ในเช้าของวันที่แสงแดดอบอุ่นกำลังดี
มีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่านไปมาในย่านที่มีความเงียบสงบเป็นเครื่องประดับ
ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองหาที่นั่งรับประทานข้าวหมูแดงอยู่ข้างถนน
“ข้าวหมูแดงหมูกรอบหนึ่งจานใส่ไข่ด้วยครับ”
ผมหันไปสั่งพร้อมสบสายตาแม่ค้าผ่านตู้กระจกที่ห้อยหมูแดงชิ้นใหญ่อยู่สองสามชิ้น
หมูกรอบนอนเรียงรายอยู่บนเขียง กุนเชียงอีกหลายเส้น ไข่ต้มนับไม่ถ้วน ขาวนวลดูน่ากิน และแตงกวา!
“ไม่เอาแตงกวานะครับ”
ผมรีบทักแม่ค้าก่อนที่จะหั่นมันลงไปในจาน
“จ้ะ
นั่งเลยๆ” เสียงหวานๆ ของแม่ค้าตอบกลับมาพลางจับอีโต้สับหมูกรอบที่แผ่แน่นิ่งอยู่บนเขียง
ผมหยิบแก้วสแตนด์เลสกวาดน้ำแข็งจากในถังเทน้ำเปล่าเต็มแก้วแล้วเดินหาที่นั่งสำหรับมื้อเช้าของวัน
ที่นี่น้ำดื่มฟรีแต่ต้องบริการตัวเอง แม้ว่าลูกค้าจะเยอะในวันนี้
แต่ยังไม่ทันที่น้ำในแก้วจะลดลงถึงครึ่ง พนักงานหญิงคนหนึ่งก็ยกจานข้าวหมูแดงมาเสิร์ฟที่โต๊ะอย่างว่องไว
ผมหยิบช้อนส้อมรอไว้ก่อนแล้วพร้อมที่จะจัดการข้าวหมูแดงตรงหน้าลงท้องอย่างไม่เกรงใจ
ถ้าไม่พลันเหลือบไปเห็นแตงกวานอนเรียงอย่างสง่างามอยู่ข้างจานเสียก่อน
ผมหันไปมองแม่ค้า
กะพริบตาปริบๆ คล้ายคนโดนหักหลัง นั่นเพราะผมไม่ทานแตงกวาและรู้สึกเสียดายทุกครั้งที่ต้องลุกขึ้นจากไปโดยทิ้งแตงกวาไว้ในจาน เหมือนทุกครั้ง…สิ่งที่ผมทำคือเขี่ยแตงกวาไว้ข้างจานแล้วจัดการกับส่วนอื่นจนหมดเกลี้ยง
เพียงแต่ครั้งนี้ ขณะที่กำลังนั่งดูดน้ำล้างคอพลางทอดสายตาไปยังท้องถนน
ผมนึกย้อนกลับไปในความทรงจำว่าทำไมผมถึงเกลียดแตงกวานักหนา จำได้รางๆ ว่าในวันหนึ่งซึ่งยังเรียนอยู่ชั้นประถม
ผมกำลังเดินถือถาดเพื่อไปรับอาหารกลางวัน นั่นคือข้าวมันไก่
โดยที่แม่ครัววางแตงกวาไว้เป็นเครื่องเคียงอยู่ด้านข้าง แถมให้ทั้งที่ไม่ได้ขอ
พร้อมโปรยคำก่อนเดินจากมา
“ไม่อิ่มมาเติมได้นะจ๊ะ
กินแตงกวาด้วยนะ อร๊อยอร่อย” เธอยิ้มหวานส่งท้าย
ผมลองทำตามคำแนะนำของแม่ครัวยิ้มสวยคนนั้นอย่างเคร่งครัด
แล้วก็พบว่ารสชาติของแตงกวาช่างเลวร้ายเกินที่เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะรับได้
ผมคายมันทิ้งไว้ในหลุมหนึ่งซึ่งว่างเปล่าในถาด หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ไม่เคยแตะแตงกวาอีกเลย จนกระทั่งมาถึงวันนี้
วันที่อยู่ๆ ผมก็คิดว่ารสชาติของแตงกวาอาจไม่เลวร้ายเหมือนวันวานก็ได้
ผมจ้องมองแตงกวาที่ซุกเป็นกระจุกอยู่ข้างจาน
ใช้เวลานานพอสมควรสำหรับการรวบรวมความกล้าในการเผชิญหน้ากับแตงกวา
ในที่นี้ผมอาจหมายความว่าผมกำลังเผชิญหน้ากับความกลัวหรือประสบการณ์เลวร้ายในอดีต
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจลองจิ้มมันมาหนึ่งชิ้นแล้วยัดใส่ปาก หลับตา และเคี้ยวทันที
‘เป็นไปได้ยังไง
อร่อยว่ะ!’ คำนี้ผุดขึ้นมาในใจในขณะที่แตงกวายังถูกบดขยี้อยู่ในปาก
รสชาติของแตงกวาในวันนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับแตงกวาในวันวาน
ดูเหมือนความสัมพันธ์อันเลวร้ายที่มีมาเนิ่นนานระหว่างผมกับแตงกวาจะเปลี่ยนไป
หลังจากวันนั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนไป ผมกล้าทานทุกอย่างที่เคยฝังใจในอดีตและไม่คิดว่าจะทานได้ในชีวิตนี้
ไม่ว่าจะเป็นมะเขือเทศ ลูกเดือย หรือแครอท
ดูเหมือนอดีตที่เลวร้ายกลับกลายเป็นเรื่องง่ายดายในวันนี้
อาจเพราะกาลเวลาทำให้เราเติบโตและแข็งแกร่งพอที่พร้อมจะรับเรื่องราวต่างๆ ได้มากขึ้น
ภาพเด็กชายที่คายแตงกวาทิ้งค่อยๆ เลือนรางจางหายไป
เปลี่ยนเป็นภาพผมที่กำลังลุกจากโต๊ะโดยทิ้งจานข้าวหมูแดงที่ไม่เหลือแตงกวาแม้แต่ชิ้นเดียว