“แม่ซื้อเจ้าเอ๋ย มาคุ้มลูกแหน่ ลูกข่อยป่วย
ลูกข่อยหลง ขวัญมันหาย…”

หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ ‘แม่ซื้อ’ แต่น้อยนักที่จะรู้ว่าเธอเป็นใคร ผิวพรรณ หน้าตาเป็นแบบไหน รู้เพียงแต่เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบปรากฏตัวเล่นในอากาศกับเด็กทารก พรางกายกลืนหายไม่ให้บรรดาผู้ใหญ่ได้เห็นแม้เพียงปลายเส้นผม
ทว่าอาการของเด็กทารกที่คอยร้องกระจองอแง คว้ามือขยำนิ้วมองเพดานพลางหัวเราะคนเดียว คำบอกเล่าของมนุษย์ตัวเล็กในวัยอนุบาล อาจจวบจนประถมที่บ่อยครั้งถูกทิ้งให้เปล่าเปลี่ยว พูดคุยกับใครบางคนใต้แสงสลัวทำให้ผู้ที่ได้ยินหวาดผวา แต่กลับรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกในเวลาเดียวกัน เมื่อรู้ว่าลูกหลานมีแม่ซื้อคอยปกปักขวัญอยู่ไม่ห่าง
“สมัยก่อนเคยเจอเด็กอายุ 2 ขวบที่ตกระเบียงจากชั้น 3 ลงมา มันสูงมากแต่น้องไม่เป็นอะไรเลย คนเข้าไปช่วยถามว่าเจ็บไหม น้องตอบว่าไม่เจ็บ เพราะมีผู้หญิงมายืนรับหนูอยู่ข้างล่าง” – แม่น้องแสตมป์
“ประมาณตี 4 ของเช้าวันหนึ่ง มีคนตะโกนเรียกเราจากหลังบ้าน แต่ไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะกำลังงัวเงีย ตื่นเช้ามาไปเล่าให้ยายฟัง ยายบอกว่าแม่ซื้อมาลา เขาคงเห็นว่าเราโตพอจนหมดห่วงแล้ว” – Forestar
“จากใจเลยนะ ส่วนตัวที่เลี้ยงลูกมาเองตลอด ไร้สาระสุดๆ ครับ ความเชื่อโบราณบ้าบอพวกนี้ ผมเลี้ยงลูกมาเอง” – คุณพ่อของคุณลูก
“ไม่เชื่อค่ะ แต่ไม่ลบหลู่ความเชื่อใดๆ ทั้งสิ้น เราคิดว่าเป็นปฏิกิริยาของเด็กที่มีพัฒนาการเพิ่มขึ้นทั่วๆ ไปมากกว่า” – Two angel
เรารวบรวมความคิดเห็นส่วนหนึ่งในกระทู้พันทิปด้วยหัวข้อที่ว่า “คุณคิดว่าแม่ซื้อมีจริงไหมคะ” ผู้เขียนเองก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่ที่ใดมีตำนาน ที่นั่นย่อมมีนักเล่าเรื่อง
“ขวัญกะคือแสงไฟในใจ ส่วนแม่ซื้อกะคือคนคุ้มกันแสงไฟนั้น บ่ให้น้ำคืนนำลมหายไปไหน”
ในความเชื่อพื้นบ้านของคนอีสาน ขวัญคือพลังชีวิต หรือจิตวิญญาณที่อาศัยอยู่ในร่างกายเรา และมีแม่ซื้อเป็นผู้พิทักษ์ไว้ ด้วยความผูกพันในพิธีกรรมบายศรีสู่ขวัญ หรือส่อนขวัญ ผ่านผู้นำทั้งหมอสูด พ่อหมอ แม่หมอ จากพิธีเล็กๆ ในหมู่บ้านกระทั่งยิ่งใหญ่ถึงการสมโภชกษัตริย์ ทำให้รากความศรัทธาของ ‘ขวัญ’ ยังเหนียวแน่นนับแต่บรรพบุรุษยันเหลนโหลน
“ทุกคำเว้ากะคือคำปลอบใจ ทุกเส้นด้ายที่ผูกไว้กะคือคำอวยพร
ทุกสายตาที่เบิ่งมากะคือความฮักแน่นหนา”

ว่ากันว่าทุกสิ่งที่ถือกำเนิดใหม่บนโลกนี้ จะมีบางอย่างล่องลอยตามมาโดยที่เรามองไม่เห็น มันไม่มีรูปร่าง เป็นเหมือนมวลอากาศอุ่นๆ รายล้อมกาย แต่ที่ที่สิ่งนี้ชอบซ่อนตัวอยู่ เสมือนเป็นบ้านหลังหนึ่ง คือบริเวณกลางหัว ก้นหอยม้วนกลมอันมีชื่อเรียกว่า ‘จอมขวัญ’
ครั้งหลับฝันร้ายในวัยเตาะแตะ แม่จะเอ่ยว่าขวัญเอ๋ยขวัญมา และเมื่อใหญ่แล้วขวัญจะแข็งแกร่งขึ้น มีสติอารมณ์ที่ดีตามวัยผู้เป็นเจ้าของ แต่ใช่ว่าผู้ใหญ่จะกล้าแกร่งเสมอไปนี่จริงไหม บางครั้งเราก็เจอเรื่องสะเทือนใจจนขวัญหลุดกระเจิง หลบซ่อนตัวในที่ที่เราหาไม่เจอ ถ้าไม่ส่งเสียงร้องบอกเขาว่ากลับมาเถอะนะ เขาก็อาจจะหลงทาง
“คนเรากะอาจเจอเรื่องที่ใจหาย บางคนตกใจใหญ่ บางคนเสียใจจนใจหล่น”

เวลาเกิดเรื่องสะเทือนใจ ‘ขวัญ’ มักสิหลุดลอยออกจากร่างไปซุกอยู่แถวนั้นแหละ ใกล้ๆ จุดเกิดเหตุเลยต้องมีพิธีหนึ่งที่บ้านเฮาเรียกว่า ‘ส่อนขวัญ’ เป็นพิธีตามขวัญให้กลับบ้าน
“พิธีนี้สิไปทำกันตรงจุดที่เกิดเหตุ เอาดอกไม้ เทียนสองเล่ม แล้วกะของกินง่ายๆ อย่างผลไม้ น้ำดื่ม ข้าวต้ม ขนมใส่กรวยเล็กๆ จากนั้นคนที่เป็นหมอขวัญ หรือผู้เฒ่าที่เฮาเคารพนับถือก็สิถือ ‘หิง’ หรือ ‘สวิง’ ที่แต่เดิมเอาไว้ช้อนปลา แล้วกะช้อนขวัญเบาๆ ไปตามดิน ตามลม
“สิ่งสำคัญที่สุดของพิธีนี้บ่ใช่ของในมือ แต่คือญาติที่พาไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ สามี ภรรยา หรือลูกหลาน เพราะเชื่อกันว่าพอขวัญเห็นหน้าคนที่ฮัก มันสิรีบตามกลับมาเข้าร่างอย่างเร็ว วันใดวันนั้นเจ้าของขวัญสิเริ่มดีขึ้น หัวใจบานเหมือนดอกไม้ยามเช้าอีกครั้ง”
ถ้าสูยังนึกภาพบ่ค่อยออก งั้นเปิด MV ขวัญเอยขวัญมาของพี่ปาล์มมี่เบิ่งโลด รับรองเข้าใจ!
อาจจะเว้าสลับอีสานคักไปจักหน่อย ก็นอกจากภาษาเขาจะเป็นตาฮักแท้ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน ถ้ามีหยังผิดพลาดไปต้องขออภัยเด้อ ผู้เขียนกะกำลังหัดเว้าอยู่คือกัน
พิธีกรรมเรียกขวัญ และเรื่องเล่าของหญิงสาวนามแม่ซื้อ ยังถูกสืบทอดส่งต่อกันมาอยู่เนืองๆ ตามประเพณีความเชื่อไทยโบราณ เป็นอะไรที่อบอุ่น และโคตรขลังในเวลาเดียวกัน เพราะเมื่อทารกเพิ่งลืมตาดูโลกก็มี ‘แม่’ คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ทะนุถนอมเหมือนไข่ที่ไม่ยอมให้หล่นแตก ยิ่งมี ‘แม่ซื้อ’ เพิ่มมาอีกหนึ่งคนด้วย ยิ่งทำให้เรากลายเป็นมนุษย์สุดพิเศษ เป็นของรักของหวงของคนตั้งสองคน
“แม่ซื้ออยู่ตรงนี้เด้อ อย่าไห้หลาย บ่ต้องกลัว
พอลูกโตแม่สิลาละ แต่ถ้าขวัญหลงอีก แม่จะกลับมาใหม่”

ดีจะตายไปเนอะที่ได้มีความเชื่อว่าบนโลกนี้มีคนรักเราอยู่ ตั้งแต่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร ทั้งในวันที่เราหมดหวังก็ยังเชื่อว่าวันหนึ่งหวังจะกลับคืนมาได้ เราว่าประเพณีนี้เจ๋งมากเลยล่ะ
โอ! ถ้าใครขวัญหาย เพราะอกหักเศร้าโศกอยู่
“ขวัญเอ๋ย ขวัญมานะ”