ทันทีที่คนใกล้ชิดของเราเอาความลับที่รู้กันแค่สองคนไปป่าวประกาศให้บุคคลที่สามฟัง โดยที่เราไม่ได้ยินยอม ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ‘ความไว้ใจ’ ก็พังทลายลงทันที
สำหรับหลายคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อน หรือคนใกล้ชิดมาก ‘ความไว้ใจ’ คือสิ่งสำคัญมาก เพราะมันหมายถึงความรู้สึกเชื่อมั่นและมั่นใจในความจริงใจของอีกฝ่าย อันเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดี
ความไว้ใจมากก็ยิ่งเป็นมาตรวัดว่าเรา ‘ลึกซึ้ง’ กับอีกฝ่ายมาก จนสามารถเปิดเผย ‘เรื่องราว’ หรือ ‘ความเป็นมนุษย์’ ที่อยู่ลึกและลับของเราให้อีกฝ่ายได้รับรู้ โดยมั่นใจว่าเขาจะไม่ตัดสิน และเก็บมันไว้เป็น ‘ความเข้าใจอันละเอียดอ่อน’ ระหว่างสองคน
เพราะเมื่อมิตรภาพ คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย เมื่อมันถูกทำลายลงพร้อมกับความไว้วางใจ มันยิ่งเป็นความเจ็บปวดทวีคูณ ไม่ต่างกับการรู้สึกว่าตัวตนของเราพังทลายไปพร้อมกัน และต้องใช้เวลาในการกอบกู้เศษซากของความรู้สึก
และไม่แปลกที่ผลลัพธ์ของการที่ความไว้ใจถูกทำลายลง มักมาพร้อมกับการยุติความสัมพันธ์ระหว่างกัน เป็นความรู้สึกมองหน้าไม่ติด โกรธ และยากที่จะต่อติดเช่นเดิม ไม่ว่าเหตุผลของอีกฝ่ายคืออะไรก็ตาม
มีคำกล่าวที่ว่า ‘หากความไว้ใจสูญเสียไปครั้งหนึ่ง ไม่ง่ายที่จะตามหา ใช่ว่าแค่เป็นปี แต่อาจตลอดชีวิตก็อาจไม่พบอีก’
เอาล่ะ คงไม่มีใครอยากเผชิญกับการสูญเสียความไว้ใจจากคนใกล้ตัวแน่ๆ แต่หากวันหนึ่งบังเอิญว่าคนที่ถูกเลือกให้ซวยคือเรา จะมีวิธีจัดการยังไงดี?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

หากเราใจกว้างดั่งมหาสมุทร สามารถคิดได้ว่าทุกการกระทำของบางคนมีเหตุผลซ่อนอยู่เบื้องหลัง เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ต้องรู้สึกว่าอีกฝ่ายหักหลัง ก่อนที่เราจะเข้าบวก หรือให้อารมณ์เป็นตัวนำการตอบโต้ ลองถอยออกมาก้าวหนึ่งแล้วทบทวนว่าเรื่องอะไรที่เขาทำให้เราเสียความไว้ใจ พูดไม่จริง หักหลัง เปิดเผยความลับ หรือไม่ได้อยู่ข้างเราในตอนที่เราต้องการ สิ่งที่เขาทำเป็นแค่ครั้งเดียว หรือพฤติกรรมซ้ำๆ และอีกฝ่าย ‘ตั้งใจ’ หรือ ‘ไม่ตั้งใจ’ และสิ่งนั้นส่งผลกระทบต่อเราแค่ไหน
การลองไตร่ตรองเช่นนี้จะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่เกิด ‘ชัดเจน’ ขึ้น ไม่ทำให้ตัดสินใจจัดการด้วยอารมณ์ และอาจช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะเลือกให้อภัยไหม
คุณได้สิทธิ์ที่จะโกรธนั้นเดี๋ยวนี้

ขอโทษที่หลายคนอาจงงว่า มึงจะใส่คำว่า ‘เดี๋ยวนี้’ มาทำไมในหัวข้อ คือขออธิบายว่ามันเป็นประโยคติดปากของพิธีกรรายการ ‘เกมเศรษฐี’ ที่โด่งดังเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ที่จะพูดว่า ‘คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้’
กลับมาเข้าเรื่อง การที่คนใกล้ตัวทำให้เราเสียความไว้ใจ มันเป็นเรื่องเจ็บปวด อย่าบอกตัวเองว่า ‘มันไม่ใช่เรื่องใหญ่’ เรามีสิทธิ์ที่จะรู้สึกโกรธ เสียใจ ผิดหวัง สับสน หรือรู้สึก ‘ผิดที่ไว้ใจ’ ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้น ‘ถูกต้อง’ และ ‘สมควรได้รับการยอมรับ’ เพราะเรากำลังเสียใจจากการสูญเสียบางสิ่ง ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของ ‘คน’ แต่เป็น ‘ความเชื่อใจ’ จากมิตรภาพที่มี ดังนั้นเราไม่ควรเก็บไว้คนเดียว แต่ควรหาทางระบายด้วยการพูดคุยกับคนอื่น หรือบรรยายมันออกมาเป็นตัวหนังสือก็ได้
หาทางเคลียร์กันอย่างเปิดใจ

หากเรายังเห็น ‘คุณค่า’ ของมิตรภาพนี้ การลองพูดคุยเคลียร์กันอย่างเปิดใจอาจเป็นหนทางสุดท้ายในการรักษามันไว้ ไม่ใช่การเคลียร์เพื่อกล่าวโทษ แต่เพื่อทำความเข้าใจ ในการพูดคุยเราควรพูดถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้น และพูดถึง ‘สิ่ง’ ที่อีกฝ่ายทำอย่างตรงไปตรงมา อธิบายว่าทำไมสิ่งนี้ถึงสำคัญกับเรา แม้ว่าเขาอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย การทำเช่นนี้ ไม่ใช่การเรียกร้อง แต่คือการ ‘ปกป้อง’ ความรู้สึกของตัวเอง หากอีกฝ่ายยินดีพูดคุย ลองฟังสิ่งที่เขาจะพูด เพื่อดูว่าเราจะเข้าใจสิ่งที่เขาทำลงไปหรือไม่ และเขาสำนึกผิดไหม
และในครั้งนี้…โปรดตัดสินใจ

เมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้ว อย่าโกหกตัวเอง แต่จงทบทวนกับเรื่องราว และถามตัวเองตรงๆ ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับใจเรา เราอยากให้มิตรภาพนี้ดำเนินต่อไหม หรือมันยากเกินจะเยียวยา หรือเราต้องการเวลาอีกสักหน่อยเพื่อคิด ไม่ว่าคำตอบคืออะไร หากมันชัดเจนในใจก็จงเชื่อมั่นในสิ่งนั้น แม้คำตอบ คือการจากลาก็ตาม เพราะบางครั้งการจากลาก็คือการให้โอกาสต่อสิ่งใหม่ จำไว้ว่าไม่มีคำตอบไหนถูกหรือผิด แต่มีแค่สิ่งที่ ‘เหมาะ’ กับเราที่สุดเท่านั้น
รักได้แม้จะเดินออกมาแล้ว

บางความสัมพันธ์ แม้เราจะเสียดาย รัก หรือห่วงแค่ไหน แต่มิตรภาพบางอย่างก็ไม่เหมาะจะ ‘เดิน’ ต่อ หากสิ่งที่อีกฝ่ายทำเลวร้ายเกินรับ และยังคงไม่แคร์ความรู้สึกเรา เราควรเลือกตัวเอง หากเราต้องฝืนยิ้มและเข้าหาอีกฝ่าย นั่นไม่ต่างกับการละเลยความรู้สึกของตัวเอง จำไว้ว่าการตัดสินใจ ‘เลิก’ เป็นเพื่อนกับคนใกล้ตัวในความสัมพันธ์ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือความกล้าหาญ และที่สำคัญเราสามารถ ‘รัก’ และ ‘เดินออกมา’ ได้พร้อมกัน
ไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อต้องเจอสถานการณ์เกี่ยวกับความไว้ใจที่พังทลาย แต่หากมันเกิดขึ้นแล้ว จงยอมรับว่าความไว้ใจต้องใช้เวลา และการเยียวยาไม่ใช่เรื่องด่วน ความไว้ใจไม่สามารถกลับมาได้ทันที และหากเรายังรู้สึกแคลงใจกับอีกฝ่ายก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง
เพราะสุดท้ายแล้ว หากเรายังต้องการรักษาความสัมพันธ์ไว้ การกระทำของอีกฝ่ายหลังจากนั้นจะเป็นตัวบอกเองว่าเขาสมควรจะได้รับมิตรภาพของเราอยู่หรือไม่