‘สายเมาน่ะยู สายมูน่ะเรา’ จะเมาหรือจะมู โปรดจงรู้ ชะตาชีวิตอาจอยู่ที่ตัวเรา

มีคนเคยพูดเล่นๆ ว่า ความเมา กับ ความมู คล้ายจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน

เชื่อว่าคนส่วนมากเคยมีประสบการณ์ทั้ง ‘เมา’ (เน้นว่าจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) และ ‘มู’ (ดูดวง เปิดไพ่ ทำนายชะตา ราศี) สัดส่วนอันไหนมากน้อยกว่ากัน แล้วแต่รสนิยม

ที่บอกว่าทั้งสองเรื่องคล้ายจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน เพราะทั้งความเมาและความมูนั้นมีบางแง่มุมที่ให้ผลคล้ายกัน ซึ่งสะท้อนมาจาก ‘ความไม่มั่นใจ’ และ ‘ความไม่มั่นคง’ ที่มีต่อตนเอง และต้องการตัวช่วยบางอย่างที่มาคอยซัพพอร์ตความรู้สึก หรือผลักให้เรากล้าทะลุทะลวงความไม่มั่นใจนั้นได้ในช่วงเวลาหนึ่ง

ลองนึกดู หลายครั้งพอกรึ่มๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ บางคนจะเริ่มมีความมั่นใจ กล้าพูด กล้าแสดงออก ในบางสิ่งที่เรา ‘ไม่กล้า’ ในยามปกติ 

เอ้า! ชน!

นั่นเป็นเรื่องของสถานการณ์ในวงมึนเมาชั่วคราว แต่เมื่อขยายเป็นภาพกว้างมาเป็นสิ่งที่เรียกว่าชีวิตซึ่งมีความลึกซึ้งมากกว่านั้น ความไม่มั่นใจต่อตนเองอาจขยายกลายเป็นความรู้สึกไม่มั่นคงและเกิดความสั่นคลอนต่อชีวิต ไม่รู้ว่าตนเองกำลังก้าวเดินไปทางไหน หรือทางที่กำลังเดินไปนั้นถูกหรือผิด

การงาน การเรียน ความสัมพันธ์ ครอบครัว และอีกหลายสิ่ง ที่การตัดสินใจให้ถูกต้องนั้นเป็นเรื่องสำคัญและส่งผลต่ออนาคต และหลายคนก็ไม่กล้าฝากการตัดสินใจครั้งใหญ่ให้ ‘ตนเอง’ เป็นคนกำหนดชะตา แต่ต้องการบางสิ่งที่ ‘ใหญ่’ กว่าตัวมาเป็นผู้ช่วย

ความยากลำบากในการรับมือกับความไม่แน่นอน และเผชิญกับสิ่งที่ไม่อาจล่วงรู้ นั่นเองทำให้หลายคนเข้าสู่วงจรของการขอคำปรึกษาจากแม่หมอ พ่อหมอ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิต และให้รู้เกี่ยวกับ ‘แนวทาง’ ในการกำหนดอนาคตของตนเองที่ดีขึ้น (แต่บางครั้งพอรู้คำทำนายแล้วหนักกว่าเดิมเฉยเลย เอ้า!)

เข้าใจได้ว่าบางครั้งความไม่มั่นใจต่อการดำเนินชีวิตเกิดขึ้นได้ เราคงไม่สามารถฝาก เพราะมนุษย์น่ะ มีข้อจำกัดหลายอย่าง

The Singaporean เคยเขียนบทความถึงว่า ทำไมเราถึง ‘ควร’ และ ‘ไม่ควร’ ไปหาหมอดู ซึ่งผมอยากยกมาลองเป็นข้อพิจารณาสนุกๆ โดยเริ่มจากตัวอย่างว่าทำไมเราจึง ‘ควร’ เสียก่อน

  1) ‘มู’ เป็นเรื่องสนุกสนาน

บางคนรู้สึกว่าการไปขอคำทำนายจากการดูดวงเป็นประสบการณ์ที่น่าสนุก ในแง่ที่ว่า ตื่นเต้นที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ตื่นเต้นในการฟังคำทำนายหรือคำพยากรณ์ จากการดูดวง หรือกระทั่งบางคนมองว่า การไปดูดวงเป็นกิจกรรมทางสังคมที่สนุกสนานเมื่อได้ทำร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัวด้วยซ้ำ

2) ‘มู’ สามารถให้คำแนะนำได้

บางคนคิดว่าการดูดวงสามารถเป็นแนวทางหรือการสร้างความเข้าใจต่อชีวิตตนเองได้มากขึ้น ดังนั้น การมีใครสักคนที่ ‘เป็นกลาง’ ก็สามารถทำให้เรามีมุมมองต่อตนเองที่แตกต่างจากเดิมและมีคุณค่าเพิ่มขึ้นได้ไม่มากก็น้อย

3) ‘มู’ กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น

อย่างที่รู้กันว่า เรื่องของการดูดวงนั้นมีกลิ่นอายของความลึกลับที่ปกคลุมอยู่ เพราะมันเกี่ยวโยงกับพลังของการล่วงรู้บางสิ่งต่ออนาคตที่พลังมนุษย์ปกติอาจไม่เพียงพอต่อการรับรู้ ด้วยเหตุนี้ บวกกับความอยากรู้อยากเห็นอันเป็นลักษณนิสัยของมนุษย์ หลายคนจึงอยากเข้าไปสัมผัสกับความมูโดยตรง เพื่อจะได้รู้ว่าหลายสิ่งดำเนินไปเช่นไร ได้มีประสบการณ์ว่าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อชะตาของตนถูกทำนาย ไปจนถึง อยากลองว่าตนจะเชื่อหรือไม่เชื่อคำทำนายเหล่านั้น

4) ‘มู’ นำมาซึ่งความสบายใจ

สำหรับบางคน การไปดูดวงถือเป็นการปลอบประโลมหรือเยียวยาจิตใจ ถึงแม้ว่ามันอาจต่างจากเรื่องของการ ‘บำบัด’ กับนักจิตบำบัด แต่แม่หมอหรือพ่อหมอก็สามารถเป็น ‘ที่ปรึกษา’ ปัญหาด้วยได้ เพราะพวกเขาเหล่านั้นสามารถพาเราไปรับรู้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิต และช่วยกำหนดเส้นทางใหม่ที่ดีขึ้นสำหรับตัวเราได้

5) ‘มู’ คือข้อสนับสนุนความเชื่อส่วนบุคคล

มีคนไม่น้อยที่เชื่อว่า การดูดวงเป็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง และมองว่าเป็น ‘เครื่องมือ’ ที่มีประโยชน์ต่อการตัดสินใจหรือทำความเข้าใจโลกรอบตัว ลองนึกดูว่า แต่ละคนมีความเชื่อหรือมุมมองต่อบางสิ่งบางอย่างอยู่แล้ว ยิ่งถ้าได้มี ‘คำทำนาย’ ที่มาเสริมความเชื่อนั้น มันยิ่งจะเสริมสร้างความมั่นใจเพิ่มขึ้นทวีคูณ

ครับ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรมีประสบการณ์ดูดวง ถ้าลองมองให้ลึก เหตุผลแต่ละข้อล้วนเชื่อมโยงกับความรู้สึก ‘ไม่รู้’ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความรู้สึกในแง่ลบต่างๆ ของมนุษย์เราทั้งนั้น แต่ในแง่หนึ่ง การดูดวงคือสิ่งที่เข้ามาพยุง ซัพพอร์ต อุ้มชู ความมั่นคงทางจิตใจ ที่กำลังสั่นคลอนได้

แต่แน่นอนว่า เหรียญมีสองด้านเสมอ งั้นเราลองมาดูกันว่า เหตุผลอะไรบ้าง ที่เราอาจ ‘ไม่ควร’ หรือต้องชั่งน้ำหนักให้ดี หากจะเดินทางเข้าสายมู

1) ‘มู’ ขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

มีคำกล่าวที่เรามักได้ยินบ่อยๆ ว่า ‘หมอดูคู่หมอเดา’ นั่นเพราะการดูดวงชะตาถูกมองจากผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ว่า ไม่ใช่เรื่องทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ และไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างของแม่หมอ พ่อหมอ ดังนั้น เมื่อวิทยาการของโลกเดินทางมาถึงจุดที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าและเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การดูดวงหรือทำนายจึงอาจถูกมองว่าเป็นคำพูดลอยๆ ไม่มีความน่าเชื่อถือได้

2) ‘มู’ อาจเป็นเรื่องเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด

อย่าปฏิเสธเลยว่าเวลาเราเห็นข่าวพ่อหมอ แม่หมอ แปลกๆ ปรากฎตามหน้าสื่อ เรามักตั้งคำถามไปพร้อมกับความฮาว่า ‘อะไรของมันวะ?’ นั่นเพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ของจริง และตามหน้าข่าวก็มักจบลงด้วยเรื่องราวของการ ‘หลอกลวง’ จากบุคคลสิบแปดสิบเก้ายี่สิบมงกุฎ ที่มาใช้ประโยชน์จากความเชื่อของชาวบ้านที่กำลังอ่อนแอและขาดที่พึ่งทางใจ เพื่อผลประโยชน์ทางการเงินเท่านั้น ดังนั้น อย่าไปพูดถึงคำพยากรณ์ของบุคคลเหล่านี้เลย

3) ‘มู’ อาจส่งผลเสียต่อจิตใจ

แง่หนึ่งที่อันตรายไม่ต่างกับการ ‘เสพติด’ สิ่งอื่นๆ คือเมื่อเราติดการมูมากเกินไป อาจนำไปสู่ความรู้สึก ‘ทำอะไรไม่ถูก’ หรือ ‘ขาดสิทธิ์เสรีในการตัดสินใจ’ โดยไม่รู้ตัว ในทำนองเดียวกัน ความหวังแบบผิดๆ สามารถทำลายจิตวิญญาณของเราได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อจิตใจ ไม่ต่างจากการอนุญาตให้ ‘มู’ เป็นผู้กุมและกำหนดชะตาชีวิตของเรา แทนที่จะเรียนรู้ที่จะตัดสินใจด้วยตนเอง

5) ‘มู’ อาจขัดแย้งกับความเชื่อส่วนตัว

มีไม่น้อยที่เมื่อไปมูมาแล้วพบว่า เราไม่เชื่อในความถูกต้องของการดูดวงชะตา หรืออาจรู้สึกว่ามันไม่สอดคล้องกับความเชื่อและค่านิยมส่วนบุคคลของเราขนาดนั้น ถ้ามีความคิดเช่นนี้ เลี่ยงมูได้ให้เลี่ยงจะดีกว่า

แท้จริงแล้วการหันหน้าสู่การ ‘มู’ เกิดได้จากหลายสาเหตุ สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า สำหรับบางคน การมูเป็นเพียงความบันเทิงหรือแนวทางใหม่ๆ ของชีวิต แต่สำหรับบางคน สิ่งเหล่านี้อาจไม่มีประโยชน์ต่อชีวิตเลยก็ได้

หรือบางคนการมูหมายถึงทั้งชีวิตเลยทีเดียว! 

จะว่าไป ทั้งการเมาและการมู ไม่ใช่สำหรับทุกคน ดังนั้น ถ้าคุณไม่อยากเมา หรือพวกเราไม่อยากมู ก็ไม่เป็นไร

ถามหมอดูก็ได้ แต่อย่าเอาคำพยากรณ์เหล่านั้นมายึดถือเป็น ‘เด็ดขาด’ แต่ใช้เป็นแนวทางเพื่อการไตร่ตรองและตัดสินใจก็พอ ยิ่งไปกว่านั้น อย่าลืมหาวิธีแก้ไขปัญหาที่แท้จริงโดยการขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

อย่าปล่อยให้คนอื่นมากำหนดชะตาชีวิตของเราเลย

AUTHOR