‘Alie Blackcobra’ ศิลปินผู้เชื่อว่าตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดต่างเพศที่รักมนุษย์อย่างเท่าเทียม‘Alie Blackcobra’

‘Alie Blackcobra’ ศิลปินผู้เชื่อว่าตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดต่างเพศที่รักมนุษย์อย่างเท่าเทียม‘Alie Blackcobra’

เข้าสู่ Pride Month ทั้งที จะไม่พูดถึงเรื่องเกย์ๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะกับ ‘ตูน-กรินทร์ อ่องชุ่ม’ หรือ ‘Alie Blackcobra’ ศิลปินที่ใช้เสียงดนตรี ศิลปะ และความเป็นตัวเอง ขับเคลื่อนความหลากหลายผ่านบทเพลงในแบบที่กล้าพูดและกล้ารักในสิ่งที่ตัวเองเป็น

“ชอบเกย์จริงเหรอ?” 

“ทำไมไม่ชอบชายแท้?” 

“ยูเป็นสายฝอนะ ทำไมไม่ชอบสายฝอล่ะ?”

คำตอบชัดๆ จากเธอคือ “พวกเกย์มันน่ารัก ชอบเรียกเราว่าที่รัก ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้คิดอะไร”

จึงเป็นที่มาของเพลง G.A.Y เพลงล่าสุดที่ทำมาเพื่อตอบทุกคำถามไว้ในเพลงเดียว ด้วยความที่เธออยู่ในวงการอินฟลูเอนเซอร์มาหลายปี ทำให้รู้ดีว่า “โลกใบนี้มันเต็มไปด้วยกรอบ” 

เพราะเหตุนี้ เราจึงชวนเธอมาพูดคุยถึงตัวตนของเสียงเพลงในแบบฉบับของ ‘Alie Blackcobra’ ไปจนถึงเบื้องหลังการทำเพลงที่เลือกทำงานกับคนรุ่นใหม่ ที่เธออยากเป็นพื้นที่ให้เหมือนที่เธอเคยได้รับมาก่อน รวมถึงงานอาร์ต เรื่องราวความรัก และแฟชันที่คอยเติมแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนมนุษย์ที่อยากรักอะไรก็สามารถรักได้เหมือนเธอ 

เราโตมาแบบ High School แต่ก็ฟัง Britney Spears

คำถามเรื่องเพศก็เป็นสิ่งที่ค้นหามาตลอดเหมือนกัน

เราโตมากับเสียงเพลงตั้งแต่เด็ก ที่บ้านชอบเปิด Britney Spears กับ M2M เราเลยอินเพลงฝรั่งตั้งแต่ยังตัวกะเปี๊ยก แถมแม่ยังร้องเพลงกลางคืน พอ ป.1 ป.2 ก็ได้ขึ้นร้องเพลงกุ๊กกิ๊กกุ๊กหม่ำกับแม่ จังหวะที่คนปรบมือให้บนเวที กลายเป็นจุดเริ่มต้นความรักในเสียงเพลงที่เราจำฝังใจ

เราร้องเพลงมาเรื่อยๆ ทั้งในโรงเรียน มหา’ลัย จนได้ไปประกวด KPN Award ตอนนั้นก็ยังไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นศิลปินจริงจัง เพราะไม่รู้จะเริ่มจากไหน ไม่มีค่ายไหนเข้ามาทาบทาม ไม่มีเส้นสาย แต่เพราะอินกับมันจริงๆ เลยค่อยๆ หาทาง ล้มบ้าง เปลี่ยนทีมงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยหยุดทำ

คุณนิยามตัวเองว่าอะไร

ฉันเป็นกะเทยเหรอ? แต่ฉันไม่มีนม ไม่ได้กินฮอร์โมนนะ เราก็เลยนิยามตัวเองว่าเป็น “เควียร์” มากกว่า เพราะรู้สึกว่าตัวเองสามารถเป็นอะไรก็ได้ จะผู้หญิ๊ง ผู้หญิง จะแมนๆ ครับผม อ้อนแอ้น หรือหล่อเท่ ก็ได้หมด เป็นตัวตนทางเพศที่ไม่มีอะไรมากั้น

เราคิดว่าเราจะชอบใครก็ได้หมดเลย จัดระบบว่าไม่มีอะไรตายตัว เป็นกะเทยชอบทอม ทอมชอบผู้ชาย ผู้หญิงชอบเกย์ ผู้ชายชอบผู้ชาย หรือผู้หญิงชอบผู้หญิง

เราเชื่อว่าความเท่าเทียมหาได้ยาก แต่ความหลากหลายมันมีอยู่จริงและมีอยู่ทุกที่ แค่เราไม่ได้สนใจ เราอยู่แบบกลมกลืนกับธรรมชาติก็ทำได้นะ แต่ถ้าเราอยู่แบบมีสีสันมันจะเริ่ดกว่ามาก

เราหลงรักความประหลาดที่เล่าเรื่องได้                                                                                                        ใครจะไปรู้ว่าคนที่อยู่ข้างๆ อาจจะเป็นเอเลี่ยนก็ได้นะ

แรงบันดาลใจในการทำเพลงของคุณคืออะไร

พูดถึงในพาร์ตศิลปินของเราอีกอย่างที่ชัดมาก คือความประหลาด 

ใน MV ที่เราเคยทำ มีพาร์ตหนึ่งที่เล่นคอนเซปต์เอเลียนรักมนุษย์ หรือสัตว์ประหลาดมารักกับคน เพราะเรารู้สึกว่าโลกนี้มีอะไรแปลกๆ เยอะ แต่เราอยากทำให้มันสวย มันโฮ่ง เล่าเรื่องความรักได้เลยกลายเป็น MV เพลง ดูมีไร (DO ME RIGHT) ในทุกวันนี้ จริงๆ ชื่อ Alie ก็มาจากตัวเราเองที่ชอบเอเลี่ยนนะ

คิดว่าเพลงของตัวเองเป็นแบบไหน

ส่วนมากเพลงของเราจะเล่า Night Vibe ก็เลยจะดูมูดๆ ติดแกลม ส่วนเรื่องซาวน์ตั้งใจอยากให้มันเป็น Draemy R&B ฟุ้งๆ เหมือนอยู่บนสวรรค์ คนยุคนี้ชอบอะไรที่มันเบาๆ สบายใจ ผ่อนคลาย ดนตรีทั้งหมดก็เลยฟังได้เรื่อยๆ ไม่หนักหน่วงมาก

คิดว่าตัวเองมีความเนิร์ดกับผลงานมากน้อยขนาดไหน

ทุกๆ เพลงเราจะเอาสิ่งที่ชอบมาเขียนเป็นหลัก เคยมีเพลงที่ชื่อว่า Harry Potter เราชอบหนังเรื่องนี้ ชอบที่ตัวเองเป็นสาวเรเวนคลอ มีความจริงจัง ชอบอะไรคือชอบเลย มีความเนิร์ดและเฉพาะตัวมากๆ จริงๆ เราอยากทำ MV ที่อาร์ตแตกกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่ต้องบาลันซ์ระหว่างตลาดกับศิลปะก็เลยออกมาเป็นซิงเกิล ฟีลๆ อย่างที่เห็น

อย่างเพลง ‘แอ่นระแนง’ (ARCH) ก็จะเป็นปาร์ตีสายฝอ ได้นักแสดงหลักเป็นผู้ชายคนดำ ‘ดิ่งดาวน์’ (DOWN) ก็จะเศร้า เป็นธรรมชาติน้ำตก คนเอเชียจับไซเรน ‘มีฟีล’ (ME FEEL) คืออยากเป็นคุณหนูอยากไปอิตาลี ‘ดูมีไร’ (Do Me Right)  ก็จะเป็นมนุษย์ต่างดาวมารักกับมนุษย์

แต่เพลง G.A.Y คือตัวเราเป็นหลัก เกย์มันชอบไปยิม เราชอบแฟชัน ทำให้ดึงศักยภาพออกมามากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเพลงอื่นไม่ได้เป็นเรานะ เพลงอื่นก็เป็นเราในแต่ละรูปแบบเหมือนกัน

เคยมีช่วงหนึ่งที่เราอยากออกไปจากวงการบันเทิง 

พอได้มาทำเพลงก็รู้สึกว่าตรงนี้แม่งใช่มากๆ เลยว่ะ

‘ศิลปิน’ สำหรับคุณคืออะไร

สำหรับเรา คือศิลปะใน 3 นาทีที่เล่าเรื่องบางอย่างให้ง่ายขึ้น ผ่านเสียง ผ่านภาพ ผ่านมูด ผ่านวิธีร้อง ทุกอย่าง คือมาจากตัวเราเอง สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ คือเราเคยเขียนเพลงเองตั้งแต่เด็ก แต่โตขึ้นดันไม่มั่นใจในการเขียนเพลงเลย 

เราชอบทำงานกับเด็กรุ่นใหม่นะ เจอใครแต่งเพลงดีๆ บน TikTok ก็ชวนมาทำงานด้วย เพราะรู้ว่าพลังคนรุ่นใหม่มันตะลึง และก็อยากซัพพอร์ตเด็กๆ ให้ได้รู้สึกเหมือนตอนที่ตัวเองเคยได้รับการยอมรับแต่ก่อน

เราจะบอกเด็กรุ่นใหม่เสมอว่า “หนูมีของเว้ย หนูทำได้เว้ย” คือเด็กสมัยนี้ในหัวคิดเยอะมาก เราจะบอกหลายๆ คนว่าไม่ต้องคิดเยอะเลย แค่ทำลงไป อาจจะเจออะไรใหม่ๆ ก็ได้

ศิลปินเป็นสิ่งที่ชอบมากที่สุดมั้ย

การร้องเพลงเป็นสิ่งที่เราชอบที่สุด เรารู้สึกว่าตัวเองเกิดมาเพื่อเป็นนักร้อง การร้องเพลง คือศิลปะที่ใช่ที่สุดในชีวิต จริงๆ การเป็นอินฟลูเอนเซอร์ก็ชอบนะ เพราะมันได้เป็นตัวเอง นักแสดงไม่ค่อยชอบ เพราะไม่ชอบการอยู่หน้ากล้องเท่าไหร่ ส่วนนางแบบก็ทำได้ แต่ไม่น่าทำประจำ ปล่อยให้คนอื่นเขาเป็นดีกว่า พิธีกรก็พอทำได้ เพราะรู้สึกว่าตัวเองพูดเก่ง แต่อาชีพนักร้อง เราคิดว่าเราโตมากับมัน เรามีพรสวรรค์หลายๆ อย่างกับสิ่งนี้ และก็คิดว่าตอนนี้ทุกอย่างมันพร้อมแล้ว 

อยากให้คนที่ฟังเพลงเรา มองเราเป็นยังไง

เราอยากให้คนมองตัวเองเป็น ‘Sex Icon’ ไม่ใช่ในแบบโป๊เปลือย แต่คือการพูดเรื่องเพศ เรื่องรสนิยม เรื่องเซ็กส์แบบเปิดเผยจริงๆ แบบที่ประเทศไทยยังไม่ค่อยมีใครกล้าทำ เราไม่จำเป็นต้องพูดว่าเล็ดยุดตลอดเวลา แต่เราก็สามารถหยิบบางเรื่องมาพูดได้เพลงในอัลบั้มนี้เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่รักตัวเอง มีทั้งความเจ็บช้ำ ความมั่นใจ ความบ้าๆ บอๆ แต่ทั้งหมด คือตัวตนของตูนจริงๆ

คนเคยเห็นเรามอม ตลกๆ ในรายการหิ้วหวี แต่ยังไม่เคยเห็นตัวตนจริงๆ ของตูนในเรื่องความรัก เลยอยากให้ทุกคนได้ฟังดู แล้วจะรู้ว่าชีวิตเรามันสาหัสขนาดไหน

ในฐานะศิลปิน มองว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง

เรามองว่าตัวเองตอนนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จนะ แค่คิดว่าทุกอย่างมันเดินไปได้เรื่อยๆ สมมติว่าวันนี้ขึ้นบิลบอร์ด Hot 100 อันดับ 1 มันก็แอบว้าว แต่มันก็ยังไม่ใช่ความสำเร็จสูงสุดอยู่ดี เพราะพอมีอันนี้ก็จะอยากมีอีก แล้วมันจะวนไปเรื่อยๆ ไม่มีจบ

ความสำเร็จสำหรับเรา คือนิพพาน มันอาจจะดูเพ้อเจ้อนะ แต่เรารู้สึกว่านิพพาน คือที่สุดของความสำเร็จของมนุษย์ ทุกวันนี้มนุษย์มีอยู่สองอย่าง คือความฝันกับความอยาก ถ้าเรายังมีอยู่ มันก็จะไปต่อได้เรื่อยๆ ไม่มีวันพอ

เราไม่มีค่าย เราเป็นศิลปินอิสระ ทุกอย่างต้องคิดเองทั้งหมด อยากทำอะไรก็ทำ อันไหนเกินตัวก็ไม่ทำ อย่าง G.A.Y ตอนนั้นแค่อยากได้แดนเซอร์เยอะๆ อยากมีโชว์ใหญ่ๆ อยากมีโครีโอ ใหญ่ๆ ก็ต้องคิดทบทวนอยู่นานมาก สุดท้ายก็ต้องไปหาสปอนเซอร์เอง คิด ตัด ทอน คิดโปรดักชันส์ทุกอย่างด้วยตัวเองหมด เพราะงบทั้งหมดมันมาจากตัวเราเอง

แล้วคุณอยากเป็นศิลปินแบบไหน

เราไม่ได้อยากถูกจำกัดกรอบว่าเป็นแค่ศิลปิน LGBTQ+ เพราะแค่ LGBTQ+ เองมันก็มีหลายหมวดอีก ผู้ชาย ผู้หญิง เควียร์ กะเทย อีกเยอะ เราแค่อยากเป็น “ศิลปิน” ธรรมดาคนหนึ่งที่มีงาน มีผู้ฟัง มีคนสนับสนุน ซื้ออัลบั้ม มีคนเอางานเราไปเป็นแรงบันดาลใจ

เคยมีช่วงหนึ่งที่อยากออกจากวงการบันเทิงด้วยซ้ำ แต่พอได้ทำเพลงจริงจังรู้สึกว่าตรงนี้แหละใช่มากๆ ยิ่งพอปล่อยเพลงไปแล้วได้อ่านคอมเมนต์ใน DM ทุกวันว่า “หนูไม่อยากให้พี่ออกไปเลยนะ หนูชอบงานพี่มากๆ เพลงพี่ช่วยขับเคลื่อนบรรทัดฐาน (Norm) ต่างๆ ในสังคม” หรือ “ทุกเช้าหนูต้องเปิดเพลงพี่ก่อนออกไปข้างนอก เพลงพี่ทำให้หนูมั่นใจ ทำให้กล้าแต่งตัว กล้าเป็นตัวเอง”

คำพูดเหล่านี้กลายเป็นพลังที่ทำให้เรารู้สึกว่า เออว่ะ สิ่งที่เราทำมันมีความหมายจริงๆ ถึงจะตลก จะเล่น ถึงจะรักเกย์ยังไง แต่มันมีพลังบางอย่างที่ขับเคลื่อนให้คน ยืนหยัดในรสนิยมของตัวเองมากขึ้น

การเขียนเพลงที่ผ่านมา เปลี่ยนชีวิตคุณยังไงบ้าง

เปลี่ยนเลยค่ะ เห็นอะไรปุ๊บก็อยากเอามาเขียน อยากเอามาเล่า อยากเอามาถ่ายทอด เป็นการมองโลกอีกแบบไปเลย 

สำหรับคนรอบข้างอาจจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน แต่สำหรับตัวเราเปลี่ยนเยอะมาก โดยเฉพาะ “วิธีคิดกับความรัก” จะเม็ดเยอะมากขึ้น จะคุยกับใคร เลือกจะเดทกับใคร เมื่อก่อนเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรเยอะ เดี๋ยวนี้อินดีเทลมากขึ้น เพราะเวลาเจออะไรเศร้าๆ ก็คือ “ดี” เพราะเดี๋ยวได้เอามาเขียนเพลง หาเงินได้ต่อ (หัวเราะ)

ความหลากหลายมันมีจริง และมันอยู่รอบตัวเราจริงๆ                            

แล้วหลังจากนี้จะมีอะไรใหม่ๆ อีกไหม

จริงๆ ส่วนใหญ่เพลงของตูนจะเป็นเพลงช้า เพลงกลางๆ แต่ปลายปีนี้ตูนจะปล่อยอัลบั้มเต็มแล้ว มีเพลงที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่ R&B แต่จะมีหลายวัฒนธรรมทางดนตรีผสมกันมากขึ้น

มีฟีเจอริงกับศิลปินเยอะมาก เพราะรู้สึกว่าถ้าอยากให้คนจำได้จริงๆ ว่า “ฉันมาแล้วนะ” เราก็ต้องมีอะไรที่การันตีตัวเอง เราเลยไปชวนศิลปินหลายคนมา ซึ่งบางวงมันไม่เข้ากันเลย แต่พอรวมกันแล้วมันว้าวมาก ทั้งสำหรับตัวตูนและทีมงาน คือว้าวมากที่เขาตอบรับ

มีโอกาสทำเพลงความหลากหลายอื่นไหม 

จริงๆ เพลง G.A.Y เพลงนี้มันเฉพาะกลุ่มมากๆ เลย แต่เราอยากนำเสนอความเป็นศิลปินของตัวเองว่าเราชอบแบบนี้ อยากให้คนรู้จักเราในวงกว้างผ่านเพลง เพราะเรารู้สึกว่ามันเทสมาก อาร์ตมาก

แต่ถ้าถามว่าในอนาคตจะมีเพลงของกลุ่มอื่นไหม มีแน่นอน เพราะไม่ได้ทำเพลงเพื่อเฉพาะกลุ่มอย่างเดียว ทุกผลงานที่เตรียมไว้รอปล่อย มันฟังได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่ม เพลง G.A.Y แค่เป็นเหมือนสเตตเมนต์ชิ้นใหญ่ ที่เราอยากพูดว่านี่คือตูน นี่คือตัวเรา ให้ทุกคนรู้จักตัวตนจริงๆ ของ Alie Blackcobra ว่า “Alie เป็นแบบนี้ และชีคือหนึ่งเดียว”

ถ้าเปรียบเทียบชีวิตตอนนี้เป็นสี จะเป็นสีอะไร 

เราชอบสีเขียวนะ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นสีเหลือง สดใส เหมือนแสงแดด เหมือนได้อยู่นอกกรอบ ปล่อยวางมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนคิดเยอะจนปวดหัว ตอนนี้รู้สึกว่า ไม่เป็นไร ฟีลๆ ชีวิตมันต้องมีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง 

คิดเห็นยังไงกับ LGBTQ+ สมัยนี้ที่ยังเหยียดกันเอง

ถ้าให้พูดถึงสีธงบนโลกใบนี้ก็มีหลายสี การเหยียดกันมันไม่ได้เกิดแค่ใน LGBTQ+ หรอก ธงทุกสี ทุกคอมมิวนิตีมันมีหมดนั่นแหละ จะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย LGBTQ+ หรืออะไรก็แล้วแต่ เราเองก็รณรงค์กันมาตลอด จนปากจะฉีกแล้ว 

เราอยากให้มันหมดไปด้วยการดีดนิ้วปุ๊บแล้วหายไปเลย มองให้ลึกก็รู้ว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น มันรีเซ็ตยาก เลยอยากชื่นชมคนที่เริ่มรู้ตัวเองว่าการเหยียดมันไม่ดี ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย เพราะเราก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น เคยพูด เคยคิดไม่ดีกับคนอื่น แต่พอตระหนักรู้ว่ามันไม่ดีก็ไม่ทำอีกแล้ว

สุดท้าย คุณอยากเห็นสังคมเป็นแบบไหน 

เราเชื่อว่าความเท่าเทียมในสังคมมันเกิดขึ้นยาก ทุกคนก็พูดกันมาตลอดว่าขับเคลื่อนเพื่อความเท่าเทียม แต่อยากให้รู้ไว้ว่าความหลากหลายมันมีจริง และมันอยู่รอบตัวเราจริงๆ

อยู่กับมันให้สนุก อยู่กับมันให้เป็น และ “ให้เกียรติกัน” ความหลากหลายไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่จะช่วยกันเกื้อกูลให้เรามีความสุขไปด้วยกัน

สุดท้าย “มนุษย์ทุกคนมันต่างกันอยู่แล้ว” ความต่างของแต่ละคน ถ้าเรารวมกันได้ดี จะเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดีจริงๆ

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

นอยบอย

ช่างภาพที่ชอบนอยเพราะน้ำตาลตก 🥲