และแล้วก็ถึงเวลาของฤดูฝน
ฤดูฝนทำงานกับความรู้สึกแต่ละคนต่างกันไป บางคนชอบความชุ่มฉ่ำของสายฝน บางคนตกหลุมรักกลิ่นสายฝน บางคนได้แรงบันดาลใจจากความทึมเทาของบรรยากาศ
“เขาว่าฝนมันทำให้คนเหงา”
“ดอกไม้ที่รอฝน ก็เหมือนคนทางนี้ที่รอเธอ”
และหลากบทเพลงที่เกี่ยวกับฝนที่คุ้นเคย บอกว่าฝนมักมาพร้อมความรู้สึกเหงา และเศร้าที่เข้มข้นกว่าปกติ นั่นเพราะอย่างที่หลายคนรู้ว่าสภาพอากาศส่งผลต่ออารมณ์ได้จริง มีการศึกษาวิจัยในปี 2020 ที่พบว่าผู้คนมีแนวโน้มที่จะประสบความรู้สึกซึมเศร้าเมื่อสภาพอากาศครึ้มฝน
การวิจัยยังพบการเชื่อมโยงระหว่างฝนกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ ‘การลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง’ มีการวิจัยอีกชิ้นในปี 2018 ที่พบว่า ฝนทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะลงคะแนนเสียงเพื่อ ‘ความเปลี่ยนแปลง’ น้อยลง ไปจนถึง ‘ความรู้สึก’ เกี่ยวกับการบริการในร้านอาหาร
บางครั้งส่งผลให้เกิดภาวะอย่างซึมเศร้าตามฤดูกาล หรือ SAD ได้เลยด้วยซ้ำ
สำหรับบางคน การตื่นขึ้นมาพบกับท้องฟ้าครึ้ม และเสียงหยาดฝน อาจไม่ได้โรแมนติก แต่เป็นความรู้สึกหดหู่ใจมากกว่า แล้วจะทำยังไงเพื่อเปลี่ยน ‘มูด’ ความซึมเซาจากฝนได้บ้าง?
อารมณ์ซึมเศร้าเป็นภาวะ ไม่ใช่ลักษณะนิสัย

อารมณ์เป็นคำจำกัดความของความรู้สึก ดังนั้นหมั่นเตือนตัวเองว่าอารมณ์ของเราเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว อารมณ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และอารมณ์ที่รู้สึกไม่ได้หมายถึง ‘ตัวตน’ ของเรา ในความเป็นจริง อารมณ์มักเกิดได้ง่ายจากภาวะชั่วคราวบางอย่าง เช่น ความเหนื่อยล้า ความเครียด และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่นนั้นแล้วความคิดสามารถทำให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกได้เช่นกัน การเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนความคิดเพื่อเตือนตัวเองว่า ‘อารมณ์เป็นสิ่งชั่วคราว’ จึงช่วยได้
ยอมรับความรู้สึกของคุณ

การยอมรับ ‘ในสิ่งที่เป็น’ เป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง หากรู้สึกกลัว ให้ยอมรับความกลัว หากรู้สึกเจ็บปวด ให้ยอมรับความเจ็บปวด หากรู้สึกซึมเศร้า ให้ยอมรับภาวะซึมเศร้านั้น อย่าพยายามคิดว่าเราไม่ได้เป็นอะไร วิธีนี้จะช่วยระบุ ‘สิ่งที่เกิดขึ้นจริง’ ซึ่งแสดงออกผ่านตัวตนของเราได้ อันจะนำไปสู่ทางแก้ที่ ‘ตรงจุด’ จำไว้ว่าการ ‘ยอมรับ’ สิ่งที่รู้สึกไม่ได้หมายความว่าเรา ‘เห็นด้วย’ หรือ ‘ชอบ’ สิ่งนั้น แต่เป็นเพียงแค่การละทิ้งการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ไม่ใช่ โดยยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่
รับรู้ถึงอารมณ์ที่เกิดขึ้น

บางครั้งการพยายามต่อสู้กับความรู้สึกซึมเศร้า หรือพยายาม ‘ไม่รู้สึก’ อาจทำให้สิ่งต่างๆ แย่ลง แทนที่จะทำเช่นนั้นให้ลองใช้เวลาเพื่อ ‘รู้สึก’ ถึงสิ่งที่อยู่กับเราจริงๆ เมื่อสามารถรับรู้ถึงอารมณ์เหล่านั้นได้ในทางหนึ่ง ก็เหมือนเป็นการพยายามปลดปล่อยพลังของอารมณ์นั้นที่มีต่อเรา ลองนั่งนิ่งๆ จดจ่อกับอารมณ์นั้น สังเกตว่าอารมณ์ไม่ได้ควบคุมเรา แต่เราต่างหากที่จะเป็นผู้ควบคุมมัน เมื่อถึงจุดหนึ่งกระบวนการในการ ‘รู้สึก’ ถึงอารมณ์นั้นจะช่วยให้เราเริ่มปล่อยวางได้
ปัจจุบันสำคัญที่สุด

คนเรามักติดอยู่กับอนาคต หรือไม่ก็อดีต ซึ่งนำไปสู่ความทุกข์ที่มากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถควบคุมสิ่งใดได้เลย แต่เมื่อมาจดจ่อกับเวลาปัจจุบัน เรามักรู้สึกผ่อนคลายลง เพราะรู้ว่าเราสามารถจัดการสิ่งใดได้บ้าง บางครั้งสายฝนชอบดึงเราเข้าสู่ห้วงเวลาเหล่านั้น จนทำให้รู้สึกเศร้า ดังนั้นการฝึกสังเกต และรับรู้ถึง ‘ปัจจุบัน’ โดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมด จดจ่อกับธรรมชาติ สิ่งรอบตัว ผู้คนรอบข้าง เพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน และเตือนถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราจึงสำคัญ
เคลื่อนไหวร่างกายเสียบ้าง

กิจกรรมทางกายเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการบรรเทาอาการซึมเศร้า ไม่ว่าจะเป็นการเดินหรือวิ่ง นับเป็นวิธีที่ดีในการเอาชนะความเหนื่อยล้า พลังงานลบ ความวิตกกังวล ความเครียด หรือแม้กระทั่งความรู้สึกดูถูกตัวเอง การเคลื่อนไหวร่างกายไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายดีขึ้น แต่ยังช่วยให้ได้ ‘หันเห’ ความสนใจจากอารมณ์ต่างๆ และสร้างสารเคมีเชิงบวกอย่างเอนดอร์ฟิน ที่ทำให้รู้สึกสดชื่นได้ แม้ว่าสายฝนจะกำลังโปรยปรายก็ตาม
เช่นนี้แล้วฤดูฝนที่กำลังมาถึงอาจนำมาซึ่งอารมณ์ที่หลากหลาย และท่วมท้น เหมือนสายฝนเวลาพร่างพรมสิ่งใดก็มักทำให้สิ่งนั้นเข้มชัดขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ความรู้สึก แต่หากมันกำลังทำให้ ‘มูด’ เชิงลบในร่างกายก่อตัวขึ้น ก็อาจถึงเวลาจัดการความรู้สึกนั้นแล้ว
เพื่อให้สายฝนเป็นเพียงฤดูกาล ไม่ใช่เหตุของความเศร้า