‘รักอยู่รอบกาย’ บทเพลงพิสูจน์ความอมตะของวงพอส

เมื่อได้ฟังเพลงรักอยู่รอบกาย ได้ยินเสียงชายผู้จากโลกไปแล้ว เชื่อว่าใครหลายคนคงรู้สึกไม่ต่างจากเรา ความรู้สึกแรกคือคิดถึง ความรู้สึกที่สองคือสงสัย

สงสัยว่าเสียงโจ้-อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ นักร้องนำของวงจริงไหม ให้ใครร้องแทนหรือเปล่า

แล้วถ้าเป็นเสียงโจ้จริง เสียงนั้นมีที่มาอย่างไร เขาจากไปแล้วไม่ใช่หรือ

“จุดเริ่มต้นคือพวกเราได้ไฟล์เสียงมา เป้ (ภิทรู พงษ์ชนะ) มือคีย์บอร์ดที่เล่นให้วงพอสเขาชวนโจ้ไปอัดเก็บไว้ เพลงนี้เขาทำกันสองคน พวกเราสามคนไม่ได้อยู่ในห้องอัดตอนนั้น ความยาวของประมาณนาทีกว่าๆ จนกระทั่งมันล่วงเลยเป็น 10 ปี” นอ-นรเทพ มาแสง, เอ-พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ และ บอส-นิรุจ เดชบุญ 3 สมาชิกวงพอสที่ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการดนตรีย้อนเล่าถึงที่มา

“แต่ตอนที่ได้มาเพลงมันยังไม่เสร็จ ต้องการการเสริมต่อ ก็พยายามไปพูดคุยกับหลายๆ ค่ายที่เคยอยู่ เขาก็งงว่าแล้วมันจะยังไง ใครจะร้องต่อ และเราเองก็มีภาระหน้าที่ด้วย ก็เลยยังไม่ลงตัว จนมาอยู่มิวสิกมูฟ และคุณฟองเบียร์เป็นแฟนเพลง เขาอยากทำ ประจวบเหมาะกับเราสามคนอยากกลับมาเล่นด้วยกันในนามวงพอส และแฟนเพลงของเราก็มีฟีดแบ็กที่ดี คือมันมีครบ มีคนฟัง มีคนสนับสนุน พวกเราอยากกลับมาเล่นด้วยกัน และปีนี้ก็ครบ 20 ปีวงพอส” นอขยายความต่อ

“จริงๆ จะปล่อยทิ้งไว้ ไม่เอามาทำต่อก็ได้ แต่พอเราลองเอาไปให้คุณพ่อคุณแม่พี่โจ้ฟัง พวกท่านก็ดีใจที่ได้ฟังเสียงลูกชายอีกครั้ง อวยพรกลับมาว่าขอให้โชคดี มันมีแต่บวก ก็คิดว่าทำดีกว่า”

จากไฟล์เสียงร้องสั้นๆ จึงได้ถูกนำมาขยายกลายเป็นเพลงฉบับเต็ม โดยได้ฟองเบียร์มาเป็นผู้แต่งเนื้อเพลงเพิ่มเติม และหากเราตั้งใจฟังดีๆ เนื้อร้องในท่อนที่เพิ่มมาจะมีคำคุ้นหูเป็นชื่อบทเพลงเก่าๆ อย่าง ยื้อ หรือ ที่ว่าง ที่ฟองเบียร์จงใจใส่ให้ได้กลิ่นอายของพอสเพิ่มความคิดถึง โดยได้เอกับบอสช่วยร้องในท่อนที่เติมเข้ามา และนอรับบทเป็นโปรดิวเซอร์

“ลึกๆ เราไม่ได้อยากหาคนมาแทนโจ้ ตอนนั้นถึงได้ตัดสินใจหยุด ไม่ทำต่อ เก็บไว้ให้โจ้เป็นที่คิดถึง อย่างตอนที่เราทำเพลง สิ่งที่มันกำลังเกิด แล้วให้เอ๊ะ จิรากร มาร้อง ก็ไปคุยกับพ่อพี่โจ้ก่อนว่าเราจะขอทำนะ แต่เรารู้ว่าไม่มีใครแทนโจ้ได้หรอก” เอกบอกถึงสาเหตุที่พวกเขาตั้งใจที่จะเว้นตำแหน่งนักร้องนำวงพอสเอาไว้ยาวนาน

ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งที่หากนอไม่บอกคงไม่มีทางรู้คือ เสียงเบสที่ได้ยินในเพลง รักอยู่รอบกาย เป็นเสียงจากเบสตัวเดียวกับที่นอใช้อัดเพลงแรกของวง แถมทุกคนยังตั้งใจให้เสียงเครื่องดนตรีประกอบยึดจังหวะลงตามเสียงร้องที่โจ้บันทึกไว้เป็นหลัก เพราะปลายทางที่เห็นร่วมกันคือทำเพลงที่โจ้อัดเก็บไว้ให้สมบูรณ์ที่สุดเท่านั้น

“เพลงนี้ทำเพื่อพี่โจ้ ปลุกพี่โจ้ให้กลับมามีชีวิต ให้แฟนๆ ได้สัมผัสน้ำเสียงของพี่โจ้อีกครั้ง เพลงนี้ไม่ใช่ของเราเลย เป็นของแฟนเพลงทุกๆ คน” บอส มือกลองประจำวงสรุปความหมายของคำว่ารักในเพลงนี้ไว้สั้นๆ

หลังจากได้ฟังเพลงสุดพิเศษที่วงพอสตั้งใจทำเพื่อมอบเป็นของขวัญให้แฟนเพลงในวาระครบรอบ 20 ปี ความคิดถึงก็ทำงานได้ดีราวกับวงดนตรีวงนี้ไม่เคยหายไปไหน ยิ่งได้ดูมิวสิกวิดีโอที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนที่นั่งตรงเก้าอี้ตัวนั้นมีโจ้นั่งอยู่

อะไรทำให้วงดนตรีวงหนึ่งยังอยู่ในใจแฟนเพลงแม้ไม่มีผลงานมานับสิบปี-เราสงสัย

“ชีวิตคนเรามันสั้น 10 – 20 ปีสำหรับผมมันไม่นานนะ” เอบอกความรู้สึกส่วนตัว “ที่พอสยังไม่หายไป ส่วนหนึ่งเพราะคนยังคิดถึงพี่โจ้ โจ้คือพอส คำว่าพอสเลยยังอยู่ตลอด แล้วพี่โจ้เขาร้องดีด้วยแหละ คนที่ไม่อยู่ในยุคสมัยของเราก็ยังฟัง

“มันพิสูจน์ว่าเสียงพี่โจ้เขาทัชกับหัวใจคนรุ่นใหม่ ดนตรีมันไม่เกี่ยวกับกาลเวลา”

AUTHOR