“บางมูลนากเมืองน่าอยู่” เมืองเก่าที่พยายามปรับตัวให้เก๋าตามการวิวัฒน์ของโลก

“ช่วงเวลาในอดีตไม่อาจหวนคืนกลับมาได้อีก สิ่งต่างๆ ไหลเคลื่อนไปข้างหน้าเสมอ”

อาจเป็นเพราะเหตุนั้น ร่องรอยของความทรงจำจึงถูกฝากฝังไว้กับสถานที่ที่ยังคงดำรงอยู่ แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่อาจอยู่คงทนถาวร เพียงแต่รอวันที่กระแสของเวลาจะพัดผ่านไป การคงรักษาไว้จึงสำคัญ และพวกเราในฐานะมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงเสมอ การถวิลหาสิ่งซึ่งผ่านพ้นไปแล้วคือความพิเศษอย่างหนึ่ง ดังนั้นจงโหยหา และคำนึงถึงอย่างเต็มที่ตราบเท่าที่จะรู้สึกได้

พวกเราชาว a day ผู้ซึ่งเป็นเหล่าคนที่รักในสถาปัตยกรรมเก่าๆ และอินกับเรื่องราวในอดีต จึงก่อร่างสร้างซีรีย์ ‘Lost In Local’ ขึ้นมาเพื่อพาเหล่านักเขียน และนักอ่านเดินทางไปเยี่ยมเยือนสถานที่สุดคลาสสิกที่ยังคงมีชีวิตโลดแล่นอยู่  พาไปประสบพบเจอกับผู้คน และความเป็นอยู่ที่ดำเนินไปคู่ขนานกับเมืองเก่าที่พยายามปรับตัวให้เก๋าตามการวิวัฒน์ของโลก

‘พิจิตร’ เป็นจังหวัดแรกที่เราได้เดินท่องล่องไป เหตุเพราะพื้นที่แห่งนี้ถือเป็นสถานที่อันเก่าแก่ มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี มีประวัติศาสตร์อันสำคัญมากมาย และยังเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยลำน้ำไหลผ่านมากมาย จึงมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติมาก

แม้ในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้จะไม่ได้ถูกอุ้มชูในฐานะเมืองแห่งการท่องเที่ยว แต่ไวบ์ของที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายของช่วงเวลาในอดีตที่ถูกแช่แข็งไว้ผ่านร้านรวง เรื่องราว และวิถีของคนในชุมชน เราจึงค่อนข้างที่จะมั่นใจได้ว่าจะต้องถูกใจเหล่ามนุษย์ Nostalgia ผู้ซึ่งโหยหาสิ่งละอันพันละน้อยที่กระตุ้นเร้าความฝังจำก่อนเก่าอย่างแน่นอน

คอลัมม์ ‘ที่ชอบ’ จะเริ่มต้นพาคุณลัดเลาะเข้าไปบริเวณตอนล่างของพิจิตรอย่าง ‘อำเภอบางมูลนาก’ ที่ในอดีตเคยถูกเรียกว่าบางขี้นากมาก่อน เหตุเพราะสมัยก่อนชุมชนอยู่ติดริมคลองบุษบง มีตัวนากอยู่เยอะมากๆ อึของเหล่าสัตว์ตัวจ้อยจึงมีอยู่เกลื่อนกลาด ชื่อเรียกของเมืองจึงตั้งตามความคลุ้งของภูมิทัศน์ และได้เปลี่ยนมาใช้บางมูลนากในภายหลังเพื่อความเสนาะหู

บางมูลนาก เมืองเล็กๆ ที่ผู้คนน่ารัก เป็นกันเองเดินไปถึงตรงไหนก็กลายเป็นลูกเป็นหลานของคนในพื้นที่ตรงนั้น เราอยากชวนให้คุณมาทำความรู้จักเมืองที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปีนี้ให้ดียิ่งขึ้น และคุณจะพบว่าบางมูลนากเป็นสถานที่ที่น่ารัก และน่าอยู่เกินกว่าที่ใครเคยจินตนาการไว้เสียอีก

‘บางมูลนาก’ เมืองอันซบเซาที่กำลังฟื้นตัว

‘บางมูลนาก’ อำเภอเล็กๆ ที่อยู่ในจังหวัดพิจิตร เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยความที่ร้าน

รวงต่างๆ ยังคงความคลาสสิกดั้งเดิมไว้อยู่ ทั้งป้ายร้าน โครงสร้างตึก บ้านไม้เก่าแก่ สิ่งเหล่านี้รวมกันทำให้ไวบ์ของชุมชนดูเหมือนหนังย้อนยุคสักเรื่องหนึ่ง

เดิมทีแล้วพื้นที่แห่งนี้เคยถูกเรียกว่า ‘เมืองภูมิ’ ที่แปลว่าแผ่นดิน ด้วยภูมิประเทศที่เป็นพื้นที่ราบลุ่มใกล้แม่น้ำน่านทำให้เคยเป็นเส้นทางคมนาคม จนเกิดความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม ประเพณี และการค้าขายเป็นอย่างมาก แต่เมื่อสิ้นสุดวาระของการขนส่งทางน้ำ สถานที่แห่งนี้ก็พลอยซบเซาลงไปด้วย ลูกหลานที่เกิดในชุมชน เมื่อเติบโตขึ้นก็ย้ายออกจากบ้านไปจนหมด เหลือไว้เพียงผู้สูงอายุที่ยังคงมีชีวิตดำเนินไปพร้อมๆ กับร้านค้าเก่าแก่ที่มีคุณค่าน่าฟื้นฟูให้ไปต่อกับโลกสมัยใหม่ได้

จึงมีกลุ่มลูกหลานที่มองเห็นความเป็นไปได้ตรงนี้จัดตั้งกลุ่ม ‘สานพิจิตร’ ขึ้นมาร่วมมือกับคนในชุมชนเพื่อกู้คืนความมั่งคั่งก่อนเก่าของบางมูลนากให้กลับคืนมา ขณะเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นเร้าให้หนุ่มสาว และคนรุ่นใหม่สามารถที่จะกลับมาทำมาหากินประกอบอาชีพที่บ้านเกิดได้

ละมุนนากคาเฟ่ หมุดหมายของการหวนคืนสู่ถิ่น

‘ละมุนนาก’ คาเฟ่ชิกๆ ละมุนใจวัยโจ๋ที่ถูกแวดล้อมด้วยตึกรามเก่าแก่ สถานที่แรกที่เราไปเยือน ร้านกาแฟสุดน่ารักที่บรรยากาศภายในร้านถูกตกแต่งราวกับอยู่ในการ์ตูนดิสนีย์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่อยากบันทึกความทรงจำสวยๆ เอาไว้ คาเฟ่แห่งนี้ไม่ว่าจะมองในมุมไหนๆ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นคนรุ่นใหม่คิดสรรค์สร้างอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นความเข้าใจอย่างดีเยี่ยมที่จะตกแต่งร้านเอาใจวัยหนุ่มสาวที่ชื่นชอบการแชะรูปถ่ายอย่างเป็นชีวิตจิตใจ แน่นอนว่าสิ่งนี้คือหัวใจสำคัญของร้านนี้ โต๊ะ เก้าอี้ มุมหนังสือ ทุกโซนถูกออกแบบมารองรับเหล่าคนที่ชื่นชอบสารพันของกุ๊กกิ๊ก มีของเล่นกระจุกกระจิกให้หยิบจับมาคลายเบื่อ 

แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านคือการผสมผสานความคิมิโนโตะแบบอบอุ่นโรแมนติกเข้ากับสัญลักษณ์ของชุมชนอย่างการจัดวางตัวนากสุดน่ารักให้โอบล้อมอยู่ถ้วนทั่วร้านรวมไปถึงเหล่าเมนูหวานเย็นชื่นใจที่หยิบเอาผลไม้ซึ่งมีมากในพื้นที่อย่างมะยงชิด มาทำเป็นสมูทตี้กินคู่กับเค้กตาลโตนด ก็อร่อยฟินติดลิ้นจนมาถึงวันที่นั่งเขียนอยู่นี่เลยแหละ

ละมุนนากคาเฟ่ เป็นเหมือนธงที่ปักลงบนผืนดินเก่าแก่แห่งนี้ เป็นทางที่กรุยไว้ว่าหากบ้านเกิดเราเฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้ง พวกเราก็จะกลับมาทำมาหากินที่นี่ได้ เหมือนกับที่เจ้าของร้านละมุนนากซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เรียนจบสถาปนิกซึ่งเกิดและเติบโตขึ้นจากบ้านเกิดที่มีนากมากแห่งนี้กลับมาเปิดร้านที่ช่างตามทันยุคทันสมัย แต่ก็ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของถิ่นกำเนิดไว้ข้างหลัง

ตลาดฟื้นอดีต ความคลาสสิกที่ไม่มีวันล่มสลาย

ทันทีที่เราได้มาเยือนโซนตลาดฟื้นอดีต กลิ่นอายของความเป็นกันเองตลบอบอวลอยู่ในพื้นที่ สิ่งแรกที่พวกเราทำคือการวิ่งไปหาคุณป้าที่ขายไอติมกะทิสูตรเด็ดอยู่บริเวณร้านขายของชำในตึกไม้เก่าแก่ เห็นอย่างนี้แล้วอดไม่ได้ที่จะหวนย้อนความทรงจำไปถึงวัยเด็ก ไอติมรสเลิศหอมกลิ่นกะทิกินกับขนมปัง และเครื่องเคราถั่วลิสงแกมลูกชิด ยืนกินกันในซอยเล็กๆ ที่ร้านรวงเลื่อนประตูเปิดกว้างไว้ต้อนรับ โดยมีไอ้ด่าง ไอ้ดำ ไอ้แดง สัตว์หน้าขนแอบนอนกรนอยู่ตามชั้นเก็บของและซอกบันได

พวกเราถูกต้อนรับอย่างอบอุ่นจากลุงๆ ป้าๆ ระแวกนั้น จนรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน 

ตลาดฟื้นคืนอดีตแห่งนี้มีอายุกว่า 100 ปี สถานที่แห่งนี้เคยมีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์อย่างสุดๆ ก่อนจะค่อยๆ ซบเซาลง และกลับมามีชีวิตอีกครั้งหลังการฟื้นฟูครั้งใหม่โดยใช้รากเหง้าดั้งเดิมในการเป็นฐานราก 

เราจะได้เห็นชีวิตของชาวบางมูลนากผ่านความตั้งอกตั้งใจในการสร้างพิพิธภัณฑ์ที่กักเก็บประวัติศาสตร์ของชุมชนเอาไว้คู่ขนานไปกับความเป็นอยู่ของผู้คนปัจจุบันที่ก็ยังคงความเดิมๆ ไว้จนเกิดเป็นมนต์เสน่ห์ของชุมชน

ตลอดเส้นทางของตลาดฟื้นอดีต เราจะได้เห็นข้าวของเครื่องใช้ที่สะท้อนวิถีชีวิตของยุคสมัยก่อนว่าในระแวกนี้เขาทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ไม่ว่าจะเป็น

‘พ้งล่ง’ อดีตร้านราดหน้าที่อยู่ในบ้านไม้เก่าติดริมน้ำ ข้าวของเครื่องใช้อันเก่าแก่ที่อยู่ในร้านทำให้เรามองเห็นภาพบ้านเมือง และความเป็นอยู่ในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี ยุคก่อนสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ โดยเฉพาะชาวจีนโพ้นทะเลที่มาทำการค้าขายอยู่แถบริมแม่น้ำเป็นจำนวนมาก

‘เสริมศิลป์’ พิพิธภัณฑ์ที่บรรจุเอาเครื่องใช้ที่สะท้อนยุคสมัยมาจัดแสดงไว้ให้เราได้สำรวจความชื่นมื่นของช่วงเวลานั้น สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดของโซนนี้ คือถุงกระดาษบรรจุสินค้าของร้านในอดีต เป็นถุงกระดาษปั๊มโลโก้ และภาพประกอบที่แข่งกันดีไซน์อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าในช่วงเวลานั้นการค้าขายของที่นี่เฟื่องฟูมากจริงๆ เพราะในยุคนั้นไม่ใช่ใครก็สามารถมีถุงกระดาษเป็นของตัวเองได้ หมายถึงว่าเหล่าชาวบางมูลนากนี้โก้แบบสุดๆ เลยแหละ

‘ห้องสมุดชุมชนและศูนย์การเรียนรู้’ ที่สร้างขึ้นมาให้เด็กๆ ได้ใช้งานจริงๆ จากการเดินลัดเลาะตลอดเส้นทางเราจะเห็นได้ว่าชุมชนแห่งนี้ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ของพื้นที่ และการมีส่วนร่วมกับเรื่องราวเหล่านั้นเป็นอย่างมาก ทั้งการสอดแทรกเรื่องนาก และอดีตของชุมชนเข้าไปในบทเรียน  เราจึงจะได้เห็นภาพของชุมชนที่ยังมีส่วนกลาง และใช้พื้นที่ร่วมกันจริงๆ 

สิ่งเหล่านี้คงสร้างสายสัมพันธ์ในระหว่างการเติบโตขึ้นของหนุ่มสาวได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

นอกจากเราจะได้เห็นประวัติศาสตร์เรื่องราวของพื้นที่แล้ว บ้านเรือน และผู้คนในระแวกก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนที่นี่น่ารักจริงๆ พวกเราได้เดินผ่านตรอก ตึก ที่ยังคงความเดิมๆ เอาไว้ แล้วแวะเข้าไปร้านยาเก่าแก่ติดริมแม่น้ำที่ลุงๆ ป้าๆ ยังนั่งดูทีวีจอแก้วอยู่หน้าบ้านกันอยู่เลย 

และเมื่อเดินเข้าไปข้างในก็ยิ่งต้องอึ้งกับความคลาสสิกที่เหมือนเดินหลุดเข้าไปในหนังไทยเก่าๆ สักเรื่อง ชั้นเก็บยา ตาชั่ง บันไดไม้ โต๊ะหินอ่อน เก้าอี้ริมน้ำ ความละเมียดละไมในชีวิตเหล่านี้ช่างชุบชูใจเหล่าคนที่วันๆ หน้าตั้งรถติดไปทำงานแต่เช้าอย่างเราๆ เป็นอย่างมาก

ล่องเรือแม่น้ำน่าน ฝูงค้างคาวแม่ไก่ วิวหลักล้านที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

เมื่ออาทิตย์อัสดงเวลาที่เรารอคอยก็มาถึง คุณลุงคนขับเรือยืนรอเราอยู่ตรงท่าเทียบน้ำที่มีแดดยามเย็นรำไร เรือลำเล็กพาพวกเราลอยละล่องไปบนผิวน้ำ ตลอดเส้นทางบนเรือ เราจะได้เห็นผู้คนออกมาทำมาหากินอยู่ตามที่ต่างๆ บ้างก็ดำน้ำงมหาปูหาปลา บ้างก็มารวมกลุ่มกันเก็บพืชผัก ความอภิรมย์นี้เป็นเหมือนของขวัญสำหรับความเหนื่อยล้าของปีนี้เลยทีเดียว เราใช้เวลาร่วมชั่วโมงที่จะชื่นมื่นอยู่บนเรือให้ลมตีหน้า แสงสีส้มอมชมพูบนท้องฟ้าเปลี่ยนเฉดไปเรื่อยๆ เหล่านกน้อยใหญ่พากันบินกลับบ้าน จนเรือพาเราไปเยือนถิ่นค้างคาวแม่ไก่ เหล่าแบทแมนพรางตัวอยู่บนต้นไม้สูง ดูผ่านๆ เหมือนพุ่มไม้สีดำที่สุมกันอยู่จนพูน กระทั่งคุณลุงคนขับเรือเป่านกหวีดดังปรี๊ดปร๊าด ฝูงแบทแมนแตกกระเจิงออกมาโชว์ตัวเต็มผืนฟ้าสีส้ม 

นี่เป็นครั้งแรกที่เราเห็นสัตว์กลางคืนจำนวนมากอย่างเต็มตา แม้คุณลุงคนขับเรือจะบอกว่าวันนี้ถือว่าน้อยนะ แต่สำหรับชาวเราที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ก็ตื่นตูมกับความมากมายของมันอยู่ดี 

ณ ขณะที่เรือกลับตัวเรานึกกับตัวเองในใจว่านานแค่ไหนแล้วนะ ที่ไม่ได้ปล่อยให้สภาพแวดล้อมโอบรับเราทั้งตัวแบบนี้ แบบที่ไม่มีสิ่งวกวนอื่นๆ มากวนใจ ปล่อยให้สภาพแวดล้อมได้เป็นตัวเอกในฉากบ้างก็ดีเหมือนกัน

บางมูลนากคงไม่ใช่เมืองที่ฉูดฉาดเหมาะแก่การมาเที่ยวแบบสุดสวิงริงโก้ แต่เป็นเมืองเล็กๆ ที่น่าอยู่ ทริปในครั้งนี้เราจึงไม่ได้รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักท่องที่มาเที่ยวแม้แต่น้อย แต่รู้สึกเหมือนได้มา ’อยู่’ ที่นี่ในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะเหล่าผู้คนและสถานที่ไม่ได้วางท่าที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยว แต่พวกเขาโอบรับเราเหมือนว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ ด้วยความเป็นกันเองของผู้คน และความเรียบง่ายของวิถีชีวิต จังหวัดพิจิตรจึงเป็นเมืองที่อ้าแขนต้อนรับใครสักคนที่อยากจะใช้เวลาพักกายพักใจในพื้นที่ที่รู้สึกว่าตัวเองได้เป็นส่วนหนึ่งของที่ตรงนั้น ถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติและชีวิต

a team ยังมีคอนเทนต์ในซีรีย์  ‘Lost In Local’ สุดจึ้งให้คุณดื่มด่ำอีกมากมาย เพราะพวกเราคือเพื่อนที่จะพาคุณไปเที่ยว ติดตามได้ที่ aday

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

นอยบอย

ช่างภาพที่ชอบนอยเพราะน้ำตาลตก 🥲