ใครที่มีโอกาสได้ดูซีรีส์ ‘ดาหลา บุปผา ฆาตกรรม’ ทางเน็ตฟลิกซ์ไปแล้วก็คงมีมุมมองความชอบและความคิดเห็นที่ต่างกันไปในแง่ของเนื้อเรื่องหรือโปรดักชัน และที่ขาดไม่ได้ คือ ตัวละคร ซึ่งคอยขับเคลื่อนซีรีส์ให้ดำเนินไปตามเส้นเรื่อง ที่แต่ละบทก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะกับซีรีส์ที่มีกลิ่นอายของการสืบสวนเช่นนี้ คนดูอย่างเราๆ ต้องคอย ‘สังเกต’ บุคลิก นิสัย คำพูดคำจา แบบตาไม่กะพริบ
แต่มีหนึ่งในตัวละครที่สำคัญและน่าสนใจ (จะไม่สปอยล์ว่าใคร เผื่อคนที่ยังไม่ได้ดู) ที่มีบุคลิกแบบ ‘สองหน้า’ เบื้องหน้ากับเบื้องหลังต่างกันคนละขั้ว และมีตัวละครอีกจำนวนไม่น้อยไม่ชอบจนถึงขั้นเกลียด จนนำไปสู่หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของเรื่อง
เอาเป็นว่า หากลองมามองในชีวิตจริง การชอบหรือไม่ชอบใครสักคนเป็นเรื่องปกติ แต่ละคนล้วนมีบุคลิกนิสัยบางอย่างที่มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ และไม่ใช่ทุกคนที่เราจะรู้สึก ‘คลิก’ ด้วย จนอยากเก็บความสัมพันธ์เอาไว้ แต่หากไม่ใช่ การบอกให้ใครสักคนรู้ว่าเรา ‘ไม่ชอบ’ เขา อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เมื่อเราต้องการหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น บอกใครสักคนที่เราไม่ได้สนใจจะออกเดต หรือไม่ได้อยากสร้างมิตรภาพด้วย
แต่ปัญหาก็คือ ไอ้ความชอบเนี่ยมันก็พูดกันง่าย แค่ชมเท่านั้น แต่การ ‘ไม่ชอบ’ นี่สิ คงไม่ง่ายที่จะบอกใครบางคนให้รู้ ยิ่งเป็นคนใกล้ตัว บางทีอาจกลัวจะเป็นหักหน้ากันขึ้นมาด้วยซ้ำ โดยเฉพาะคนไทยอย่างเราๆ ที่ขี้เกรงใจอยู่ด้วย
มันคงดีไม่น้อยถ้าเราเข้ากับทุกคนได้ แต่หากชีวิตจริงมันไม่ใช่ แล้วจะเตรียมใจยังไงดีหากตั้งใจแล้วว่าจะบอกใครสักคนว่า ‘ไม่ได้ชอบ’ เขา และต้องปล่อยไปจากวงกลมของเรา ไม่ว่าจะเป็นคนรัก เพื่อน หรือใครสักคนที่ แหม เหม็นหน้าเหลือเกิน อยากเอาออกไปจากชีวิตจัง
เมกชัวร์ว่าเราตัดสินใจถูกต้องแล้ว
แน่นอนว่าการ ‘ปฏิเสธ’ ไม่ใช่สิ่งที่น่าพึงใจสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการบอกใครสักคนว่าเราไม่ชอบ ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ ด้วยเหตุนี้ คงไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย เราจึงควรแน่ใจว่าไม่ต้องการให้ ‘บุคคลดังกล่าว’ เข้ามามีส่วนในชีวิตเราในระดับหนึ่ง หรือไม่อยากให้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย พูดง่ายๆ คือต้องชัดเจนว่าทำไมเราถึงไม่อยากเก็บเขาไว้ และมันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นอย่างไร
ชั่งน้ำหนักตัวเลือกของเราให้ดี บางครั้งการลองพยายามอีกสักเล็กน้อยอาจจะดีกว่าการยุติความสัมพันธ์ก็ได้ แต่ถ้าพิจารณาแล้วว่าการจบจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า ก็จงบอกไปเสียเถิด

เตรียมใจให้ดีกับช่วงเวลาสุดแสน Awkward
ในฐานะมนุษย์ เราต่างต้องการพยายามกำจัดความน่าอึดอัดใจและความรู้สึกขัดแย้งออกจากทุกสถานการณ์ แต่บางครั้งก็ต้องเข้าใจว่า เมื่อเราเลือกที่จะบอกใครสักคนว่าไม่ได้ชอบพวกเขา ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึก ‘กระอักกระอ่วน’ เกิดขึ้น แต่ความอึดอัดใจนี้เอง ก็จะคลายความทุกข์ใจที่มากกว่า ที่อาจเกิดขึ้นในวันข้างหน้าได้
วิธีคิดคือ การพูดความจริงอย่าง ‘ชัดเจน’ พร้อมทั้งแสดงความเคารพต่ออีกฝ่าย ด้วยความใจดีและอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากการแจ้ง ‘ข่าวร้าย’ ออกไปแล้วอีกฝ่ายดูค่อนข้าง ‘ปกติ’ ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า พวกเขาจะเดินจากชีวิตคุณได้ด้วยความภูมิใจที่ยังคงเหลืออยู่ แต่หากอีกฝ่ายยืนกรานว่า ‘ไม่ไป!’ เราก็มั่นใจได้ว่า นั่นคือปัญหาของพวกเขา และจงยืนหยัดเพื่อตัวเราเองด้วยวิธีที่เหมาะสม

การปฏิเสธใครสักคนไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
เข้าใจได้ว่า มันอาจเป็นช่วงเวลาที่หลายคนเกิดความกังวลว่าการบอกอีกฝ่ายตรงๆ จะทำให้พวกเขาขุ่นเคืองหรือไม่ แต่ไม่ต้องกังวลขนาดนั้น เพราะมันไม่ได้ทำลายชีวิตของพวกเขา และการปฏิเสธใครสักคนไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แม้จะรู้สึกไม่สบายใจ แต่หากเราชัดเจนแล้ว อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่า เราไม่ได้พูดแบบสุ่มสี่สุ่มห้า
แม้เป็นเรื่องปกติที่เราอาจรู้สึกแย่สักพักหนึ่ง แต่อย่าจมอยู่กับความรู้สึกแย่นานเกินไป จำไว้ว่า เมื่อถึงจุดหนึ่ง อาจมีใครสักคนมาบอกเราในสิ่งเดียวกันก็ได้

เลิกพูดว่า ‘ขอโทษ’
“ขอโทษที แต่เธอดีเกินไป” ประโยคคลาสสิกในการบอกเลิก แต่แท้จริงแล้ว การ ‘ขอโทษ’ เป็นการชี้ให้เห็นว่าเรารู้สึก ‘เสียใจ’ แทนอีกฝ่าย ซึ่งอาจทำให้ความรู้สึกของการถูกปฏิเสธของอีกฝ่ายแย่ลงไปอีก นอกจากนี้ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขอโทษเลย สิ่งที่เราทำก็เป็นเพียงแค่การบอกพวกเขาอย่างจริงใจที่สุดเท่านั้น ในอนาคตเขาอาจไปเจอคนที่ดีกว่าเราในความสัมพันธ์ก็ได้
อย่างไรก็ตาม ต้องเข้าใจว่า มีหลายวิธีในการจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ ขึ้นอยู่กับบริบทของความสัมพันธ์ บรรยากาศ หรือบุคลิกของอีกฝ่ายด้วย แม้การพูดตรงๆ จะเป็นหนทางที่ดีที่สุด แต่ก็ต้องตอบให้ได้ว่า ‘เป้าหมาย’ ของการ ‘แจ้งข่าวร้าย’ ต่ออีกฝ่ายคืออะไร แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายหรือน่าสนุก แต่การปฏิเสธใครบางคนไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนไม่ดีหรอก ที่สำคัญคือในระยะยาว มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิมสำหรับทั้งคู่ก็ได้
