‘Concetta’ ตามหาความหมายที่ซ่อนเร้นในอณูของความเป็นภาพยนตร์หลงเซ็กส์

*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาจากภาพยนตร์*

‘Concetta’ เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องแบบเรียบง่าย ไม่หวือหวา และปราศจากความคาดหวังจากคนดูอย่างฉัน โดยผู้สร้างอย่าง Aorta Production ฉลาดมากที่เลือกใช้ตัวละครหลักเพียง 3 ตัวเท่านั้นกับการบรรยายเนื้อหาสุดอีนุงตุงนังบนความต้องการความรักของ ‘อีฟ’ นักเขียนที่ขย้ำหนังสือเล่มใหม่ทิ้งไปแล้วไม่รู้กี่หน้า เธอพบกับ ‘วิตา’ หญิงโสเภณีที่ขายบริการให้เธอจนทำให้ไม่สามารถลืมสัมผัสที่เธอเคยฝากไว้ซึ่งกันและกันได้

เอาล่ะ ฉันไม่มีหน้าที่มาเพื่อสปอยหนัง! แต่ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้กลับทำให้ฉันต้องออกโรงมาเขียนถึงมันเลยทีเดียว ด้วยองค์ประกอบและความหมายที่ซ่อนอยู่อย่างซับซ้อนเต็มไปหมด ฉันมองเห็นว่ามันช่างสนุกจริงๆ หากจะหยิบมันมาขยี้เล่าผ่านบทความฉบับนี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

หนังขึ้นหิ้ง คุณภาพขึ้นรางวัล

เปล่าใช่หิ้งพระ! แต่คือหิ้งรางวัลที่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ‘ฉันพยายามจะไม่อวยมาก’ แต่ก็ต้องขอยอมรับพร้อมปรบมือไปกับการเอาใจใส่เป็นอย่างดีของทีมผู้สร้าง เรื่องแรกที่ฉันอยากพูดถึง คือการสร้างโลกใหม่ขึ้นมาพร้อมกับของตกแต่งประดับประดาด้วยองค์ประกอบมากมายที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จนทำให้ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นพุ่งออกมา

ตัวละคร ‘อีฟ’ สาวรุงรังที่เทศกิจเห็นห้องเธอเป็นต้องร้องกรี๊ด! ในเชิงความหมายอาจเปรียบได้ว่านี่คือการตัวละครที่ย้ำคิดย้ำทำมากที่สุด ‘ฟุ้งซ่าน’ คือเอกลักษณ์ประจำตัวเธอที่เห็นได้จากกองกระดาษที่ฟุ้งกระจายเกลื่อนห้อง เสื้อผ้าที่แขวนไว้อย่างขวางสายตา แถมด้วยแก้วกาแฟพร้อมคราบติดแน่นฉบับที่คิดว่าชาตินี้เธอคงจะไม่ล้างมันอีกแล้ว

สุดท้ายห้องเธอก็สะอาดขึ้น! ความรักทำให้คนเราสะอาดขึ้นได้จริงๆ ผู้เขียนอย่างฉันกล่าว ห้องของเธอมีความหมายเท่ากับความคิดที่ไม่ต้องเข้าใจอะไรยาก เธอมีความรักและเป้าหมายของเธอเหลือเพียงหนึ่งเดียว จากภาพที่เคยกระจัดกระจาย ไร้ซึ่งระเบียบวิธีคิด แต่จนบัดนี้ ไม่ต้องมีแล้วก็ได้เจ้ากองกระดาษและหนังสือพวกนี้ รีบเก็บมันเข้าตู้ซะให้จบๆ

แต่เดี๋ยวก่อน เธอเก็บทุกอย่างเข้าที่จริงๆ รวมถึงกระจกบานใหญ่ตอนเปิดเรื่องด้วย กระจกบานนี้ปรากฏขึ้นพร้อมจังหวะที่อีฟค่อยๆ โผล่ตัวขึ้นมาจากที่นอนในตอนเริ่มเรื่อง ภาพสะท้อนของเธออยู่ได้เพียงไม่นาน ก่อนจะหายไปตลอดครึ่งเรื่องหลัง 

ห้องรกๆ ที่ฉันชอบแซวใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป กระจกบานใหญ่มีหน้าที่สะท้อนตัวตนของอีฟตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และเมื่อชีวิตถลำลึกไปกับอวัยวะโยนี (อวัยวะเพศหญิง) ทำให้เธอกลับไม่เป็นตัวของตัวเองเหมือนแต่ก่อน แถมยังนิ่งเงียบได้

โถ่…ความรักทำให้คนตาบอด

ตัดมาที่ห้องชายหนุ่มด้านบน เขาเปิดตัวมารับโสเภณีถึงบันไดชั้นล่างสุด ผู้ชายคนนี้ดูช่างจืดจางมากกว่าใครๆ เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เนกไทสีตึก และกางเกงสีดำ สีเหล่านี้หาดูได้ไม่ยากเลย คุณจิ้มเอาจากผนังด้านหลังฉากมาก็ได้ ไม่นาน คุณก็ได้สีครบแล้ว ฉันพูดแซวประเด็นความจืดของชายหนุ่ม

ฉันเปล่าแกล้งว่าเขาไม่มีน้ำยาเลยนะ หลักฐานยังคงมีให้เห็นคาตาว่าเขายังเหลือน้ำนมขาวขุ่นทิ้งไว้ในถุงทรงกระบอกยาวขนาดความบาง 0.03 มิลลิเมตร 

แต่หยุดก่อนอานนท์ หยุดทะลึ่งไปกันใหญ่ องค์ประกอบพวกนี้ไม่เพียงแต่เข้ากันไม่ได้กับทั้งผลส้ม เหล้า จานเขี่ยบุหรี่ และหนังสือชื่อปกสัปดนที่ปนเปกันอยู่ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของที่ถูกจัดวางออกมาอย่างเล่นๆ แต่มันกลับมีความหมายสุดเจ็บปวดซ่อนอยู่

ผลส้ม คือสิ่งที่มีค่าที่สุดในภาพ มันดูมีสีสันมากกว่าสิ่งไหนๆ แล้วในห้องของเขาแล้ว นอกเหนือจากภายนอก สัญลักษณ์เชิงเพศของส้มยังถูกนำมาใช้เล่าถึงการเสียความบริสุทธิ์แบบที่เห็นกันชัดๆ ว่าผลส้มของเขาได้ถูกแกะเปลือกออกเรียบร้อย

ขวดเหล้าและจานบุหรี่ เจ้าคู่หูขวดสีใสพวกนี้ คือการถอดความหมายที่เจ็บปวดอีกด้านของชายหนุ่ม เพราะของสองสิ่งที่ว่าต่างเป็นเครื่องมือสำหรับการที่ใครบางคนใช้เพื่อพิสูจน์การเป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัว ซึ่งชายหนุ่มเองก็เลือกที่จะดื่มเหล้าจนหมดขวด แต่ถึงจะกล้าหาญขนาดไหน ก็ยังไม่มากพอที่จะลองสูบบุหรี่อยู่ดี เรื่องราวดำเนินไปด้วยการทิ้งความหมายไว้ให้สื่อถึงความครึ่งๆ กลางๆ ของการ (ใกล้) โตเป็นผู้ใหญ่ของชายหนุ่มผู้นี้

สิ่งสุดท้ายที่ต้องพูดให้ได้กับการจากไปของตัวละครชายหนุ่ม อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เขายังไม่ได้ตายไปไหน ฉากสุดท้ายบนรถของโสเภณีทิ้งความหมายอย่างที่ฉันเคยกล่าวไปก่อนหน้าเอาไว้ พร้อมกับฉากที่ยังเป็นเหมือนการขมวดปมและข้อคิดส่งท้ายให้ชายหนุ่มกลายเป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัว ซึ่งรองเท้าที่เธอให้ก็มีความหมายเป็นแบบนี้ไม่มีผิด

ฉันคือดอกไม้กลางใจเธอ

แม้ว่าฉันเองจะไม่เคยเห็นรูปแบบห้อง หรือสภาพบ้านของสาวโสเภณีเลยก็ตาม แต่ฉันก็เข้าใจความหมายที่ผู้สร้างตั้งใจสอดแทรกไว้ เพราะเสื้อผ้าที่เธอใส่ สถานที่ที่เธอไป มันบอกทุกอย่างทะลุปรุโปร่งหมดแล้วว่าเธอเป็นคนแบบไหน

การที่สาวโสเภณีเลือกใส่ชุดสีขาวออกมาหาอีฟ เป็นนิยามให้หมายความถึง ‘สิ่งบริสุทธิ์’ ซึ่งเป็นลักษณะของตัวเธอที่ไม่เคยเปลี่ยนไปตั้งแต่ต้น ฉันสงสัยจังว่าเธอใช้ผงซักฟอกยี่ห้ออะไรกัน ทำไมถึงไม่มีที่ไว้ให้สีอื่นได้แซมออกมาเลย

ดอกไม้สีขาวที่ปักทิ้งไว้ ณ ใจกลางห้องก็เหมือนกัน สิ่งนี้คือการสร้างชีวิต หรือความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับความบริสุทธิ์ของอีฟเอาไว้ ซึ่งหากถามว่าเรื่องส้มๆ จากเรื่องด้านบนนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องพันนี้ด้วยเปล่า คำตอบที่ฉันจะให้เลย คือใช่! มันเกี่ยวข้องกันทั้งหมด

เธอคือความบริสุทธิ์จริงหรือ ไฉนใครๆ ก็ว่าเธอเป็นโสเภณีตัวท็อปความหมายที่อาจมองเข้าไปทำความเข้าใจยาก อาจต้องอาศัยการตีความเพิ่มไปอีกขั้นกับคำว่าความบริสุทธิ์ที่กล่าว ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการผ่านสมรภูมิเซ็กส์มากี่ครั้ง แต่เป็นสิ่งพื้นฐานที่เราสามารถสังเกตได้ทุกครั้งที่วิตาปรากฏตัวในฉาก สิ่งนี้อาจคือความเป็นธรรมชาติแบบที่โสเภณีเป็นก็ว่าได้

วิตาทิ้งร่องรอยความหมายที่ซ่อนเอาไว้เต็มไปหมด สิ่งที่เป็นและสามารถนึกถึงได้ในเรื่อง คือธรรมชาติ เครื่องหมายความเป็นมนุษย์ที่ผู้คนในเรื่องสามารถรับรู้ถึงสถานะตัวเองได้ 

ครอบคลุมไปจนถึงเรื่องของสถานที่และองค์ประกอบต่างๆ ในฉาก ดังนั้นสัญญาณของสิ่งของธรรมชาติที่เหลือไว้ในห้องของทั้งสองจึงเปรียบได้กับสัญลักษณ์การมอบข้อคิดให้กับอีฟและชายหนุ่มให้ได้เข้าใจถึงตัวเอง “เพราะคนที่ให้ทุกอย่างที่เราต้องการก็คือตัวเธอเอง” วิตาพูดกับอีฟหลังจากทั้งคู่มีเซ็กส์

จะแปลกไหม หากฉันว่ามันไม่แปลก

สิ่งที่ช่วยพยุงความเป็นไปของภาพยนตร์ทุกๆ เรื่องเอาไว้ ย่อมหนีไม่พ้นประเด็นของการแสดงที่กินขาดจับใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ สำหรับใครที่ว่าแปลก ฉันก็ไม่แปลกใจ มันไม่ผิดเลยหากเราจะมองออกมาได้แบบนั้น

ดังนั้นฉันจึงขอแปะป้ายสร้างความเข้าใจร่วมกันไว้ว่า ‘เราต้องเปรียบภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเหมือนกับหนังสือเล่มหนึ่ง’ (เท่านั้น) ขอเน้นย้ำคำนี้ส่งท้าย เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ที่ผู้สร้างเลือกให้ตัวละครกระทำสิ่งต่างๆ ออกมาโดยไม่เหมือนกับท่ามนุษย์ปกติ

หรือจะภาษาเก้ๆ กังๆ แบบที่ฟังแล้วขยับตัวยากตาม ไม่ว่าจะด้วยการจุดธูปเรียกเชกสเปียร์ หรือตั้งจิตอธิฐานคุยกับสุนทรภู่ ฉันเองก็ไม่สามารถหาคำตอบจากสิ่งเหล่านี้ได้เหมือนกัน ในขณะเดียวกันสิ่งนี้กลับเรียกความสนใจจากฉัน จนต้องพบกับความลับของบทและการแสดงที่เชื่อมโยงกับความเป็นมนุษย์เข้า

เพราะเราคือสัตว์ชนิดหนึ่ง ‘อารมณ์เ-ี่ยน ใคร่ อยาก และสุขสม’ จึงเป็นสัญชาตญาณของสิ่งที่เป็นพื้นฐานนั่นคือความเป็นธรรมชาติที่สุดในแบบฉบับตัวเรา ซึ่งหากเราลองตั้งสมาธิและสังเกตถึงการเปลี่ยนไปของตัวละคร เราจะพบว่าทั้งน้ำหนักของคำ หรือจังหวะการพูด สิ่งเหล่านี้จะมีการค่อยปรับให้ถูกพูดสบายหูมากขึ้น ไม่เหมือนน้ำเสียงที่ปราศจากอารมณ์ในตอนตั้งต้น

การกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวเท่านั้น โดยเฉพาะตอนที่ตัวละครมีการร่วมรัก หรือตกหลุมรักกันเท่านั้น เพราะจังหวะที่อีฟกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับความสุข คำพูดและการกระทำของเธอก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นอกจากความต้องการของตัวเอง

ความแปลกไม่ได้จบลงที่การแสดงเท่านั้น แต่ผู้สร้างยังตุ๋นฉันซะเรียบกับการหลอกให้เชื่อว่าหญิงสาวต้องคู่กับชายหนุ่ม บทภาพยนตร์ทั้งหมดไม่เคยกล่าวถึงคำที่ระบุความเป็นเพศเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยเหตุผลที่เราล้วนเป็นปกติชน การจะเลือกมองจุดที่ตัวเองสนใจคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของใครของมัน

จากไปด้วยความไม่รู้

ฉันต้องขอชื่นชมว่าภาพยนตร์เรื่องดังนี้มีความ ‘กลม’ สูงมาก ซึ่งความกลมที่ว่าก็มีความหมายถึงเทคนิคการสื่อสารของธีม หรือคือการให้คำตอบของหนังในแบบฉบับที่ทุกเรื่องต้องทำ

‘ทุกอย่างบนโลกนี้ถูกเชื่อมโยงไว้ทั้งหมดแล้ว ทั้งจากในและนอกจอ’ บทสรุปส่งท้ายทิ้งฉันไว้กับการกลับไปวนดูภาพยนตร์เรื่องนี้อีกรอบ และก็ทำให้ฉันพบข้อสรุปเพียงหนึ่งเดียวกับประสบการณ์ที่มีร่วมกันระหว่างตัวหนังและมนุษย์คนดู 

การแชร์ความรักฉบับ ‘ควายกินหญ้า ควายยังได้ไฟเบอร์ ส่วนฉันได้อะไร’ เฉลยข้อคิดกับการรู้จักความต้องการของตัวเองที่แท้จริง เพราะไม่ว่าใครๆ ก็ล้วนแต่มีความต้องการในความรัก และด้วยความทะเยอทะยานก็มักจะพังเสมอ

ฉะนั้นการที่ผู้สร้างลอยแพตัวละครไปพร้อมกับคนดู จึงทิ้งความหมายเอาไว้ถึงความต้องการที่ต้องถูกหยุด และความรักที่ต้องถูกพอ คุณละฐานความเข้าใจไว้ได้แค่นั้นเลยก็ได้ 

เพราะฉันจะพูดอย่างจริงใจว่าหากเปรียบคุณเป็นเหมือนภาพยนตร์ที่มีชีวิตหนึ่งเรื่องแบบที่ว่าการพยายามหาคำตอบอาจไม่ใช่ทางออกของหัวใจ

AUTHOR