ถามตัวคุณไม่ต้องหันไปถามยาย ครั้งสุดท้ายที่ตรวจสุขภาพตาคือเมื่อไหร่?

ถามตัวคุณไม่ต้องหันไปถามยาย ครั้งสุดท้ายที่ตรวจสุขภาพตาคือเมื่อไหร่?

จริงๆ แล้วมนุษย์ให้ความสนใจกับอวัยวะแห่งการมองเห็นมานานแล้ว ภาพที่เราเห็น สิ่งที่เรารับรู้ ความรู้สึกที่ส่งผ่านเป็นเรื่องสำคัญของมนุษย์มาตั้งแต่โบราณกาล

เกือบหนึ่งพันปีที่แล้ว ในบันทึกของ Avicenna—นักปราชญ์ชาวเปอร์เซีย ได้กล่าวไว้ว่า ‘ดวงตาเปรียบเสมือนกระจก สิ่งที่เราเห็นเปรียบเสมือนเงาสะท้อนของกระจกคู่นี้’ นอกจากนี้ นักปราชญ์ชื่อดังอีกหลายคนก็ล้วนเคยแสดงทรรศนะเกี่ยวกับดวงตาเช่นกัน ศาสตร์ของดวงตาเป็นศาสตร์หนึ่งที่มีผู้ศึกษามันเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่นหนังสือชื่อ Book of Optics ของ Alhazen ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 มนุษย์ก็เริ่มมีการจดบันทึกความรู้เกี่ยวกับดวงตาในเชิงกายภาพและระบบการทำงานของมันเรื่อยมา จนเป็นคลังความรู้ขนาดใหญ่ในอวัยวะขนาดเล็กของเรา

.

ในเมื่อดวงตาของเรามีความสำคัญขนาดนี้…

ถามจริงๆ แบบไม่ต้องไปถามยาย ว่าครั้งสุดท้ายคุณได้ตรวจสุขภาพตาคือเมื่อไหร่?

ตรวจกันปีละครั้งหนึ่ง เธอคงไม่ใจร้าย

นอกเหนือไปจากเวลาหลับแล้ว เราใช้สายตาในการดำเนินชีวิตทุกขณะลมหายใจ

นั่นหมายความว่า ตาก็เหมือนระบบสำคัญอื่นๆ ในร่างกายที่ต้องเอาไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กเป็นประจำ เพราะสำหรับประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสายลมแสงแดดอย่างบ้านเรา การหลบเลี่ยงรังสียูวีนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และเจ้าแสงยูวีนี้เองที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคตา อย่างเช่น ‘ต้อ’ ซึ่งถ้าหากตรวจพบสัญญาณตั้งแต่แรกเริ่มก็สามารถรักษาได้ง่ายกว่า และส่งผลกระทบต่อสุขภาพตาน้อยกว่า ใช่ไหมล่ะ

โดยระยะเวลาที่เหมาะสมที่ควรไปพบผู้เชี่ยวชาญทางด้านสายตาก็คืออย่างน้อยปีละครั้ง หรือถ้าให้ดี โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนสวมคอนแทกต์เลนส์เป็นประจำ จะตรวจทุกๆ 6 เดือนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ทำไมถึงบอกว่าไม่เสียหาย? เพราะโปรแกรมตรวจสายตากับผู้เชี่ยวชาญนี้ คุณจะได้มันมาฟรีๆ พร้อมกับการซื้อคอนแทกต์เลนส์สำหรับเดือนใหม่น่ะสิ!

 

ซื้อคอนแทกต์เลนส์มันจะไปยากอะไร

ก่อนที่จะไปพูดถึงของฟรี (ที่คุณอาจจะยังไม่ว้าวเท่าไหร่ เพราะคุณยังคิดว่ามันผิวเผินไป แต่ได้โปรดอ่านต่อไป แล้วคุณจะอินกับเรามากขึ้น) ไหนๆ ก็พูดถึงการซื้อคอนแทกต์เลนส์แล้ว เราเชื่อว่าหลายคนมีสกิลการช้อปปิ้งไหลเวียนอยู่ในตัวไม่มากก็น้อย

แค่เห็นเลขตัวแดงๆ กระเป๋าตังค์ก็สั่นแปดจุดเจ็ดแมกนิจูดแล้ว!

แต่เอาเข้าจริง น้อยคนที่จะได้ของที่ ‘คุ้ม’ จริงๆ เพราะจะว่าไปเรื่องความคุ้มค่านั้นไม่ใช่เรื่องของราคาที่ถูกอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของคุณภาพสินค้าและสิทธิพิเศษเพิ่มเติมที่จะได้รับด้วย

อย่างคอนแทกต์เลนส์นี่ บ้านเราถือได้ว่าซื้อง่ายขายคล่องประหนึ่งสั่งนมอัดเม็ด ทั้งที่ความจริงแล้ว วัสดุที่เราสวมใส่เข้าไปในดวงตาอันล้ำค่าซึ่งมีอยู่เพียงคู่เดียวก็ควรจะมีพิธีรีตองกว่านี้สักเล็กน้อย ไม่ใช่เพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ใคร แต่เพื่อสุขภาพตาของคุณเองนั่นแหละ!

พิธีรีตองที่ว่าก็มีขั้นตอนง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แค่สละเวลาเล็กน้อย แทนที่จะกดสั่งซื้อคอนแทกต์เลนส์ออนไลน์แล้วส่งตรงถึงหัวกระไดบ้านอย่างที่เคย ก็ลองแวะเดินเข้าไปซื้อคอนแทกต์เลนส์จากร้านแว่นตาที่ได้มาตรฐาน และขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (ซึ่งก็มักประจำอยู่ที่หน้าร้านนั่นแหละ แต่เราไม่ค่อยได้คุยกับเขา) เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญที่ว่านี้ เขาก็แนะนำให้เราตรวจวัดค่าสายตาก่อนเป็นอันดับแรก (ถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายขอ เราก็จงขอตรวจเอง อย่าคิดมาก…มันฟรี) เพราะอะไร? เพราะในยุคที่สายตาของเราแทบจะเกาะติดกับหน้าจอสมาร์ตโฟนเป็นอวัยวะเดียวกัน แน่นอนว่าพฤติกรรมนี้อาจส่งผลกระทบถึงค่าสายตาของเราด้วย ไม่ว่าจะสายตาสั้นลง เกิดภาวะสายตาเอียงร่วมด้วย หรือแม้กระทั่งตาล้าตาแห้งง่ายเพราะจ้องจออยู่ตลอดเวลาแทบไม่กะพริบ!

 

คอนแทกต์เลนส์เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ว

เมื่อทราบค่าสายตาและความต้องการเบื้องต้นแล้ว ผู้เชี่ยวชาญก็จะสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมให้แก่เราได้อย่างถูกต้อง อย่างคนที่ใส่คอนแทกต์เลนส์มานานจนรู้สึกตาแห้งง่ายและระคายเคืองง่ายกว่าปกติ เขาก็จะแนะนำคอนแทกต์เลนส์รายวันชนิดที่ออกซิเจนซึมผ่านได้สูง เพื่อลดอาการดังกล่าว (สังเกตได้จากวัสดุทำคอนแทกต์เลนส์ที่มักจะระบุข้างกล่องเป็น Silicone Hydrogel)

หรืออย่างล่าสุด เราได้ยินว่าเดี๋ยวนี้เขามีคอนแทกต์เลนส์ชนิดที่มีการออกแบบโครงสร้างเลนส์ให้เข้ากับชั้นน้ำตาธรรมชาติของมนุษย์ (Tear-Infused Design) แล้ว เพื่อลดปัญหาอาการตาล้า (Eye Tiredness) และอาการตาแห้ง ที่คนที่ต้องจ้องจอคอมพ์นานๆ มักจะประสบปัญหากัน

ใช่ คอนแทกต์เลนส์ไม่ใช่แค่ถ้วยเจลนิ่มๆ ใสๆ อันจิ๋วหลิวเท่านั้น แต่เนื้อเลนส์ข้างในมันมีโครงสร้างซับซ้อนกว่าที่เราคิด

 

ใส่ ก่อน ซื้อ

ถึงผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ ‘คาดว่า’ น่าจะเหมาะสมกับเราแล้ว… แต่ก็อย่าเพิ่งรีบด่วนเชื่อไปเสียทั้งหมด เพราะน้อยคนนักที่จะรู้ว่าคอนแทกต์เลนส์ก็มีไซส์เหมือนเสื้อผ้านั่นแหละ

ฉะนั้น จงลองใส่ก่อนซื้อทุกครั้ง

เนื่องจากความโค้งของกระจกตาแต่ละคนไม่เท่ากัน เลนส์ที่มีความโค้งไม่พอดีกับลูกตาเราก็จะส่งผลให้รู้สึกระคายเคืองได้ เลนส์ที่หลวมไปก็จะทำให้มองเห็นไม่ชัดได้ เพราะเลนส์อาจจจะเคลื่อนหลุดจากจุดโฟกัสตลอดเวลา ส่วนเลนส์ที่คับไปใส่ยังไงก็อึดอัดลูกตาเปล่าๆ

เลนส์ที่ไม่ใช่ ทนใส่ไปก็เจ็บ

ทีนี้เข้าใจหรือยัง ว่าทำไมต้องไปซื้อคอนแทกต์เลนส์ที่หน้าร้านกับผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ?

ครบรอบซื้อคอนแทกต์เลนส์ใหม่ทั้งที ไหนๆ ก็ต้องจ่ายเงินอยู่แล้วก็ต้องเอาให้คุ้ม ตรวจค่าสายตาใหม่ เลือกเลนส์ใหม่ไปเลยไม่ดีกว่าหรือ จะได้มองเห็นได้ชัดแจ๋ว ไม่ต้องมาคอยเพ่งให้ตีนกาขึ้นก่อนเวลาอันควร

 

คุ้มในคุ้มในคุ้มในคุ้ม

ช้าก่อน ถ้าคิดว่าที่กล่าวมาข้างต้นนั้นคุ้มแล้ว เราจะบอกว่ามันคุ้มได้กว่านี้อีก

เรามีข่าวประชาสัมพันธ์จากทางผู้จัดจำหน่ายคอนแทกต์เลนส์รายวัน Johnson & Johnson Vision Thailand มาบอก (ใบ้นิดนึงว่าเป็นเป็นยี่ห้อรายวันเจ้าหนึ่ง ที่บอกแล้วต้องร้องอ๋อ!)

สำหรับใครที่คุ้นเคยกับคอนแทกต์เลนส์ยี่ห้อนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้วเราก็จะไม่ขอพูดอะไรมาก แต่สำหรับคนที่ไม่เคย เราจะบอกว่านี่เป็นผู้นำด้านคอนแทกต์เลนส์รายวันสุดล้ำที่ทันสมัยเกรดพรีเมียม และมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองการใช้งานถึง 8 แบบด้วยกัน รวมไปถึงมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตเลนส์เพื่อช่วยดูแลสุขภาพตาที่มีความต้องการที่แตกต่างกันอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีคอนแทกต์เลนส์เพื่อความงามและทำให้ดวงตาสุขภาพดีไปพร้อมๆ กันอีกด้วย (บอกแล้วว่าคอนแทกต์เลนส์สมัยนี้เขาพัฒนาแล้ว)

โดยปกติ คอนแทกต์เลนส์จาก Johnson & Johnson สามารถหาซื้อได้ตามร้านแว่นตาชั้นนำทั่วไป แต่สำหรับขาช้อปที่อัพสกิลการหาดีลสุดคุ้มมาแล้ว…เราขอแนะนำว่าให้ซื้อเป็น ACUVUE eCash หรือคูปองแทนเงินสด ที่ร้าน ACUVUE Official Store บน Shopee Mall (อ้าว, เฉลยชื่อแบรนด์เฉย)

จากนั้นจึงนำ ACUVUE eCash ซึ่งจะถูกส่งมาเป็น Link ไปซื้อคอนแทกต์เลนส์ที่หน้าร้านแว่นตาชั้นนำซึ่งได้รับการรับรองฐานะเป็น ACUVUE Experience Center เพราะได้รับการอบรมจนมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับคอนแทกต์เลนส์และสามารถให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพตาเบื้องต้น

 

ถามว่าทำไมต้องยุ่งยากอย่างนั้น?

เพราะคุณจะได้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมต่อไปนี้ยังไงล่ะ

  1. ส่วนลดสูงสุด 20%
  2. โปรแกรมตรวจวัดสายตา และตรวจสุขภาพตาเบื้องต้น ฟรี!
  3. สิทธิ์การทดลองใส่คอนแทกต์เลนส์ฟรี! (สงวนสิทธิ์เฉพาะการไปทดลองใส่ที่ร้าน)
  4. ของพรีเมียม หรือของสมนาคุณต่างๆ (สามารถติดตามได้ที่หน้าแฟนเพจ เนื่องจากของจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ)

โดยมูลค่าของ ACUVUE eCash ก็มีให้เลือก 3 ราคาด้วยกัน คือ มูลค่า 500 บาท, มูลค่า 1,000 บาท และมูลค่า 2,000 บาท ที่สามารถนำมาแลกซื้อคอนแทกต์เลนส์จาก Johnson & Johnson Vision ได้ทุกรุ่น ใครเป็นแฟนระดับไหนก็สามารถไปเลือกซื้อกันได้ที่ ACUVUE Official Store บน Shopee Mall เลยจ้ะ

ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับของสมนาคุณ และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพดวงตาได้ที่ facebook.com/JJVisionCareThailand

และโปรโมชั่นที่ goo.gl/CbbpYu

AUTHOR

ILLUSTRATOR

พนิดา มีเดช

กราฟิกดีไซเนอร์นิตยสาร a day ผู้มักตื่นสาย แต่หลงใหลแสงแดดยามเช้า และข้าวสวยร้อนๆ