วันที่ฉันเห็นคุณค่าของชีวิต

เช้าวันจันทร์หนึ่งที่เหมือนวันจันทร์เดิมๆ ของฉันที่ต้องออกจากบ้านประมาณหกโมงครึ่ง
และขับรถเดินทางไปทำงานยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทองซึ่งห่างจากบ้านประมาณ
120 กิโลเมตร ใช้เวลารวมรถติดตามธรรมดาของกรุงเทพฯ ประมาณ
2 ชั่วโมง

ก่อนออกจากบ้านฉันดื่มกาแฟเย็น
เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ตัวเองพร้อมเดินทาง วันนี้รถไม่ติดมากนัก
ฉันสามารถขับไปได้เรื่อยๆ แต่ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไร
วันนี้ฉันรู้สึกง่วงมากเป็นพิเศษ แต่ฉันคิดว่าฉันยังมีสติดีและขับต่อไปได้
การเดินทางก็ผ่านไปเรื่อยๆ ความง่วงก็ยังคงที่ ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองตื่น
ตั้งแต่เปิดเพลงดังๆ ร้องเพลงตาม โยกตัวไปมา หยิบน้ำแข็งมาถูหน้าเพื่อให้สดชื่น
พยายามบีบๆ นวดๆ ให้หายง่วง ฉันเปลี่ยนมาขับเลนส์กลาง เพื่อลดความเร็วให้ช้าลง
จนเหลือระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ฉันภาวนาให้ถึงเร็วๆ
เนื่องจากตอนนั้นฉันรู้สึกว่า ทำไมมันง่วงขนาดนี้
ฉันเปลี่ยนเลนส์มาเป็นเลนส์ขวาสุด ขับอยู่ที่ความเร็วประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นที่จะถึงที่หมายซักที

……………………………………………………………

ฉันลืมตาจากภวังค์ด้วยความตกใจสุดขีด!!

ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าฉันหลับไปกี่วินาที
แต่รู้ตัวอีกที คือสะดุ้งตื่นมาพร้อมกับด้านข้างรถที่เกือบจะชนข้างทางด้านขวา
ฉันรีบหักรถให้กลับมาวิ่งตรงตามทางถนน หลังจากรถกลับสู่ทางของมัน วินาทีแรกที่ฉันกลับมามีสติเกือบเต็มร้อย
อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว ณ เวลานั้น ฉันคิดถึงครอบครัว
คิดถึงคนที่บ้านที่พึ่งจะร่ำลากันไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
หากเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านไปไม่จบลงแบบนี้ พ่อแม่ของฉันจะเสียใจมากแค่ไหน ที่ต้องมาเสียลูกไป
เพราะความประมาทเพียงเล็กน้อย ยิ่งคิดน้ำตายิ่งพรั่งพรู…

จากเหตุการณ์นี้ฉันรู้สึกว่า ความเป็นกับความตายมันใกล้กันมากเหลือเกิน
ชีวิตฉันมีค่ามาก อย่างน้อยก็มีค่ากับคนที่รักฉัน มีค่ามากกว่าที่ฉันจะเอามาเสี่ยงกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

“ขับรถอย่าประมาท”
ฉันมักได้ยินคำพูดนี้บ่อยๆ

มีบทเรียนตั้งมากมายให้เราได้เห็นกัน
แต่เรามักไม่ค่อยใส่ใจ และมักคิดว่ามันไม่เกิดกับเราหรอก

นี่สินะ “ความประมาท” ที่พูดถึง ฉันได้แต่คิดทบทวนเหตุการณ์

ขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ฉันยังมีโอกาสกลับมาเป็นฉันในวันนี้
ฉันโชคดีแค่ไหนแล้ว ที่ยังมีโอกาสกลับมาคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
คิดถึงผลที่จะตามมา และผลที่จะเกิดกับคนข้างหลัง

คิดเพียงแค่นี้
ก็ทำให้ฉันรักชีวิตเดิมๆของฉันมากขึ้นอีกหลายเท่าเลยล่ะ 🙂

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR