นคำพูดประจำของเราว่า “มาเป็นไข้กันเถอะ” ส่วนความรู้สึกก็จะแตกต่างจากวงอื่น

ป๊อป : ดูร้อนแรง (ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา) ติดต่อกันง่าย หรือเด็กผู้หญิง 12 คนที่มารวมตัวกันเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ด้วยกัน

ตอนนั้นเกณฑ์ในการคัดเลือกเป็นอย่างไร

ปลั๊ก : เรากำหนดช่วงอายุก่อน ประมาณ 15-23 ปี แล้วดูว่าใครคนไหนมีคาแร็กเตอร์ คาแร็กเตอร์มันคือนิสัยส่วนตัวที่พอเริ่มพูดอธิบายภาพมันจะชัดขึ้นมา เพราะเราไม่อยากไปเปลี่ยนหรือประดิษฐ์ให้เด็กเป็นแบบนั้นแบบนี้ อย่างเรารู้ว่าเราควรมีตำแหน่งนักร้องชัดๆ สักคนหนึ่ง ก็เลยมีบอสเข้ามา เรามีหน้าที่ดันตรงนั้นให้มันมากขึ้น เหมือนตอนเอ็มวีเพลง Ghost World ที่เรามีการใส่สัญลักษณ์ของเด็กแต่ละคนเข้าไป

 

แล้วกระบวนการหลังจากนั้น

ปลั๊ก : มีคนถามเยอะมากว่าวงนี้มันออดิชั่นไปแล้วทำไมหายไปเลย แต่เรามีความรู้สึกว่าเรายังไม่อยากปล่อยเด็กที่ยังไม่พร้อมออกไป เพราะงั้นก็เลยเป็นช่วงของการฝึกเต้นฝึกร้อง เรียนการแสดงนิดหน่อย เราต้องมาเช็กพื้นฐานเด็กก่อนเพราะว่าเด็กมีพื้นฐานไม่เท่ากัน ก็พยายามดึงให้มีมาตรฐานที่สามารถออกไปได้ เป็นการเตรียมความพร้อมแล้วก็ปรับความเข้าใจว่าชีวิตของเราเป็นสาธารณะแล้ว กิจวัตรประจำวันก็ต้องเปลี่ยนไป ต้องมีการฝึกซ้อมมากขึ้น มีการเตรียมเป้าหมายมากขึ้นโดยใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน

FEVER

จำตอนเดบิวต์ได้ไหม

ฟอล์ย : เรื่องราวในวันนั้นเกิดขึ้นเยอะมาก เป็นวันที่ยาวมากวันหนึ่งเลย แล้วก็เป็นวันที่มีความสุขมากๆ วันหนึ่ง

ป๊อป : เป็นวันที่มีความรู้สึกหลากหลายมาก เราซ้อมกันมาเหนื่อยมาก

ฟอล์ย : พอพวกเราได้ขึ้นไปแสดง ได้เห็นคนเยอะๆ ก็ขนลุก มันดีมากจริงๆ

 

ที่มาของซิงเกิลแรกเป็นยังไง เล่าให้ฟังหน่อย

ปลั๊ก : สามเพลงที่ผ่านมาเรามีมาก่อนที่จะออดิชั่น วางโครงไว้ก่อนแต่เนื้อเพลงยังไม่ใส่ เรารอเนื้อเพลงที่มันพูดถึงเด็กจริงๆ ทีมเพลงต้องมาคุยกับเด็กว่ามีจุดไหนที่น่าสนใจในการนำมาแต่งเป็นเนื้อเพลง ส่วนท่าเต้นคือครูเขาเก่งด้านป๊อปปิ้ง ฮิปฮอป เลยมีความคิดว่า ถ้าเอาสไตล์การเต้นแบบนี้มาใส่ในวงไอดอลมันก็น่าสนใจดี เลยให้เขาลองดู

 

แล้วเรื่องราวของทั้ง 3 เพลงล่ะ

ปลั๊ก : Start Again คือเรื่องราวของทุกคนที่ผ่านเรื่องผิดหวัง การยอมแพ้มาแล้วมาเริ่มต้นใหม่กับ FEVER ซึ่งหลังจากเรารับฟีดแบ็กเข้ามา สิ่งเหล่านั้นก็จะสะท้อนกลับไปสู่ Ghost World ที่พูดถึงมุมมองของคนทั่วไปที่มีต่อไอดอล คนคาดหวังว่าไอดอลมันต้องเป็นแบบนี้ แต่ความจริงเด็กอาจจะฝืนเพื่อเป็นแบบนั้นอยู่ก็ได้ ส่วน Password วิธีคิดของเราคือเราต้องการให้มีเพลงที่สดใสขึ้นมาบ้าง เพราะสองเพลงแรกค่อนข้างจะหม่น ก็ได้พี่กอล์ฟ Superbaker มาช่วย อนาคตก็น่าจะมีเนื้อหาที่ต่างจากนี้อีก

ทำไมถึงไม่พูดเรื่องความรัก

ปลั๊ก : เพราะเราคิดว่าการให้เด็กมาพูดถึงความรักเด็กคงไม่อิน เราก็เลยลองบิดเนื้อหาว่าถ้าไม่ใช่เรื่องความรักเราพูดเรื่องอะไรได้อีกบ้าง

 

ถึงเป็นเพลงรองแต่ก็มีเอ็มวีทุกเพลง

ปลั๊ก : ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะมีทุกเพลง แต่กระแสค่อนข้างดี คนถามหา เราก็เลยคุยกันว่าลองทำกันดูไหม เพลงมันดีด้วย ถ้าไม่ได้ทำคงเสียดาย แต่ก็กลายเป็นคนก็มาบอกอีกว่า วงอะไรมีเอ็มวีทุกเพลงเลย

 

ชอบ เพลงที่ปล่อยมาไหม

ฟอล์ย : ส่วนตัวไม่เคยฟังเพลงแนวนี้มาก่อน แต่พอได้ฟังก็รู้สึกชอบมาก เดี๋ยวนี้ก็เริ่มไปติดตามฟังเพลงแนวนี้มากขึ้น เพราะความหมายของเพลงมันก็สะท้อนถึงความรู้สึกของตัวเราด้วย

ป๊อป : พอฟังไปเรื่อยๆ ก็ชอบมากขึ้น ดนตรีมีความแตกต่างจากวงไอดอลอื่นๆ ในตอนนี้

FEVER

แล้วคิดว่าดาร์กไปไหม

ฟอล์ย : ส่วนตัวหนูก็ชอบดาร์กๆ นะคะ ที่จริงแล้วภาพลักษณ์ที่ทุกคนเห็นก็อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนคิด ในบางอย่างที่เราแสดงออกก็ไม่ใช่อย่างที่เราเป็น มันก็มีบางมุมที่หนูจะดาร์กไปเลย ชอบดูหนังแนวฆาตกรรมเลือดสาดอะไรแบบนี้

ป๊อป : หนูก็ชอบดาร์กๆ เหมือนกัน มันเข้ากับบุคลิกมากกว่า เพลง Password ที่ต้องแสดง ต้องยิ้ม ต้องร่าเริง หนูก็รู้สึกขัดๆ รู้สึกว่ามันยาก (หัวเราะ)

 

กระแสตอบรับของเพลงเป็นยังไงบ้าง

ฟอล์ย : เหมือนเพลง Start Again เป็นเพลงที่ทำให้คนรู้จักพวกเรา แต่ในทางกลับกัน Password ก็เป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเรามากขึ้นด้วยในแง่อารมณ์

ป๊อป : เพลง Password ติดชาร์ตอันดับ 1 ของ Cat Radio ไปแล้วด้วย สุดยอดมาก ตอนแรกคิดว่าแค่พอไปได้

FEVER

สิ่งที่ FEVER กำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้คืออะไร

ปลั๊ก : ผมว่ามันคือการเปิดมุมมองใหม่ในการเป็นไอดอล ไอดอลไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหมด ไม่จำเป็นต้องมีทิศทางเดียว เรามีทางอื่น เรามีสไตล์อื่นมานำเสนอ เรียกว่าเป็นไอดอลทางเลือกก็ได้ อย่างน้อยก็มีให้เลือกฟังนะ คือวงดนตรี หรือวงการแบบนี้มันไม่อยู่ไปตลอดหรอก จุดหนึ่งเราก็ต้องไป จุดหนึ่งเด็กก็ต้องโตขึ้น ผมอยากให้เด็กอยู่ในวงการต่อได้หลังจากที่จบจาก FEVER ไป

ป๊อป : เราไม่ได้อยากเป็นไอดอลเฉยๆ อยากไปได้ถึงเลเวลศิลปินจริงๆ

ฟอล์ย : อยากให้คนทั่วไปสามารถฟังเพลงของเราได้ด้วยเหมือนกัน

FEVER

FEVER เปลี่ยนอะไรเราไปบ้าง

ป๊อป : กล้าเป็นตัวเอง เมื่อก่อนหนูมีภาพไว้ว่าต้องเป็นแบบนี้ๆ ถึงจะมีคนยอมรับ แต่พอได้เข้ามาตรงนี้ถ้าทำตามคนอื่นหนูก็อยู่ได้ แต่ไม่นาน สักวันหนึ่งความเป็นตัวเองมันก็ต้องโผล่ออกมาอยู่ดี ซึ่งพอปล่อยตรงนั้นไปแล้วเป็นตัวเองก็ได้รู้ว่ามีคนยอมรับตัวหนูเหมือนกัน

ฟอล์ย : แต่ก่อนหนูก็ไม่ค่อยเป็นตัวเองเท่าไหร่ ตอนนี้ก็กล้าพูดความรู้สึกตัวเองมากขึ้น กล้าแชร์ความคิด พยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเยอะเลยค่ะ ส่วนพี่ป๊อปพูดเยอะขึ้นเยอะเลย (หัวเราะ)

 

การเป็นตัวเองมันดียังไง

ฟอล์ย : สบายใจในการทำอะไรมากขึ้น การไม่เป็นตัวเองเหมือนทำให้เรามีขีดจำกัดบางอย่างในการทำสิ่งต่างๆ

ป๊อป : มันรู้สึกแฮปปี้กับตัวเองมากกว่า

หนึ่งปีผ่านไปเมมเบอร์รู้หรือยังว่าตัวเองผ่านออดิชั่นเพราะอะไร

ปลั๊ก : มีฟอล์ยที่ชอบถามว่าทำไมพี่ถึงเลือกหนูเข้ามา เราก็บอกว่าเลือกเข้ามาเพราะว่าฟอล์ยเป็นฟอล์ย ไม่ได้เป็นคนอื่น ไม่ได้พยายามเป็นคนอื่น กระทั่งป๊อปเองที่ทุกคนจะรู้สึกว่าป๊อปเงียบ แต่ป๊อปก็มีเสน่ห์ในความเงียบ หรือใบเฟิร์นที่เหมือนเด็กหลงยุคมา เขารู้เรื่องวัฒนธรรมยุค 80s เยอะมาก

 

คิดยังไงกับวงการไอดอลในไทยบ้าง

ป๊อป : มันก็มีแตกต่างกันหลายๆ แนวค่ะ มีหลายวง หลายแนวเพลง

ฟอล์ย : เราก็ไม่ได้นิ่งเฉยนะ ก็ฟังเพลงของทุกๆ วงเหมือนกัน (ยิ้ม) วงไหนมีเพลงออกใหม่พี่ป๊อปก็จะส่งมาบอกว่า “เพลงออกแล้ว”

ป็อป : ตามทุกวงค่ะ

ฟอล์ย : ไอดอลก็คือโอตะ VIP นั่นเองค่ะ (ยิ้ม)

 

แล้วคิดว่าเราอยู่ตรงไหนของวงการ

ป๊อป : คิดว่ากลางๆ ค่ะ

ฟอล์ย : คิดว่าไม่ได้อยู่ตรงไหน เราวิ่งไปในอีกเส้นทางหนึ่งที่ไม่ใช่เส้นทางเดียวกันกับคนอื่น เพราะฉะนั้นเราไม่มีคู่แข่งค่ะ

FEVER

 

คิดไว้ว่า FEVER ต้องถึงจุดไหนถึงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ

ปลั๊ก : เรามองเป็นระยะสั้นมากกว่า เพราะว่ามันเกินที่เราคิดไว้มากๆ ดูไปเรื่อยๆ ว่าจะมีอะไรต่อไป ตอนนี้ผมกับทีมถึงจะทำงานหนักแต่ก็ยังสนุกกับ FEVER อยู่ มีเรื่องที่รอทำในอนาคตค่อนข้างเยอะ ซีดีก็อยู่ในขั้นตอนของการไฟนอล ซึ่งสิ่งที่ผมคิดว่ามันโดดเด่นก็คือการที่เราเอา Sahred Toy มาช่วยออกแบบ มันเป็นวิธีการของวงที่ collaboration ศิลปินคนอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย หรือเรื่องการต้องมีกัปตัน รองกัปตัน อีกไม่นาน รอดูกัน

ฟอล์ย : พวกเราเพิ่งได้หนึ่งซิงเกิลแรกมาเท่านั้นเองค่ะ

ป๊อป : ตอนนี้เหมือนเพิ่งเริ่ม ยังอยู่แค่ในกระบวนการที่จะไปให้ถึงตรงนั้น

 

ตรงนั้นคือตรงไหน

ฟอล์ย : ถึงจุดที่ทุกคนรู้ว่า FEVER คือวงไอดอลที่มีผู้หญิง 12 คน วงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ป๊อป : ก็ได้ (ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา)

ฟอล์ย : พี่ป๊อบบอกว่าก็ได้ค่ะ

 

ตอนนี้มีอะไรที่เราอยากทำบ้าง

ฟอล์ย : อยากเล่นซีรีส์ค่ะ ถ้าเกิดมีผู้กำกับคนไหนมาดูก็เรียกตัวไปแคสต์ได้นะคะ อยากเล่นแนวโรคจิตค่ะ

ป๊อป : อยากไปแสดงที่ต่างประเทศค่ะ (ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา)

ฟอล์ย : ถ้าเกิดได้เล่นเวทีเดียวกับไอดอลอื่นๆ ก็น่าสนใจมากค่ะ น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก


นี่ใช่สิ่งที่ป๊อบอยากทำไหม

ป๊อป : (ครุ่นคิด)  ก็อยากนะคะ

 

คิดอย่างไรกับคำพูดที่ว่า เด็กที่มาเป็นไอดอลก็แค่หาพาร์ตไทม์

ป๊อป : เราก็ใช้เวลาเยอะอยู่เหมือนกันนะ

ฟอล์ย : คำว่าพาร์ตไทม์ไม่ได้แปลว่าไม่จริงจัง สมมติว่าเราทำงานร้านอาหารร้านหนึ่งเราก็ต้องตั้งใจทำ มีใครบ้างที่เป็นไอดอลอย่างเดียวแล้วไม่ทำอย่างอื่นเลยในชีวิต เป็นไปไม่ได้หรอก

ป๊อป : มันไม่ได้แปลว่าเราไม่ได้ตั้งใจที่จะทำตรงนี้

 

แล้วคำพูดที่ว่า ไอดอลก็เป็นแค่ FEVER

ปลั๊ก : สำหรับคนที่ตามไอดอลมันไม่ใช่กระแสหรอก คนตามไอดอลมีอยู่แล้วในเมืองไทย แค่เราไม่มีอะไรไปให้เขา ไอดอลในไทยตอนนี้มันเลยน่าสนุกมากขึ้น วงก็เริ่มมีสไตล์ที่น่าสนใจ มีอะไรที่แตกต่างออกมา มีทางเลือกให้เราฟังกันมากขึ้น แค่ที่เป็นกระแสเพราะตอนนั้นแมสจริงๆ

ป๊อป : ช่วงที่วงนี้เกิดขึ้นมาได้มันก็เป็นช่วงที่ไอดอลเป็นกระแส แต่เราไม่ได้มาแค่เป็นกระแสแล้วก็ไป เราอยากจะไปต่อเรื่อยๆ

ฟอล์ย : เราอยากเข้าไปในวงการเพลงมากขึ้น คิดว่าถ้าเราเข้าไปในวงการได้มากขึ้นก็จะทำให้เราไม่ได้เป็นแค่กระแสในช่วงหนึ่ง แต่จะเป็นสิ่งที่ทุกคนจำได้เสมอ

ฟอล์ย : หนูพูดรู้เรื่องหรือเปล่า

ปลั๊ก : พูดดีกว่าพี่อีก

เรา : ติดไข้

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชาคริต นิลศาสตร์

อดีตตากล้องนิตยสาร HAMBURGER /ค้นพบว่าตัวเองมีความสุขและสนุกทุกครั้งที่ได้ทำงานภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว